EP.1 : ผู้มีพระคุณ
“นายครับ มันอยู่ชั้นบน”
“พวกมึงจัดการมันให้เรียบร้อยซะ”
“ครับ”
ใบหน้าเรียบเฉยและแววตาที่ไร้ความรู้สึกใดๆ ขณะที่กวาดสายตามองดูรอบๆ บ้าน มือหนาคีบบุหรี่ออกจากริมฝีปากก่อนจะทิ้งมันลงบนพื้นเบื้องล่าง รองเท้าหนังสีดำแบรนด์หรูเหยียบบี้มันไปกับพื้นห้อง สายตาดุดันมองจ้องหน้าลูกน้องคนสนิทเขม็ง
“มึงรู้ดีใช่ไหมว่าต้องทำยังไงบ้าง ไปจัดการพวกเอกสารในห้องมันให้เรียบร้อย แล้วจัดฉากให้ที่นี่ดูเหมือนอุบัติเหตุ กูไม่อยากให้ตำรวจดมกลิ่นมาถึงตัวได้” เขาหันไปมองร่างไร้ชีวิตหลายศพที่นอนจมกองเลือดบนพื้นห้องอยู่ครู่หนึ่ง
“ได้ครับนาย ผมจะจัดการให้เรียบร้อย” วิคเตอร์ก้มศีรษะลงเล็กน้อย
ลูกน้องสองคนวิ่งกระหืดกระหอบลงมาจากชั้นบน เขารีบเดินเข้าไปกระซิบบอกวิกเตอร์ลูกน้องคนสนิทของมาเฟียหนุ่ม
“นาย ไอ้เทวัญมันตายแล้วครับ แต่พวกมันบอกว่าเจอเด็กผู้หญิงอยู่ในห้องของมัน จะให้ทำยังไงกับเด็กนั่นดีครับ”
“จัดการมันซะ”
“ตะแต่ว่า..นายครับเด็กนั่นอายุน่าจะไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ นายจะให้ฆ่าทิ้งเลยเหรอครับ” วิคเตอร์พูดตอบ สีหน้าดูวิตกกังวลกับคำตอบของเจ้านายหนุ่มจนสังเกตได้ชัด ถึงพวกเขาจะฆ่าคนมาไม่น้อย แต่ผู้หญิงกับเด็กก็ถือว่าเป็นข้อยกเว้น พวกเขาจะไม่ลงมือฆ่าเด็ดขาดไม่ว่าในกรณีใดๆ นอกจากเป็นเหตุจำเป็นสุดๆ เท่านั้น ซึ่งกฎข้อนั้นเจ้านายหนุ่มก็รู้ดี
“งั้นมึงเอามันลงมาข้างล่าง ถ้าอยากให้มันรอดมึงรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง” มาเฟียหนุ่มเอ่ยบอกลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ครับนาย” วิคเตอร์พยักหน้ารับทราบ เขาเดินขึ้นไปชั้นบนทันทีเพื่อไปจัดการตามคำสั่งของเจ้านาย
เด็กสาวที่ถูกพาตัวลงมานั่งตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว มือเล็กทั้งสองข้างถูกมัดไว้ไพล่หลังพร้อมกับผ้าที่ผูกปิดตาไว้แน่น
“ฮืออ อย่าฆ่าหนูเลยนะคะ ปะปล่อยหนูไปเถอะ เรื่องทั้งหมดในคืนนี้หนูจะไม่พูดบอกใครทั้งนั้นค่ะ” เธอพูดร้องขอชีวิตและร้องไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอกเมื่อเธอไม่สามารถมองเห็นเหตุการณที่อยู่ตรงหน้าได้เลย
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมคายยืนจ้องมองร่างเล็กที่สั่นเทาด้วยสายตาเรียบเฉย เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ สายตาคมกริบมองสำรวจเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นหลุดลุ่ยราวกับเศษผ้าบนตัวเด็กสาว เวลานี้เธอแทบจะเปลือยกายเสียด้วยซ้ำ ยังดีที่บนร่างบางยังมีแพนตี้ตัวจิ๋วปกปิดส่วนสงวนอยู่ เขามองดูใบหน้าเล็กที่มีร่องรอยบวมช้ำ ดูจากสภาพร่างกายของเด็กสาวตรงหน้าก็รู้แล้วว่าเธอเจอะเจอกับอะไรมาบ้าง เทวัญมันมีรสนิยมวิตถารและชอบมีอะไรกับเด็กสาวๆ ก่อนจะทรมานเหยื่อและจัดการฆ่าทิ้งในภายหลัง คนแบบมันสมควรตายแบบทรมานมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มคิดในใจขณะที่ละสายตาจากเด็กสาวตรงหน้า
“ฉันจะรู้ได้ยังไง ..ว่าเธอจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร”
“ถ้าคุณไม่ฆ่ามัน คนที่จะตายคงจะเป็นหนูเอง เอ่อ..หนูไม่ทำร้ายผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตหนูหรอกค่ะ”
“ฉลาดพูดนะ เธอชื่ออะไร”
“เฌอแตมค่ะ”
“เฌอแตม? อายุเท่าไหร่”
“สะสิบหกค่ะ”
“ฉันจะไว้ชีวิตเธอ พวกมึงเอาเด็กนี่ออกไปได้แล้ว” เขาพูดบอกเธอก่อนจะหันสั่งลูกน้องที่ยืนมองดูอยู่
“ขะขอบคุณมากๆ นะคะ นะหนูอยากรู้ชื่อคุณค่ะ พอจะบอกได้ไหมคะ”
“ไม่จำเป็น.. ถ้ารู้จักชื่อฉัน เธออาจจะกลายเป็นศพเหมือนมันก็ได้” มาเฟียหนุ่มพยักหน้าบอกลูกน้องคนสนิทให้เอาตัวเธอออกไป
“พวกมึงหาเสื้ออะไรให้เด็กนั่นใส่ด้วย ปล่อยไปทั้งสภาพแบบนั้นไม่น่ารอดไปถึงพรุ่งนี้เช้าหรอก” วิคเตอร์หันไปบอกคนอื่นๆ
“จะให้เอาไปปล่อยแถวไหนดีครับ”
“ดูจากสภาพแล้ว พวกมึงเอาไปส่งโรงพยาบาลใกล้ๆ แถวนี้ก็ได้ว่ะ” วิคเตอร์พูดตอบ สายตามองตามแผ่นหลังของเจ้านายหนุ่มที่เดินพ้นจากประตูบ้านไปแล้ว เขารีบเดินกลับขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับคนอื่นๆ ที่ถือถังแกลลอนน้ำมันหลายถังเดินตามขึ้นไปด้วย
“ขอบคุณมากๆ นะคะ” เฌอแตมร้องไห้ออกมาเบาๆ ด้วยความดีใจและโล่งอก ใบหน้าเล็กซบลงบนพื้นห้องและสะอื้นไห้ออกมาอย่างหนัก หลังจากนั้นไม่นานเด็กสาวก็ถูกนำตัวออกมาจากบ้านและพาไปส่งที่โรงพยาบาลใกล้ๆ
3 ปีผ่านไป..
กรี๊ดดดด!!
เด็กสาวกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เธอหอบหายใจออกมาหนักๆ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพราวขึ้นมาเต็มกรอบหน้าและเหงื่อที่ไหลโทรมกาย ฝันร้ายที่คอยตามมาหลอกหลอนเธออยู่ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แม้ถึงแม้คนที่ทำมันจะตายไปแล้วก็เถอะแต่มันก็สร้างตราบาปให้เกิดขึ้นกับจิตใจของเธอไม่น้อย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันทำให้เธอหลุดออกมาจากขุมนรกนั้นได้ ถ้าไม่ได้ผู้ชายคนนั้นช่วยไว้ เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นยังไงต่อไป
‘…มาคิดๆ ดู..ผู้ชายพวกนั้นคงจะไม่ใช่คนดีหรอก คนดีๆ ที่ไหนจะฆ่าคนได้หน้าตาเฉยแบบนั้นกัน เขาพูดว่าจะไว้ชีวิตฉัน ตอนนั้นเขาก็คงคิดอยากฆ่าฉันเหมือนกันละมั้ง ช่างเถอะ.. ไอ้บ้าวิตถารนั่นมันก็สมควรตายจริงๆ นั่นแหละ ถือว่าฉันยังโชคดีกว่า ที่ไม่ต้องตายเพราะความวิปริตของมันเหมือนเด็กสาวคนอื่นๆ …’
เด็กสาวลุกออกจากเตียงนอนด้วยความอ่อนล้า สายตามองดูนาฬิกาตั้งโต๊ะที่เวลาตอนนี้เกือบๆ ตีสาม มือเล็กเอื้อมออกไปหยิบขวดน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดื่มอย่างหิวกระหาย เธอเอื้อมมือออกไปหยิบแฟ้มเอกสารสีดำออกมาจากชั้นวางหนังสือและเปิดมันออกมาดูภาพข่าวที่เธอตัดแปะติดกับกระดาษสีขาวไว้
เหตุการณ์ไฟไหมบ้านนักธุรกิจรายใหญ่ที่โชคร้ายเสียชีวิตในเปลวเพลิงพร้อมกับลูกน้องภายในคฤหาสน์หรู สาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรและทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุรวมห้าศพ
เธอยืนยิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปิดแฟ้มเอกสาร มือเล็กหยิบมันไปเก็บไว้บนชั้นหนังสือตามเดิม
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้มีพระคุณคนนนั้นเขาชื่ออะไร จำได้แต่น้ำเสียงของเขาเท่านั้น ฟังดูแล้วเหมือนจะยังหนุ่มอยู่มาก ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางสะบัดหน้าไล่อาการปวดหัวขณะที่ก้มลงมองเสื้อยืดที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อของตัวเอง มือเล็กหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจากราวแขวนผ้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป