บท
ตั้งค่า

5

Chapter 5

“ปกติพี่ไม่ค่อยชอบกินของหวานหรอกค่ะ แต่ถ้าน้องนิ่มทำ พี่ก็กินได้หมดนั่นแหละครับ” คนปากหวานตอบเสียงหวานทำเอาคนฟังยิ้มเขิน

“นิ่มจะให้คนไปเก็บดอกบัวนำไปถวายพระพรุ่งนี้ค่ะ ต้องขอตัวสักครู่นะคะ” หล่อนเอ่ยบอกหลังจากนั่งจิบน้ำชาสนทนากับโมกข์อีกครู่ใหญ่

“เก็บที่ไหนหรือคะ” โมกข์เอ่ยถามอย่างสนใจ เขานึกลองไปเก็บบัวกับเธอบ้าง

“ที่บึงบัวใหญ่ด้านโน้นค่ะพี่โมกข์”

“พี่อยากไปดูดอกบัวจังค่ะ เราไปเก็บเองไม่ดีกว่าเหรอ จะได้เลือกเอง เอาที่ถูกใจ พี่จะช่วยน้องนิ่มเก็บเองค่ะ บ่าวไพร่ก็ให้ช่วยทำงานอย่างอื่นไป”

“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวให้นายสนพายเรือให้นะคะ”

“เรือพายนั่งได้แค่สองคนให้นายสนพายให้ได้อย่างไรกัน”

“เราไปคนละลำค่ะพี่โมกข์ ส่วนเรือของน้องให้นายมั่นช่วยพาย”

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ น้องนิ่มไปกับพี่ดีกว่า ใช้เรือลำเดียวกัน เดี๋ยวพี่จะพายให้นิ่มนั่งเอง ดีไหมคะ” โมกข์สรุปเสร็จสรรพ เขาไม่อยากให้คนอื่นอยู่ด้วยเพราะว่าอยากอยู่กับสาวน้อยสองต่อสอง

“นิ่มลืมไปว่าพี่โมกข์พายเรือเก่งมากๆ เชียวค่ะ” เธอนึกถึงช่วงวัยเด็กที่มาอยู่ที่นี่กับบิดามารดาของเขา โมกข์มักจะพาเธอพายเรือและเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน พอนึกถึงช่วงวัยเด็กก็ต้องเผยยิ้มออกมาแทบจะทันที

“มาเถอะค่ะ พี่จะพายเรือให้น้องนิ่มเอง” เขาพูดอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือไปให้เธอจับ แต่นิ่มไม่กล้าจับ เธอเขินอายที่จะสัมผัสเนื้อตัวของเขา

“ทำไมหรือคะ พี่จับมือน้องนิ่มไม่ได้เหรอ เราเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน แค่จับมือไม่มีใครว่าอะไรหรอกค่ะ” เขาทวงสถานะความเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเธออีกครั้งเพราะหัวใจของโมกข์ในตอนนี้อยากที่จะครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ

“นิ่มทราบค่ะ แต่มันไม่งาม” นิ่มดึงมือหนีอย่างสุภาพ โมกข์มองอย่างเอื้อเอ็นดู เข้าใจว่ามารดานั้นสอนให้เธอรักนวลสงวนตัว

“เอาละค่ะ พี่จะไม่ทำให้น้องนิ่มอึดอัดใจหรือเรียกร้องความเป็นคู่หมั้นจากน้องนิ่มอีก น้องนิ่มจะได้สบายใจ ไปเถอะ พี่จะพายเรือให้แม่นิ่มน้อยของพี่เก็บดอกบัวเอง” เขาเดินนำหน้าไปก่อน นิ่มมองตามร่างสูงสง่าไปอย่างรักใคร่ เธอรักใคร่ในตัวโมกข์มาช้านาน อาจเพราะถูกปลูกฝังเอาไว้เช่นนั้นตั้งแต่เด็ก แต่เพราะยังไม่ได้แต่งงานกัน เธอจึงยังไม่อยากให้ใครนินทาว่าร้ายเอาได้ ตัวเองเป็นหญิงควรรักนวลสงวนตัว ไม่ชิงสุกก่อนห่ามเพราะมันดูไม่ดี

โมกข์มองสาวน้อยที่เอื้อมมือไปเด็ดดอกบัวตูมอยู่ตรงท้ายเรือด้วยรอยยิ้มหวานหยด เขาเอื้อมไปช่วยเก็บด้วยอุ้งมือใหญ่จึงปะทะเข้ากับมือน้อยของเธอเข้าอย่างจัง

“อุ๊ย!” เธอดึงมือหนีสะเทิ้นอายเมื่อได้สัมผัสแตะต้องเนื้อกายชายแม้จะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ไม่คิดว่ายิ่งโตแม่นิ่มน้อยของพี่จะยิ่งสวยน่ารักจับตาจับใจเช่นนี้” เขาเอ่ยชม มองเธอตาหวานเยิ้ม นิ่มก้มงุดเขินอายหน้าแดงไปหมด

“ดอกบัวในสระว่าสวยแล้ว แต่ไม่มีดอกไหนสวยเท่าแม่นิ่มของพี่เลยแม้แต่ดอกเดียว” ประโยคนั้นทำให้นิ่มยิ่งไม่กล้าสบสายตาแรงกล้าของโมกข์เข้าไปอีก

“ได้บัวหลายดอกแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะพี่โมกข์ นิ่มจะได้พับดอกบัวเอาไว้ถวายพระพรุ่งนี้” เธอบอกเขาเสียงนุ่มมีแววสะท้านเล็กน้อย โมกข์ยิ้มในหน้าพายเรือออกไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งไกลออกไปจากตัวบ้าน

“พี่โมกข์จะไปไหนหรือคะ” นิ่มเอ่ยถามเมื่อเขาไม่ได้พายเรือกลับบ้านอย่างที่เธอคิด

“พี่คิดถึงต้นไทรที่เราเคยไปเที่ยวเล่นกันบ่อยๆ เมื่อตอนเด็กๆ” เขาบอกเธอขณะพายเรือไปยังจุดหมายปลายทางอีกฝั่งหนึ่ง

“พี่โมกข์จะไปที่นั่นหรือคะ” เธอเอ่ยถาม

“ใช่ค่ะ” เขาตอบรับเสียงหวานมองสบตาของเธอ ก่อนที่สาวน้อยตรงหน้าจะหลบสายตาเป็นพัลวัน เขาพายเรือพาเธอมาใต้ต้นไทรต้นใหญ่ ลงจากเรือไปผูกเรือเอาไว้ ก่อนจะเอื้อมมือมารอรับสาวน้อยเพื่อดึงขึ้นฝั่ง

“อุ๊ย!” นิ่มอุทานเมื่อเธอเสียหลักสะดุดขาตัวเอง เลยตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว เนื้อตัวหอมกรุ่นของเธอทำให้เขาต้องก้มลงประทับปากร้อนกับแก้มนุ่ม

“พี่โมกข์!” เธออุทานดันใบหน้าของเขาออกห่าง

“แก้มของแม่นิ่มน้อยหอมชื่นใจพี่เสียเหลือเกิน”

“ปล่อยนิ่มก่อนค่ะพี่โมกข์”

“จะปล่อยได้อย่างไรกัน พี่อุตส่าห์พาน้องนิ่มออกมาไกลจากสายตาผู้คนและบ่าวไพร่ในเรือนแล้ว”

“หมายความว่ายังไงกันคะพี่โมกข์” นิ่มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“บ่าวไพร่ในเรือนชอบมองอย่างอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกิน พี่เลยต้องพาน้องนิ่มมาที่นี่”

“เจ้าเล่ห์นักนะคะ” เขาประคองเธอไปนั่งใต้ต้นไทรต้นใหญ่ ตรงนั้นมีแคร่ไม้ไผ่เล็กๆ วางเอาไว้แต่ลับตาคนเพราะรอบกายมีต้นไม้ห้อมล้อมเอาไว้ ที่ดินตรงนี้เป็นของบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้ว จึงไม่มีใครมายุ่มย่ามวุ่นวาย

“พี่โมกข์มีอะไรกับนิ่มหรือคะ อุ๊ย!” เธอเอ่ยถามก่อนจะอุทานเมื่อเขาแนบปากร้อนกับแก้มสาว

“พี่อยากอยู่กับน้องนิ่มสองต่อสองค่ะ” เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นสบตา เธอสะเทิ้นอายหลบสายตาเป็นพัลวันไม่กล้าสบตาเขาแม้แต่น้อย

“อย่าค่ะพี่โมกข์”

“รังเกียจพี่หรือคะ”

“เปล่าค่ะ แต่มันไม่เหมาะไม่ควร เรายังไม่ได้แต่งงานกัน”

“อะไรที่ว่าไม่เหมาะ เช่นไรก็ต้องแต่งงานกัน” เขาดึงเธอมากอด นิ่มคอยดันเอาไว้แต่สู้แรงของเขาไม่ไหว ปากร้อนพรมจูบไปทั่วดวงหน้าแสนหวาน บดจูบปากน้อยจนร่างสาวสะท้าน ระทดระทวยอยู่ในวงแขนแกร่ง

“ปากแม่นิ่มน้อยของพี่ช่างหวานจับใจ แก้มก็นุ่ม เนื้อตัวก็หอมกรุ่นจนพี่อดใจไม่ไหวแล้ว” เขาปลดเสื้อลายดอกของเธอออกจากกาย นิ่มอุทานก่อนจะคราง ใบหน้าแดงซ่านเมื่อปากร้อนก้มลงมาประทับจุมพิตเอากับยอดปทุมถันซึ้งยังถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยอาภรณ์ชั้นในสุด

“อย่าค่ะพี่โมกข์”

“น้องนิ่มตัวสั่นเชียว” ประโยคของเขาแต่ทำเอาเธอหน้าแดงหนักกว่าเดิม

“พี่โมกข์พูดจาน่าอาย” สาวน้อยหมุนกายหนีสะเทิ้นอายทำท่าจะก้าวหนี โมกข์รีบรวบกอดเอาไว้จากทางเบื้องหลังเพื่อไม่ให้เธอหนี

“อุ๊ย!”

“พี่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเห็นน้องนิ่มเป็นดอกไม้ริมทางแต่เราเป็นคู่หมั้น คู่หมายกัน พี่อยากจะขอชื่นใจ”

“แต่... อื้อ...” เธอครางเมื่อเขาจับเธอหมุนกายมาหาแล้วบดจูบจนปากน้อยสั่นสะท้าน มือน้อยทุบตีอกแกร่งเบาๆ เพื่อประท้วง

“อกน้องนิ่มสวยเหมือนดอกไม้ ดูสิยอดอกสีชมพูน่าดูดนัก”

“พี่โมกข์ อย่าค่ะนิ่ม นิ่มเสียว” เธอร้องเสียงสะท้านเมื่อโดนดูดยอดอกจนเสียวสะท้าน

“มากไหมคะ” โมกข์เอ่ยถามเสียงแหบพร่า

“หากพี่โมกข์รักนิ่มจริงๆ พี่โมกข์สัญญาก่อนสิคะ ว่าจะไม่ล่วงเกินนิ่มไปมากกว่านี้” เธอยังพอมีสติขอคำมั่นสัญญาจากเขา

“สัญญา แต่น้องนิ่มก็รู้ว่าพี่ปรารถนาน้องนิ่มแค่ไหน” เขาขยับเข้ากระซิบบอกตรงริมหู ขบเม้มติ่งหูหอมกรุ่นเบาๆ

“มีสิ่งที่ทำแล้วตื่นเต้นกว่านี้อีกนะ ให้พี่ทำนะคะ” โมกข์กระซิบที่ริมหู จุมพิตร้อนๆ แนบชิดกับพวงแก้มสาว ก่อนจะปลดผ้าถุงทอมือลายสวยของเธอพร้อมด้วยล้วงมือเข้าไปภายในชั้นในตัวน้อยบางเบา

“พี่โมกข์ อย่านะคะ”

“อยู่นิ่งๆ สิคะคนดี” เขากระซิบที่ริมหูเสียงแหบพร่า ทำเอานิ่มหน้าแดงซ่านลามไปถึงใบหู ยิ่งเขาสอดมือเข้ามาจุ่มจ้วงในเนื้อนางกลางร่างที่ไม่เคยมีชายใดได้เคยล่วงล้ำมาก่อน สาวน้อยยิ่งหน้าแดงหนักขึ้นไปอีก

“น้องนิ่มของพี่ ตรงนี้อ่อนละมุนนัก” โมกข์เอ่ยถามอยู่ตรงริมหู ได้ยินเสียงครางแผ่วๆ ของสาวน้อยในอ้อมแขนเมื่อเขาบดบี้ติ่งสวาทอย่างเร้าอารมณ์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel