บทที่ 8 เข้าหอเก็บหนังสือ
หวางฮุยและหลูเฟิงไม่กล้าขัดขวางอีก พวกเขารีบหลบทางให้อย่างรวดเร็ว ส่วนหลัวซิวเองก็เดินไปถึงด้านหน้าหอเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว
ด้านหน้าของประตูหอเก็บหนังสือ หลัวซิวเห็นชายชราผมขาวไว้หนวดไว้เครากำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ การต่อสู้กันระหว่างเขากับหวางฮุยและหลู่เฟิงก่อนหน้านี้ ชายชรากลับปิดตาตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้สนใจ
ความขัดแย้งและการต่อสู้กันระหว่างลูกศิษย์ภายในสำนักยุทธ์ ถือเป็นกฎของการคัดเลือกผู้อยู่รอดที่แข็งแกร่งและเหมาะสมวิธีหนึ่งของสำนักยุทธ์ ขอเพียงไม่ถึงแก่ชีวิต สำนักยุทธ์ก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง
ชายชราผู้นี้ เป็นผู้อาวุโสของสำนักยุทธ์ที่มีหน้าที่เฝ้าดูแลหอเก็บหนังสือ ในสายตาของหลัวซิว ลายเส้นชีวิตบนร่างกายของผู้อาวุโสท่านนี้ปรากฏเป็นสีเขียวที่ชัดเจนมาก
“ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์แดนพรสวรรค์ !” หลัวซิวหรี่ตาลง จากลายเส้นชีวิตที่เห็น เขาสามารถรู้ได้ทันทีว่าในร่างกายของผู้อาวุโสท่านนี้ มีพลังอันแข็งแกร่งซ่อนอยู่ ซึ่งเหนือกว่าอาจารย์ลู่ที่เป็นนักยุทธ์ในระดับแดนฝึกชี่ไห่หลายเท่าตัวนัก
“ลูกศิษย์ชั้นต้นหลัวซิวขอคารวะผู้อาวุโส” หลัวซิวทำความเคารพแล้วพูดว่า “ผลการฝึกตนของข้าผ่านการกลั่นร่างขั้น4แล้ว จึงอยากจะเข้าไปในหอเก็บหนังสือเพื่อเลือกรับวิชายุทธ์ระดับสองครับ”
ผู้อาวุโสของสำนักยุทธ์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เข้าจ้องมองไปที่หลัวซิวแล้วพยักหน้าพลางพูดว่า : “เข้าไปสิ”
“ขอบคุณครับผู้อาวุโส” หลัวซิวรับคำ จากนั้นจึงหันหลังเดินเข้าห้องสมุดไป
การต่อสู้กันระหว่างหลัวซิวกับหลูเฟิงและหวางฮุย ผู้อาวุโสของสำนักยุทธ์ท่านนี้คอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา การกลั่นร่างขั้น4สามารถเอาชนะการกลั่นร่างขั้น5ได้ ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจนัก สำหรับคนที่มีผลการฝึกตนอยู่ในแดนพรสวรรค์เช่นเขา การกลั่นร่างถือเป็นการฝึกตนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้มากพอ
หอเก็บหนังสือของสำนักยุทธ์มีการรวบรวมตำราวิชายุทธ์เอาไว้มากมาย ได้ยินมาว่าวิชายุทธ์ระดับที่สูงที่สุดอยู่ในระดับ4 มีเพียงลูกศิษย์ที่ฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักยุทธ์เท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์ฝึกฝน
ราคาของวิชายุทธ์ระดับ4ก็แตกต่างจากระดับอื่น หากต้องการซื้อวิชาในสำนักยุทธ์ อย่างมากก็ซื้อได้ถึงเพียงแค่วิชายุทธ์ระดับ3เท่านั้น ส่วนวิชายุทธ์ระดับ4ไม่สามารถประเมินค่าได้ด้วยเงิน
สำหรับหลัวซิวแล้ว วิชายุทธ์ระดับ4ถือเป็นเรื่องที่ห่างไกลนัก หากเป็นเมื่อก่อน วิชายุทธ์ระดับ2ก็ถือเป็นความฝันอันสูงสุดของเขาแล้ว
หอเก็บหนังสือมีด้วยกันทั้งหมด3ชั้น ชั้นแรกเก็บวิชายุทธ์ระดับ1และ2 ส่วนชั้น2เก็บวิชายุทธ์ระดับ3 และชั้นที่สูงที่สุดเก็บวิชายุทธ์ระดับ4
หากอิงตามผลการฝึกตนของหลัวซิวซึ่งอยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น4 เขาสามารถเข้าไปเลือกรับวิชายุทธ์ในชั้นที่1ได้ ไม่ว่าจะเป็นกำลังภายใน ทักษะยุทธ์ วิชาท่าร่าง สามารถเลือกออกมาได้ประเภทละหนึ่งอย่าง
ในชั้นที่1 หลัวซิวเห็นลูกศิษย์ของสำนักยุทธ์ยืนอยู่จำนวนไม่น้อย ล้วนแล้วแต่เข้ามาในหอเก็บหนังสือเพื่อเลือกรับวิชายุทธ์
“ฝ่ามือผ่าลม หมัดเสือพิฆาต ท่าร่างปุยหลิว ท่าก้าวรับลม......”
มีเคล็ดวิชายุทธ์ให้เลือกมากมายหลากหลายประเภท เมื่อมองแล้วก็ชวนให้รู้สึกตาลาย
เคล็ดวิชายุทธ์ทั้งหมดถูกจัดแบ่งออกไปตามเขต โดยแบ่งออกเป็นเขตวรยุทธ์ เขตทักษะยุทธ์ และเขตวิชาท่าร่าง
หลังซิวไปที่เขตวรยุทธ์เป็นที่แรก ส่วนมากล้วนแล้วแต่เป็นวรยุทธ์ระดับ1 มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นวรยุทธ์ระดับ2
วรยุทธ์ในระดับล่างส่วนใหญ่จะไม่แตกต่างกันมากนัก หลัวซิวเลือกกำลังภายในระดับ2ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งเป็นการฝึกเส้นเอ็นและกระดูก
วรยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังอยู่ในขั้นพัฒนาการฝึกเส้นเอ็นและกระดูก สามารถฝึกตนจนถึงการกลั่นร่างระดับ6ได้
ในนั้นจะมีการฝึกเชื่อมโยงไปถึงเส้นลมปราณและจุดฝังเข็มบางส่วน ซึ่งมีพื้นฐานของกำลังภายในที่แข็งแกร่งและพัฒนาไปได้ก้าวไกลมากกว่าการฝึกตนระดับหนึ่งของหลัวซิวก่อนหน้านี้
จากนั้นหลัวซิวจึงเดินมาที่เขตทักษะยุทธ์ ในทักษะยุทธ์ระดับที่1และ2 ส่วนมากจะเป็นวิชายุทธ์ที่เกี่ยวกับการใช้หมัด เท้า และฝ่ามือ ส่วนทักษะยุทธ์ที่ต่อสู้โดยใช้อาวุธ โดยปกติแล้วจะอยู่ในระดับ3ขึ้นไป
การฝึกวิชายุทธ์ควรค่อย ๆ ฝึกไปตามขั้นตอน เพราะก่อนหน้านี้เขามีพื้นฐานในการฝึกหมัดกระทิงบิ่น ดังนั้นทักษะยุทธ์ระดับ2ที่หลัวซิวเลือกจึงเป็นวิชาหมัดประเภทหนึ่งเช่นเดียวกัน มีชื่อว่าหมัดเสือมังกร
วิชาหมัดนี้ถือเป็นวิชาหมัดที่ทรงพลังแข็งแกร่ง และมีพลานุภาพที่น่าทึ่ง ถือว่าเป็นวิชาที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของทักษะยุทธ์ระดับ2 มีลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยในสำนักยุทธ์ที่ฝึกตนด้วยวิชานี้ แต่คนที่จะสามารถฝึกวิชาหมัดนี้จนถึงแก่นแท้ได้นั้น มีเพียงแค่ไม่กี่คน
การฝึกยุทธ์แบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทที่1คือผลการฝึกตน ส่วนประเภทที่2คือระดับที่บรรลุถึง
ผลการฝึกตนคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนัก เป็นการฝึกตั้งแต่ระดับการกลั่นร่างจนกระทั่งถึงระดับแดนฝึกชี่ไห่ และเลื่อนขั้นสู่แดนพรสวรรค์
ส่วนระดับที่บรรลุถึงถือเป็นคำกล่าวที่ลึกลับซับซ้อน หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นแนวความคิดในการฝึกยุทธ์ จะต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างสูงเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
ส่วนวิชาท่าร่าง หลัวซิวเลือก《ก้าวสั้น》เป็นวิชาที่สอนการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในช่วงสั้น ๆ เป็นการฝึกตนที่ดูเหมือนง่าย แต่ถ้าอยากฝึกจนถึงแก่นแท้นั้น กลับเป็นเรื่องที่ยากมาก
หลังจากเลือกวิชายุทธ์ระดับ2ทั้งสามเขตเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลัวซิวก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“หลัวซิว ?”
ตอนนี้เอง มีน้ำเสียงที่เบาและนุ่มนวลดังขึ้นมา หลัวซิวหันกลับไปมอง พบหญิงสาวในชุดสีฟ้ากำลังมองมาที่เขา
“ผู้สาวหลิว” หลัวซิวยิ้มและพยักหน้าเป็นการทักทาย
หญิงสาวในชุดสีฟ้าคือหลิวหยู่ซิน เป็นคนที่หลัวซิวแอบหลงรัก แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่ในชั้นต้นและยังไม่สามารถไต่เต้าไปถึงระดับการกลั่นร่างขั้นที่2ได้ แต่นางกลับอยู่ฝนชั้นกลางไต่เต้าถึงระดับการกลั่นร้างขั้น6เรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะนาง เขาจึงได้ล่วงเกินจางเจี๋ย และนำไปสู่การต่อสู้ที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น
หากเป็นเมื่อก่อน เมื่อหลัวซิวเห็นนางก็คงรู้สึกประหม่าและแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน แต่หลังจากที่เขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตายแล้ว ก็ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้นอย่างมาก ตอนนี้ท่าทีเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับหลิวหยู่ซิง จึงไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
หลิวหยู่ซินเองก็มองดูหลัวซิวด้วยความประหลาดใจ “คิดมุถึงเลยว่าเจ้าจะอยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น4แล้ว ข้าจำได้ว่าเมื่อสองสามวันก่อนเจ้ายังอยู่เพียงระดับการกลั่นร่างขั้น2อยู่เลยนี้”
“เหอะ ๆ ผ่านมาได้เพราะโชคช่วยก็เท่านั้น” หลัวซิวพูดด้วยรอยยิ้ม
“แต่สามเดือนให้หลังจะมีการทดสอบเกิดขึ้นแล้ว หากไม่สามารถผ่านการกลั่นร่างขั้นที่5ได้ จำคิดจำทำเช่นไรต่อไป ?” หลิวหยู่ซินหัวเราะเล็กน้อย “หากเจ้าไม่มีที่ไปแล้วล่ะก็ จะไปที่ตระกูลหลิวของข้าก็ได้นะ ข้าจะให้เจ้าทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันดีไหมล่ะ ?”
“ผู้คุ้มกันของตระกูลหลิว ?”
หลัวซิวแสดงทีท่าประหลาดใจ เขาจ้องมองหลิวหยู่ซิน และพอจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายในทันที
คงเป็นเพราะครั้งก่อนที่จางเจี๋ยลวนลามนาง และเขาเข้าไปออกรับแทนจนกระทั่งถูกทำร้าย หลิวหยู่ซินจึงคิดว่าเขาไม่น่าจะผ่านการทดสอบในอีกสามเดือนให้หลังนี้ไปได้ ดังนั้นจึงวางแผนหาทางออกให้กับเขา
หากเป็นเมื่อก่อน หลัวซิวคงจะพิจารณาข้อเสนอของอีกฝ่าย แต่ตอนนี้ หลัวซิวกลับไม่ได้เห็นการทดสอบที่จะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนให้หลังนี้อยู่ในสายตาอีกต่อไป
“ขอบคุณน้ำใจของผู้สาวหลิวมาก การทดสอบอีกสามเดือนหลังจากนี้ ข้าจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน” หลัวซิวพูดด้วยรอยยิ้ม
ความมั่นใจของเขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนยากจะพรรณนา สิ่งนี้ทำให้หลิวหยู่ซินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“คนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าคิดว่าระยะเวลาเพียงแค่สามเดือนจะทำให้เจ้าผ่านการกลั่นร่างขั้น5ไปได้อย่างนั้นหรือ ?”
มีน้ำเสียงดูถูกดังขึ้นมา เป็นเสียงของชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กำลังเดินเข้ามายืนเคียงข้างหลิวหยู่ซิน
หลัวซิวเห็นความชั่วร้ายในสายตาของชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวผู้นี้ที่กำลังจ้องมองมาที่เขา