3
Chapter 3
ริมฝีปากเป็นกระจับน่าจุมพิต หน้าผากนูนเกลี้ยงผุดผ่อง ผิวของเธอขาว เนียนละเอียด กลิ่นกายสาวหอมกรุ่นจนต้องขยับใบหน้าเข้าไปสูดดมพวงแก้มสาวอย่างหักห้ามใจไม่ไหว
แม่นิ่มน้อยของเขามีใบหน้ากลมหวาน คิ้วเรียวสวย ปากเป็นสีชมพูระเรื่อ ยามที่เธอพูดคุยกับเขาทำให้เห็นฟันขาวสะอาดเรียงตัวเป็นระเบียบน่ามอง แม้กระทั้งที่เธอแย้มยิ้มเขาก็มองเพลินแทบไม่อยากละสายตาไปจากดวงหน้าผุดผ่องเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เธอเป็นคนสะอาดสะอ้านเรียบร้อยอ่อนหวานและเชื่อฟังผู้ใหญ่ ไม่พูดจาหยาบคายกระโชกโฮกฮากให้รู้สึกระคายหู ยามได้พิศมองใบหน้าหวานละมุน เขารู้สึกได้ว่าหัวใจหนุ่มเต้นเร็วและมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่เคยมีหญิงใดทำให้เขารู้สึกเช่นนี้มาก่อนในชีวิตหนุ่ม แม้จะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนไกลถึงเมืองนอกเมืองนา เจอผู้หญิงสวยๆ มาเยอะ แต่ไม่เคยมีใครทำให้เขาหวั่นไหวได้เท่าเธอมาก่อน
ดวงตาที่ปิดสนิทค่อยๆ ลืมขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เธอมองเขาอย่างงุนงง ก่อนจะหน้าแดง ทำท่าจะลุกหนีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ เขาใช้มือกักเธอเอาไว้ใต้ร่างเพื่อไม่ให้หนีหายไปไหน
“จะไปไหนครับ” เขาเอ่ยถามพลางยิ้มหวานใส่ตาคนขี้อาย
“นิ่มจะไป เอ่อ... จะไป” เธออึกอักหน้าแดงขัดเขิน
“ไม่เคยโดนจูบหรือคะ โดนพี่จูบเข้าถึงได้เป็นลมล้มพับไปแบบนี้” เขาถามทั้งๆ ที่รู้ว่าสาวน้อยคงไม่เคยโดนใครจูบมาก่อน แต่การได้รับคำตอบจากเธอว่าไม่เคยโดนใครกระทำเช่นนี้กับเธอมาก่อน ทำให้เขาพึงพอใจไม่น้อย
“ใครจะเคยกันล่ะคะ” เธอตอบเขาในขณะที่ใบหน้าแดงเรื่อ พยายามจะลุกหนีแต่เขาก็กักกอดเอาไว้ในอ้อมแขน
“จะรีบไปไหนคะ มาให้พี่กอดก่อนสิ”
แน่ะ! เธอขัดเขินจนแทบมุดเตียงหนี
“ต้องรีบไปเตรียมตัวค่ะ เดี๋ยวต้องไปงานศพคุณลุงกับคุณป้าอีก หากพี่โมกข์ไม่ต้องการอะไรแล้วนิ่มขอตัวก่อนนะคะ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ
“พี่ยังไม่อยากให้น้องนิ่มลุกไปไหนเลยค่ะ”
“อุ๊ย! พี่โมกข์” เธออุทานเมื่อเขาสวมกอดรัดรึงแนบแน่นขึ้น นิ่มตาโตไม่เคยโดนชายใดกอดรัดเช่นนี้มาก่อน
“ปล่อยนิ่มนะคะพี่โมกข์”
“จะหวงตัวกับพี่ไปไย น้องนิ่มเป็นคู่หมั้นคู่หมายของพี่จะโดนพี่กอดสักน้อยไม่ใช่เรื่องแปลก”
“พี่โมกข์คะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” หล่อนพยายามดิ้นแต่เขาไม่คิดจะปล่อย
“บนเรือนเป็นสถานที่ส่วนตัวใครจะขึ้นมาป้วนเปี้ยนกันเล่า มีเพียงน้องนิ่มกับพี่เท่านั้นที่พักอยู่บนนี้” เขาจับคางสาวเอาไว้ เธอเขินอายทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลยเมื่อเขาแนบใบหน้าเข้ามาหา
“พี่จะจูบน้องนิ่มอีก” เขาบอกด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม
“ห้ามเป็นลมนะคะสาวน้อยของพี่ ไม่งั้นพี่จะปล้ำให้เสร็จคาเตียง” ได้ยินแบบนั้นนิ่มก็ตาโต หล่อนจิกมือกับไหล่กว้างของเขายามที่ปากเร่าร้อนกดประทับเข้าหา โมกข์บดจูบขบเม้มริมฝีปากทั้งด้านบนและล่าง เขาดูดลิ้นเล็กๆ ของเธอที่พยายามหลบเลี่ยงอย่างไร้เดียงสา
“ปากแม่นิ่มน้อยของพี่หวานนักรู้ไหมคะ หากไม่เพราะต้องไปงานศพพี่คงได้ปล้ำน้องนิ่มเสียจริงๆ ให้หนำใจ” เขาพูดตรงเสียจนเธอใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู พอเขายอมถอยหนีเธอก็รีบลุกหนี ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้ววิ่งเตลิดออกจากห้องไปแทบจะทันที
โมกข์มองตามร่างคู่หมั้นตัวน้อยของตนไปอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินไปแต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน ออกมาจากห้องอีกครั้งก็เจอเข้ากับสาวน้อยที่รอเขาอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นเขาเข้าเธอก็ก้มงุดขัดเขิน วางไม้วางมือแทบไม่ถูก
“รอพี่นานไหม”
“ไม่นานค่ะ”
“งั้นรับประทานอาหารกันเถอะ”
“อืม... รสมือของแม่นิ่มอร่อยไม่เป็นสองรองใคร” เขาเอ่ยชมเมื่อได้ชิมข้าวต้มฝีมือของเธอ
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะรับประทานอาหารเงียบๆ เพราะเงยหน้าขึ้นทีไรก็เจอเข้ากับดวงตาคมเข้มคู่นั้นของโมกข์ ทำให้เธอตกประหม่าอยู่ไม่น้อย หลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้นทั้งสองก็เดินทางไปวัดเพื่อจัดการเรื่องงานศพ
“ไปเถอะครับลุงสมัย” โมกข์บอกคนขับรถ ขึ้นไปนั่งบนรถเคียงคู่ไปกับสาวน้อยทางด้านหลัง เธอหันไปมองนอกรถ ไม่กล้ามองหน้าคนข้างๆ เพราะเขินอาย
“นอกรถมีอะไรน่าดูชมมากว่าหรือคะน้องนิ่ม” โมกข์เอ่ยถามเบาๆ นิ่มหันมามอง ยิ่งขัดเขินหนักกว่าเดิม
“มองหน้าพี่บ้างเถิดแม่นิ่มน้อย รู้บ้างไหมว่าพี่น้อยใจแล้วนะคะ เห็นอย่างอื่นน่ามองมากกว่าพี่อีก” เขาอยากให้เธอหันมาสนใจเขาบ้าง
“นิ่มแค่มองวิวทิวทัศน์เองนะคะ ไม่ได้เห็นอย่างอื่นสำคัญกว่าพี่โมกข์เสียหน่อยค่ะ” เธอตอบเขาเสียงนุ่มแต่ไม่กล้ามองสบตา ท่าทีเหนียมอายนั้นทำให้โมกข์มองแล้วยกยิ้มตรงมุมปาก
“แต่พี่ไม่อยากมองนอกรถเลยนะคะ” เขาขยับใบหน้าเข้าไปใกล้สาวน้อย
“ทำไมหรือคะ”
“ในรถน่ามองกว่านอกรถน่ะสิคะ โดยเฉพาะแม่นิ่มน้อยของพี่ น่ามองกว่าทิวทัศน์ด้านนอกเป็นไหนๆ” เขามองเธอด้วยแววตาหวานซึ้ง นิ่มเขินหนักกว่าเดิมวางไม้วางมือแทบไม่ถูก ลุงสมัยได้ยินเจ้านายหนุ่มเกี้ยวสาวน้อยถึงกับอมยิ้มมุมปาก
งานศพของคุณพร้อมกับุคณนายละมัยมีแขกมาร่วมในงานสวดอภิธรรมเต็มศาลาทุกวัน โมกข์จัดงานศพอย่างสมเกียรติ เขาบวชให้บิดามารดาด้วยเพราะไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนาหลายปียังไม่ได้บวชเรียน
มาลัยเป็นคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้หลานชายได้บวชหน้าศพ ทุกคนไว้ทุกข์พร้อมด้วยทำบุญครบร้อยวัน หลังจากเผาศพก็นำอัฐิไปลอยอังคารตรงแม่น้ำ
หลังจากเสร็จสิ้นงานศพ โมกข์ก็ยังบวชต่ออีกหลายเดือน เขาอยากบำเพ็ญเพียรและทำความดีให้บิดามารดาเป็นครั้งสุดท้าย
มาลัยและนิ่มนำอาหารไปถวายทุกวัน จนกระทั่งโมกข์สึกจากพระกลับมาอยู่บ้านดังเดิม
“คุณพ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะทำตามที่คุณพ่อกับคุณแม่ต้องการอย่างไม่บิดพลิ้ว น้องนิ่มตัวคนเดียว ผมขอสัญญาว่าจะไม่ทิ้งน้องโดยเด็ดขาด และจะจัดงานแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี รวมถึงดูแลทรัพย์สมบัติของคุณพ่อกับคุณแม่ให้เจริญงอกงามสืบไป” เขาพูดกับรูปถ่ายของบิดามารดาด้วยความสัตย์จริง พวกท่านเอ็นดูนิ่มมากเนื่องด้วยว่าตอนที่บุพการีของเธอยังมีชีวิตอยู่ พวกท่านเคยให้การช่วยเหลือบิดามารดาของเขาเอาไว้ในหลายๆ เรื่อง ดังนั้นเมื่อพวกท่านจากไป บิดามารดาของเขาจึงดูแลนิ่มเป็นอย่างดี ให้ความรักใคร่ประดุจดั่งบุตรสาวอีกคนหนึ่ง
นิ่มมองสบตากับผู้ชายที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายและเธอต้องแต่งงานด้วยในเร็ววันนี้ด้วยสายตาเคารพรัก เขาเหมือนพี่ชายที่แสนดีของเธอเสมอ
“คุณนิ่มไปไหนหรือแม่อาบ” โมกข์เอ่ยถามหาสาวน้อยที่เขาไม่เห็นหน้าของหล่อนเลยหลังจากมื้อกลางวัน
“คุณนิ่มเก็บดอกไม้อยู่ในสวนค่ะคุณโมกข์ พรุ่งนี้วันพระเธอจะเก็บดอกไม้มาร้อยมาลัยนำไปถวายพระค่ะ” แม่อาบรายงานเจ้านายหนุ่ม
เขาพยักหน้ารับรู้ก่อนโบกไม้โบกมือให้เพื่อบอกว่าจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ
นิ่มชอบทำบุญจึงมักจะทำอาหารไปถวายพระ ร้อยมาลัยและจัดดอกไม้ไปบูชาพระอยู่เป็นนิจเขารู้ข้อนี้ดี ร่างสูงเดินไปยังสวนดอกไม้หลังบ้าน เห็นสาวน้อยกำลังเก็บดอกไม้อยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ในสวนหลังบ้านมีดอกไม้นานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณเพราะมารดานั้นชอบทำบุญ ปฏิบัติธรรมและรักธรรมชาติ บิดาก็รักการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจนั่นทำให้คนทั้งสองปลูกต้นไม้เอาไว้แทบจะทุกชนิด จึงมีสวนหลังบ้านที่กว้างขวางน่าพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง