บทที่ 14 สองสาวพี่น้องจะล้างแค้นให้ท่านแม่
“ไม่มีมิเช่นนั้น ข้าจะรักษาเขาให้หายแน่นอน”
“ดี!”
หนานหว่านเยียนถูกคนของกู้โม่หานส่งกลับไป ระหว่างทางที่ผ่านสระบัว นางชำระล้างรอยเลือดบนตัวตนเอง ถึงได้เข้าประตูของเรือนเซียงหลิน
เท้านางพึ่งก้าวเข้าประตูเรือน ก็เห็นขนปุกปุยของไม่เผ็ดแนบเข้ามา นางมองเข้าไปในด้านในอีก ซาลาเปากับเกี๊ยวน้อยมือกุมกันไว้ วินาทีที่เห็นนางก็ดวงตาส่องประกายขึ้นมาทันที
“ทำไมพวกเจ้าตื่นแล้วล่ะ? ยังไม่นอนกันอีกรึ?”
เจ้าก้อนแป้งบอก “อยากรอท่านแม่กลับมานอนด้วยกันน่ะเจ้าค่ะ”
สองสาวพี่น้องกับเผ็ดไม่เผ็ดวิ่งมาหาหนานหว่านเยียนอย่างยินดี นางโดนเด็กสองคนหมาสองตัวคุมจนเริ่มเจ็บ ไม่ทันสังเกตว่าแผลที่ไหล่ซ้ายปริและมีเลือดซึมมาที่เสื้อผ้า
เกี๊ยวน้อยตาดี มองเห็นรอยเลือดบนตัวนางทันที ตาแดงเรื่อฉับพลัน!
“ท่านแม่ ใครรังแกท่านรึ?! ข้าจะไปล้างแค้นให้ท่านแม่!”
หนานหว่านเยียนถึงรู้ตัวว่าแผลที่ไหล่ซ้ายตนปริแล้ว เลือดสดแทงตา
นางลูบใบหน้าน้อยๆของเกี๊ยวน้อย พลางยิ้มถาม “เกี๊ยวน้อย เจ้าจะล้างแค้นให้แม่อย่างไรเล่า?”
ดวงตากลมโตของเกี๊ยวน้อยแดงเรื่อ นางปวดใจมาก “ท่านแม่ ท่านอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ผู้ชายสารเลวคนนั้นเมื่อตอนบ่ายใช่ไหม! ต้องเป็นเขาแน่ที่รังแกท่านแม่ เขาน่ะเลวที่สุดแล้ว!”
เจ้าก้อนแป้งน้ำตาไหลอาบแก้ม “ท่านแม่ต้องเจ็บมากแน่ คนเลวนั่น ต้องตีเขา!”
หนานหว่านเยียนไม่ได้ปฏิเสธ เห็นดวงตาที่เกลียดชังความชั่วยิ่งนักของลูกสาวสองคนแล้ว นางใจอ่อนยวบ ดวงตาเริ่มมีน้ำตาคลอ
เห็นดวงตาท่านแม่แดงเรื่อ ยังไม่ปฏิเสธอีก เกี๊ยวน้อยยิ่งร้อนใจหนัก ใบหน้าน้อยๆเดือดดาลของนางขมวดมุ่น “ท่านแม่ไม่ต้องกลัวนะ! เกี๊ยวน้อยจะล้างแค้นให้ท่านเอง! จะออกไปไล่คนเลว!”
พอได้ยินพี่สาวพูดแบบนี้ เจ้าก้อนแป้งรีบยกมือน้อยๆของตนขึ้นเป็นเชิงสนับสนุน “พี่สาวพูดถูกแล้ว! ช่วยท่านแม่ขับไล่คนเลว! ไล่ตีคนเลวจนเละตุ้มเป๊ะไปเลย!”
หนานหว่านเยียนหลุดขำ หอมแก้มของซาลาเปา “เละไม่เป็นท่าต่างหากล่ะ”
ในตอนนี้เอง หัวใจของนางยังละลายเลย ลูกสาวของตนใจดีจริงๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนคิดเพื่อนาง
หนานหว่านเยียนชะงักไปเล็กน้อย โอบลูกน้อยทั้งสองคน “ถ้าวันหนึ่งแม่พาพวกเจ้าจากไป พวกเจ้าจะไปกับแม่ไหม?”
สองสาวพี่น้องตอบพร้อมกัน “ไป!”
“ไป!”
ตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ทำให้หนานหว่านเยียนดีใจมาก
นางยิ่งหนักแน่นมากขึ้นกับความคิดที่จะพาลูกสาวทั้งสองหนีห่างจากที่ไม่ควรแห่งนี้
แต่วันนี้นางกับกู้โม่หานพึ่งปะทะกันครั้งแรก เห็นได้ชัดว่านางเสียเปรียบ
ในนรกที่กินคนแล้วไม่คายกระดูกอย่างจวนอ๋องนี้ นางเหมือนกับมดที่อยู่ชั้นต่ำสุด จะโดนกู้โม่หานเหยียบตายเอาง่ายๆ
และยังมีเหล่านักฆ่าอีกโขยงฝูงหนึ่ง อยากเอาชีวิตพวกนางแม่ลูก....
ดังนั้นเลยต้องปกป้องตัวเอง และยังแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องลูกสาวทั้งสองด้วย
และอยากมีสิทธิ์ในการคัดค้านของจวนอ๋องนี้ อันดับแรกนางต้องเอาฐานะพระชายากลับมา หมากก้าวแรกนี้นางเดินออกไปแล้ว ที่เหลือก็คือต้องเอาอำนาจของพระชายากลับมาทีละก้าว!
ขอเพียงมีอำนาจอยู่ในมือ นางถึงจะสามารถต้านทานภัยในภัยนอก และเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่งที่สุดให้กับลูกสาวทั้งสองได้!
“ท่านแม่เจ็บหรือไม่? ข้ากับซาลาเปาใส่ยาให้ท่านแม่ดีหรือไม่? ท่านแม่ที่เป็นเทพธิดาน้อยงดงามเพียงนี้ ถ้าบนร่างมีแผลเป็น พวกเราต้องปวดใจตายแน่เลย”
หนานหว่านเยียนถูกคำพูดแบบผู้ใหญ่ของเกี๊ยวน้อยดึงสติกลับมายังโลกความจริง นางกลั้นขำไม่อยู่ “ความปากหวานของเจ้านี่ไปเรียนมาจากที่ไหนกัน?”
เวลานี้เจ้าก้อนแป้งกลับออกมาบอกว่า “พี่สาวบอกว่า ท่านแม่เป็นสตรีที่งดงามที่สุดของซีเย่ พอข้ากับพี่สาวโตขึ้นแล้ว ก็จะงดงามเหมือนกับท่านแม่ใช่หรือไม่?”
หญิงสาวกอดเด็กหญิงสองคนอย่างรักใคร่ ในใจอบอุ่นนัก “แน่นอน ซาลาเปากับเกี๊ยวน้อยต้องเป็นเทพธิดาตัวน้อยๆที่ทั่วทั้งซีเย่ยังงดงามเสียยิ่งกว่าแม่แน่!”
พูดจบ หนานหว่านเยียนหยิบยาทาบาดแผลขวดหนึ่งออกมาจากในห้องยื่นให้เกี๊ยวน้อย “งั้นความงดงามของแม่มอบหมายให้พวกเจ้าแล้วนะ?”
เกี๊ยวน้อยหัวเราะร่วนบอก “ท่านแม่วางใจได้เลย ข้ากับซาลาเปาต้องทายาให้ท่านแม่อย่างดีเลย!”
สองสาวพี่น้องยืนอยู่บนเก้าอี้เล็ก ในมือถือยาค่อยๆแหวกเสื้อผ้าหนานหว่านเยียนออกอย่างระมัดระวัง
พอเห็นบาดแผลที่น่าตกใจบนผิวหนานหว่านเยียน เจ้าก้อนแป้งอึ้งตาแตกไปเลย นางเกือบยืนไม่อยู่ แต่เกี๊ยวน้อยพยุงนางไว้ทัน และทำสัญญาณให้เงียบ เจ้าก้อนแป้งถึงได้พยักหน้าตาแดงๆ
พอเห็นท่านแม่เป็นแบบนี้ สองสาวพี่น้องปวดใจนัก จากนั้นทั้งสองคนต่างตั้งใจใส่ยาให้หนานหว่านเยียน
พอรับรู้ได้ถึงสัมผัสเย็นสบายที่หัวไหล่ หนานหว่านเยียนรู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย มือท้วมน้อยๆสองมือแตะผิวตนอย่างระมัดระวัง ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นและพึ่งพิงได้
“ฟู่-ฟู่-“ เกี๊ยวน้อยเป่าลมไปที่บาดแผลของหญิงสาวด้วยปากน้อยๆของตน “แบบนี้ท่านแม่ก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ!”
เจ้าก้อนแป้งก็เลียนแบบตาม ใบหน้าน้อยๆสองใบอ้าปากและปิดปากเป่าลม ดูน่ารักมาก
ไม่นานสองสาวพี่น้องเริ่มทำคล่อง พอใส่ยาเสร็จ หนานหว่านเยียนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พลางดึงสองสาวพี่น้องขึ้นตั่ง
“เอาล่ะ ไปนอนได้แล้วนะ” นางตบหลังลูกสาวทั้งสองแผ่วเบา แต่กล่อมลูกๆไม่ทันง่วง ตนเองกลับหลับปุยไปเลย
เกี๊ยวน้อยที่นอนด้านซ้ายเขย่งมือและเท้าอ้อมไปด้านขวา กระซิบกระซาบข้างหูเจ้าก้อนแป้ง ใบหน้าน้อยที่ดูซุกซุนพลันมีประกายเคียดแค้นวาบผ่าน
คนที่กล้ารังแกท่านแม่ พวกนางจะไม่มีวันละเว้นเด็ดขาด!
อีกด้านหนึ่ง หลังจากหนานหว่านเยียนออกจากเรือนหน้าไป กู้โม่หานก็กำชับพ่อบ้านกาวว่า ต่อไปให้รายงานทุกความเคลื่อนไหวของหนานหว่านเยียนตามความจริงตลอด
พ่อบ้านกาวรับคำสั่งพร้อมจัดหาคน
ภาบในห้องใหญ่ เหลือแค่กู้โม่หานกับเสิ่นอี่ว์สองคน
สีหน้ากู้โม่หานพลันผ่อนคลายลง ไม่มีความเข้มงวดน่าเกรงขามของท่านอ๋องในยามปกติ เหลือแต่ความห่วงใยฉันท์พี่น้อง “ไม่เป็นไร ต้องดีขึ้นมาแน่ๆ”
เสิ่นอี่ว์พลันรู้สึกอบอุ่น จมูกฟืดฟาดเล็กน้อยขึ้นมา
“ข้าน้อยขอบคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิตของท่านอ๋อง หากมิใช่ท่านอ๋องทำร้ายคนผู้นั้นแทนข้า ข้าคงจะอาการหนักกว่านี้ ถึงเวลานั้น น่ากลัวพระชายาเองก็คงหมดหนทางเป็นแน่....”
สีหน้าที่เดิมอ่อนโยนของกู้โม่หานพลันเครียดลง “พูดถึงนางทำไมกัน?”
เสิ่นอี่ว์มองกู้โม่หานด้วยสายตาสับสน
“ท่านอ๋อง บัดนี้พระชายาเปลี่ยนไปมากนัก เพียงแต่ท่านอ๋องยังมิลืมบุญคุณความแค้นเก่าก่อน โดนความเคียดแค้นบดบังดวงตา หากท่านอ๋องยอมใช้ใจ...”
“พอได้แล้ว! ข้าเคยบอกแล้วไง สตรีเช่นหนานหว่านเยียนคนนี้ ต่อให้แปลงร่างกลายเป็นหงส์ ข้าก็ไม่มีทางชายตาแลนางดอก! สตรีเช่นนางก็เป็นเหมือนหนูสกปรกที่วิ่งพล่านตามตลอด ข้ารังเกียจนางยิ่งนัก!”
โดนกู้โม่หานตัดบทเสียงเข้ม เสิ่นอี่ว์ขยับริมฝีปาก สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจไม่พูดอะไร
หลายปีหลังจากนั้น เสิ่นอี่ว์มาคิดถึงคืนนี้ ก็อดถอนหายใจยาวไม่ได้ ดูท่าน่าจะเป็นหนึ่งในคำพูดที่เสียใจที่สุดของกู้โม่หานแล้วล่ะ....