บท
ตั้งค่า

4 ความหวังเดียว

มิรันดากลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบตีสามหญิงสาวรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงก็ยังคงไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้

เมื่อสองวันก่อนเธอกับเพื่อนรักอีกสองคนเข้าไปหาเขมทัตเพื่อยืมเงินจำนวน 30 ล้านจริงอย่างที่ผู้ชายผู้ชายคนนั้นพูด เพราะเขมทัตเป็นคนเดียวที่พอจะมีเงินมากขนาดนั้นให้พวกเธอยืมได้

ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอและเพื่อนกลับไปหาแม่ครูอรดีที่บ้านเด็กกำพร้าจึงได้รู้ว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังเดือดร้อนเพราะเจ้าของที่คนเดิมเสียชีวิตลง ลูกชายก็เลยอยากจะขายที่ดินผืนนั้นให้กับนายทุนเอาไปสร้างเป็นศูนย์การค้า แม่ครูและเด็กจะต้องย้ายออกจากที่นั่นภายในเวลาหนึ่งเดือน ถ้าไม่ย้ายออกก็ต้องจ่ายค่าเช่าย้อนหลังบวกกับค่าที่ดินรวมเป็นเงินถึง 30 ล้าน

เดิมทีที่ดินผืนนั้นเป็นของคุณอรัญญา ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตา ท่านให้แม่ครูสร้างสถานเลี้ยงเด็กบนที่ดินโดยไม่คิดค่าเช่า จนผ่านมาถึงตอนนี้ก็เกือบสามสิบปีแล้ว

แม้ว่าจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลทุกเดือนแต่นั้นก็พอแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แล้วเงินจำนวน 30 มิรันดาและเพื่อนก็ไม่รู้จะไปหยิบยืมที่ไหน นอกจากคุณเขมทัตซึ่งเขาเป็นนักธุรกิจที่ค่อนข้างมีฐานะและมักจะมาทำบุญที่บ้านเด็กกำพร้าอยู่บ่อยๆ

ข้อเสนอที่ผู้ชายคนนั้นยื่นให้ ฟังดูก็น่าสนใจ เพราะถ้าเขาให้เงินพวกเธอมากอย่างที่พูดจริงๆ ก็เท่ากับว่าแม่ครูและเด็กๆ จะไม่ต้องย้ายออก

มิรันดาและเพื่อนเติบโตมาจากที่นั่น มีแม่ครูคอยเลี้ยงดูและส่งเสียจนได้เข้าเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ พอชั้นมัธยมก็ขอทุนจากทางโรงเรียน วันหยุดก็ไปรับจ้างหาเงินค่าขนมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตอนนี้มิรันดาและโยศิตาเรียนอยู่ชั้นปีสี่แล้ว ส่วนชนิศาก็เรียนจบชั้นปวส. แม้ว่าตอนนี้จะออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างนอกแล้วแต่ก็ยังแวะไปหาแม่ครูอยู่เสมอ เพราะถือว่าที่นั่นเป็นบ้าน และแม่ครูก็คือคนที่มีบุญคุณกับพวกเธอมากกว่าใครทั้งหมด

“รัน นอนไม่หลับเหรอ” ชนิศาตื่นมาในเวลาตีห้าก็เห็นมิรันดาทำอาหารอยู่ในครัว

“อือ ขอโทษนะนิ รันทำให้นิต้องตื่นเลย”

“ไม่เป็นไร คิดเรื่องนั้นใช่ไหม”

“อือ ไม่รู้ว่าพี่ต้นจะหาเงินมาให้พวกเรายืมได้ไหม”

“นิว่ามันยากอยู่นะ เงินมากขนาดนั้น แล้วพวกเราสามคนก็เป็นแค่คนธรรมดาไม่มีทรัพย์สินอะไรไปค้ำประกันกับเขาเลย”

“นั้นสิ แล้วถ้ามีคนอื่นเสนอให้เงินเราล่ะ”

“บ้าน่ารันจะมีใครให้เงินเราเยอะขนาดนั้น”

“ถ้ามีล่ะ”

“ถ้ามีจริงเขาก็คงหวังอะไรในตัวรันแหละ เมื่อคืนเจออาเสี่ยกระเป๋าหนักอีกแล้วใช่ไหม”

“อือ กระเป๋าหนักจริง แต่ไม่ใช่เสี่ย หน้าตางี้หล่อมาก น่าจะเป็นลูกครึ่ง”

“รันไปรู้จักเขาได้ยังไง”

“เขาน่าจะเป็นเพื่อนคุณศิลา”

“อ๋อ คงรวยน่าดูเนาะ”

“เขาเสนอเงินให้เราแลกกับอะไรบางอย่าง”

“อย่าบอกนะว่าเขาขอซื้อตัวรัน”

“ไม่ใช่อย่างั้นสักหน่อย อย่างรันน่ะใครเขาจะซื้อแพงขนาดนั้น อย่างรันแค่แสนเดียวก็วิ่งไปหาเขาแล้ว”

“ถ้าแม่ครูมาได้ยินคงเป็นลงไปหลายตลบแน่”

“ใครจะกล้าพูดให้ได้ยินกันล่ะ”

“แล้วรันรับข้อเสนอของเขาหรือยัง”

“ยังเลย เรื่องนี้เราตัดสินใจคนเดียวไม่ได้หรอก แล้วนี้โยไปไหน เราอยากปรึกษาเรื่องนี้สักหน่อย” มิรันดาถามถึงเพื่อนอีกคน เพราะเมื่อคืนเธอกลับมาถึงบ้านทุกคนก็เข้านอนกันแล้ว

“ออกไปกับพี่กร แต่เดี๋ยวก็คงกลับมาแหละเพราะพี่กรต้องไปทำงานแต่เช้า”

“สองคนนี้เขากลับมาคบกันจริงๆ แล้วใช่ไหม”

“ก็คงอย่างั้นแหละ ตั้งแต่พี่กรกลับมาจากเมืองนอกก็เห็นควงกันตลอด”

“ก็ดีเหมือนกันนะ เราว่าเหมาะสมกันดี” มิรันดาก็อยากให้เองตัวเองมีความสุขกับคนที่เหมาะสม

20.30 น. มาร์โค่ผับ

“รันมองหาอะไรอยู่ นัดใครไว้หรือเปล่า” โจ้เพื่อนร่วมงานผู้ชายถาม

“เปล่าจ้ะ”

“เปล่าอะไรเราเห็นรันมองไปทางประตูทุกห้านาทีเลยนะ”

“ก็แค่สงสัยว่าทำไม่วันนี้ลูกค้าถึงไม่ค่อยเยอะเหมือนทุกวัน”

“คืนวันธรรมดาก็อย่างนี้แหละ แต่ก็ดีแล้วเราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไงมาก”

“ไม่เหนื่อยก็จริงแต่ทริปก็จะน้อยตามไปด้วย” น้ำตาลเพื่อนอีกคนพูดขึ้น

เพราะแขกที่นี่แต่ละคนกระเป๋าหนักกันทั้งนั้น บางครั้งรายได้จากทริปยังมากกว่าเงินเดือนด้วยซ้ำ

มิรันดาเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้สองเดือน เพราะถ้าเป็นช่วงเปิดเทอมเธอจะไปทำงานเป็นผู้ช่วยครูสอนที่โรงเรียนกวดวิชาชื่อดัง

“นั้นสิเมื่อคืนได้ทริปเยอะมาก เราชักอยากจะทำงานที่นี่ต่อแล้วสิ” มิรันดารู้สึกเสียดายถ้าเปิดเทอมจะต้องเลิกทำงานที่นี่

“ลองคุยกับผู้จัดการดูสิ เผื่อเขาจะให้มาทำเฉพาะคืนวันหยุด” น้ำตาลก็อยากให้มิรันดามาทำงานด้วยเพราะเพื่อนร่วมกันคนนี้ทั้งนิสัยดีและขยันทำงาน

“ขอบใจนะน้ำตาลที่แนะนำ เดี๋ยวเราจะหาโอกาสคุยกับเขาดู”

ถึงแม้จะได้ทริปมากขึ้น ทำงานเยอะขึ้นมากกว่าเดิมมากแค่ไหนหรือจะทำงานยังไงจำนวนเงินที่ได้ก็คงไม่พอที่จะช่วยแม่ครูอยู่ดี

เมื่อตอนบ่ายเธอปรึกษาเรื่องนี้กับโยศิตาแล้วทุกคนก็ลงความเห็นว่าเธอควรรับข้อเสนอของผู้ชายคนนั้นเพราะเงื่อนไขมันไม่ได้ยากอะไรเลย แต่เธอคิดว่าจะบอกความจริงเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขมทัตก่อน

มิรันดาแอบเข้ามาในห้องน้ำ หญิงสาวกดโทรออกไปยังนามบัตรที่ผู้ชายคนนั้นให้ไว้ แต่โทรเท่าไหร่ก็เข้าระบบฝากข้อความและขณะนี้ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งชั่วโมงถ้าเธอยังติดต่อเขาไม่ได้ เงิน 30 ล้านก็คงจะหายไปในพริบตา

หญิงสาวเริ่มกังวลว่าสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนอาจจะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น มิรันดาถอนหายใจอีกครั้งเธอรู้สึกหมดหวังจนแทบไม่มีแรงเดินออกจากห้องน้ำ

“น้ำตาลเห็นคุณศิลาไหม”

“น่าจะอยู่ในห้องทำงานข้างหลัง”

“เราขอไปหาคุณศิลาหน่อยนะ”

“อือ”

มิรันดาเดินมายังหลังร้านที่เป็นห้องทำงานของคุณศิลาซึ่งเป็นเจ้าของผับแห่งนี้ เธอเคาะประตูห้องทำงานรอจนเข้าอนุญาตจึงเปิดเข้าไป

“คุณศิลายุ่งอยู่ไหมคะ”

“ไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า หรือแขกข้างนอกมีปัญหา” ศิลากำลังทำท่าจะลุกแต่มิรันดาก็รีบห้าม

“เปล่าค่ะ รันอยากรบกวนคุณศิลานิดหน่อยค่ะ”

“เรื่องอะไร”

“คือรันมีธุระจะคุยกับคุณมาร์คัส เขาทิ้งนามบัตรไว้แต่รันโทรไม่ติด คุณพอจะมีเบอร์อื่นไหมคะ” หญิงสาวยื่นนามบัตรสีทองให้กับศิลาดู

“เรื่องด่วนหรือเปล่าละ”

“นิดหน่อยค่ะ รันต้องคุยกับเขาก่อนเที่ยงคืน”

“งั้นรอเดี๋ยวนะ”

ศิลากดโทรออกไปยังเบอร์ของแพทริค พอฝ่ายนั้นรับก็รีบถามถึงเพื่อนของตนจึงได้รู้ว่าตอนนี้ฝ่ายนั้นกำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่ที่ผับอีกแห่งหนึ่ง

“รัน ขอเบอร์คุณหน่อย”

มิรันดาบอกเบอร์โทรของตนให้กับศิลาเพื่อให้เขาบอกไปยังคนปลายสายให้ติดต่อเธอหลังจากที่ทำธุระเสร็จ

“เดี๋ยวจะติดต่อมาเอง”

“มันจะเกินเที่ยงคืนไหมไหมคะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกถ้ามันเกินฉันจะช่วยพูดให้เองว่าเธอโทรหาเขาก่อนเที่ยงคืนแล้ว แต่เขามัวทำอย่างอื่นอยู่ มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย”

“ขอบคุณนะคะคุณศิลา”

คุยธุระเสร็จมิรันดาก็ขอตัวออกมาทำงานต่อ ระหว่างนั้นหญิงสาวก็คอยยกโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาดูเรื่อยเพราะกลัวว่าถ้าเขาโทรกลับมาตัวเองจะมารู้เพราะเปิดเป็นระบบสั่นไว้

ผู้ชายคนนั้นเป็นความหวังเดียวที่เธอเหลืออยู่ในตอนนี้ ถ้าเขาทำได้อย่างที่พูดจริงเธอจะยอมยกให้เขาเป็นผู้มีพระคุณอันดับสองในชีวิตรองลงมาจากแม่ครูเลยทีเดียว

แต่ดูเหมือนว่าความหวังจะริบหรี่เพราะตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาแล้วแต่เขาก็ยังไม่โทรกลับมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel