บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 ฝึกตนเขตศิลาดำ

“ตุบ ! ตุบ ! ตุบ !”

เขตศิลาดำในลานฝึกยุทธ์ มีชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดสีดำ กำลังกวัดแกว่งหมัดไปมาอยู่ด้านหน้าป้ายศิลาดำก้อนหนึ่ง ทุกหมัดที่กระทบลงบนศิลาดำจะส่งเสียงที่หนักแน่น อีกทั้งยังทิ้งรอยยุบจาง ๆ เอาไว้อีกด้วย

แผ่นป้ายศิลาดำที่นี่ ทำมาจากวัสดุชนิดหนึ่งที่เรียกว่าศิลาดำ ศิลาดำมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น6ขึ้นไปทำนั้น จึงจะสามารถโจมตีแล้วทำให้ศิลาดำเกิดร่องรอยขึ้นได้

อีกทั้งศิลาดำยังมีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ มันสามารถซ่อมแซมตนเองได้ ถึงแม้ตอนนี้จะเต็มไปด้วยรอยยุบ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วยาม มันก็จะกลับมาเรียบสนิทอีกครั้ง

“เฮียจ้าวเหลี้ยงยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่เสียแรงที่เป็นยอดฝีมือของชั้นกลาง !”

“หากข้ามีพละกำลังที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้บ้างก็คงจะดี”

บริเวณใกล้ ๆ กับชายหนุ่มชุดดำ มีเสียงตะโกนด้วยความตื่นเต้นของบรรดาหญิงสาวดังขึ้นมาเป็นระยะ

หลัวซิวเองก็เคยได้ยินมาว่าชายหนุ่มชุดดำผู้นี้มีนามว่าจ้าวเหลี้ยง เป็นลูกศิษย์ในชั้นกลาง ฐานะทางบ้านมั่งคั่งร่ำรวย อายุเท่ากันกับหลัวซิว แต่เมื่อปีก่อน เข้าได้ผ่านการทดสอบเข้าสู่ระดับชั้นกลางเรียบร้อยแล้ว คาดว่าคงจะผ่านเข้าสู่การกลั่นร่างขั้น8ก่อนอายุ17ปี และคงได้ก้าวเข้าไปอยู่ในชั้นสูง

คนที่สามารถก้าวเข้าไปอยู่ในชั้นสูงได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเหล่าหัวกะทิของสำนักยุทธ์เมืองชิงหยุน และจะได้รับการบ่มเพาะ ดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ และนี้ก็เป็นความฝันที่ลูกศิษย์ในสำนักยุทธ์ทุกคนล้วนใฝ่หา

เขตศิลาดำมีแผ่นหินอยู่เป็นจำนวนมาก หลัวซิวเองจึงเลือกแผ่นหินในบริเวณที่ลับตาคน จากนั้นจึงเดินเข้าไป

แต่ทันทีที่เขามาถึงที่นี่ กลับดึงดูดความสนใจของคนจำนวนไม่น้อย

“เขาคนนั้นคือใครกัน ทำไมถึงได้มาฝึกตนที่เขตศิลาดำแห่งนี้ด้วย หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือของชั้นกลางเช่นเดียวกัน ?”

มีคนชี้นิ้วมาทางหลัวซิวแล้วเอ่ยปากขึ้น เพราะปกติแล้วคนที่มาฝึกตนที่นี่ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น6ขึ้นไป

“ดูเหมือนเขาจะอยู่ชั้นต้นนะ ได้ยินมาว่าช่วงนี้มีผลงานโดดเด่นไม่น้อย มิหนำซ้ำยังทำร้ายลูกศิษย์ชั้นกลางที่อยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น5ที่ด้านหน้าหอเก็บหนังสืออีก” มีคนจำหลัวซิวได้

“อะไรนะ ?” เด็กหนุ่มชั้นต้นคนนี้ ทำร้ายลูกศิษย์ชั้นกลางอย่างนั้นหรือ ?” คนที่ไม่เคยได้ยินเรื่องของหลัวซิว ต่างแสดงความสนอกสนใจขึ้นมา

“หึ หากไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น6ขึ้นไป ไม่มีทางทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศิลาดำได้เด็ดขาด คิดว่าทำร้ายลูกศิษย์ระดับการกลั่นร่างขั้น5สองคนได้ แล้วตัวเองจะกลายเป็นยอดฝีมืออย่างนั้นหรือ ?”

มีบางคนหันมองหลัวซิวด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน ทำให้จ้าวเหลี้ยงที่กำลังฝึกหมัดอยู่ได้ยินความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น จึงเหลือบไปมองหลัวซิว

“เขตศิลาดำ ไม่ใช่ที่ที่สวะชั้นต้นจะเข้ามาได้” จ้าวเหลี้ยงพูดอย่างเย่อหยิ่งและไม่เกรงใจ

หลัวซิวไม่ได้สนใจ เขาใช้หมัดต่อยเข้าไปที่ศิลาดำทันที

“หมอนี่ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ ดูซิว่าเขาจะทำเรื่องขายหน้าเช่นไร !”

“ตุบ !”

หมัดปะทะเข้ากับศิลาดำ หมัดนี้มีพลังที่หนักแน่น หลัวซิวไม่ได้ใช้ทักษะยุทธ์ใด ๆ และไม่ได้อาศัยแรงจากปราณในเป็นตัวเสริม

รอยยุบจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลาดำ ซึ่งไม่แตกต่างจากร่องรอยที่จ้าวเหลี้ยงใช้หมัดโจมตีแผ่นหินเมื่อครู่นัก

หลัวซิวพยักหน้ากับตัวเอง หลังจากที่เขาหลอมรวมเข้ากับลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตายแล้ว ไม่ใช่เพียงผลการฝึกตนของเขาเท่านั้นที่ยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งพละกำลังของเขาเองก็ดูเหมือนกำลังพัฒนาด้วยเช่นกัน อาศัยเพียงแค่พละ

กำลังของร่างกายเพียงอย่างเดียว ก็สามารถทัดเทียมได้กับการกลั่นร่างขั้น6แล้ว

ในเวลาเดียวกันนี้ บรรดาลูกศิษย์ในสำนักยุทธ์ที่ดูถูกเย้ยหยันเขาและตั้งตารอคอยดูเขาขายหน้า จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียหน้าและหุบยิ้มไปตาม ๆ กัน

จ้าวเหลี้ยงเองก็ขมวดคิ้ว สวะชั้นต้นในสายตาของเขา แต่กลับทำผลงานได้เทียบเท่ากับที่เขาทำ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก

“เมื่อครู่เขาคงจะใช้ปราณในขั้นสูงสุด จากนั้นจึงแสงดทักษะยุทธ์วิชาหมัดออกมา ทำเช่นนี้ถึงจะทำให้เกิดร่องรอยบนศิลาดำได้”

“จริงด้วย ข้าเองก็คิดอย่างนี้เช่นกัน มิเช่นนั้นเด็กหนุ่มชั้นต้นอย่างเขา จะแสดงฝีมือระดับนี้ได้อย่างไรกัน เจ้าว่าจริงไหม เฮียจ้าวเหลี้ยง ?”

เมื่อได้ยินว่ามีคนเอ่ยถามตนเอง จ้าวเหลี้ยงก็เอามือไพล่หลัง จากนั้นจึงแสดงท่าทีเหมือนยอดฝีมือที่กำลังชี้นิ้วไปที่ผู้อื่นแล้วพูดว่า : “พวกเจ้าพูดถูกแล้ว แม้แต่ตัวข้าเองหากต้องการจะทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศิลาดำ ก็ยังจะต้องอาศัยพลังเสริมจากปราณในเช่นเดียวกัน”

“เฮียจ้าวเหลี้ยงพูดขนาดนี้แล้ว แสดงว่าเจ้าหลัวซิวคงต้องอาศัยพลังจากทักษะยุทธ์เข้ามาช่วย ถึงจะสามารถสร้างผลลัพธ์เช่นนี้ออกมาได้”

“อาศัยพลังจากทักษะยุทธ์จะถือเป็นความสามารถได้อย่างไรกัน ช่างน่าอายเสียจริง ๆ !”

แต่ทว่าคนเหล่านี้ยังไม่ทันจะพูดจบ หลัวซิวก็ใช้หมัดโจมตีไปที่แผ่นศิลาดำอีกครั้ง หมัดนี้ เขายังคงไม่อาศัยพลังจากทักษะยุทธ์ แต่กลับใช้พลังจากปราณเป็นตาย2ระดับ

“ตุบ !”

หมัดนี้มีพลังมหาศาล จนกระทั่งหินที่มั่นคงแข็งแกร่งอย่างศิลาดำยังสั่นคลอน

รอยหมัดปรากฏอยู่บนศิลาดำอย่างชัดเจน ทำให้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงรวมถึงพวกของจ้าวเหลี้ยงต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง และไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลัวซิว เขารู้สึกพึงพอใจกับหมัดที่สองของตนเอง

ปกติแล้วผู้ฝึกยุทธ์ในระดับการกลั่นร่างขั้น6 สามารถทิ้งร่องรอยจาง ๆ เอาไว้บนแผ่นศิลาดำได้ แต่ถ้าหากต้องการให้ปรากฏผลลัพธ์อย่างเช่นเมื่อครู่นี้ อย่างน้อยจะต้องอยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น7จึงจะสามารถทำได้

นี่หมายความว่าความสามารถของเขาสามารถทัดเทียมกับการกลั่นร่างขั้น7เรียบร้อยแล้ว

“เจ้าหนู นำทักษะยุทธ์มาสำแดงที่นี่ถือว่าเป็นความสามารถประเภทไหนกัน หากมีความสามารถจริงก็จงอย่าใช้ทักษะยุทธ์สิ”

จ้าวเหลี้ยงขมวดคิ้วแล้วตะโกนออกมา เขารู้สึกว่าการที่หลัวซิวทำเช่นนี้ เป็นการแย่งชิงความโดดเด่นของตนเอง

“ทำไมข้าต้องฟังเจ้าด้วย ?” หลัวซิวเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย

“หึ หากเจ้าไม่กล้าลอง ก็แสดงว่าเจ้าไม่มีความสามารถ ในเมื่อไม่มีความสามารถ ก็อย่ามาทำเรื่องขายหน้าอยู่ที่นี่” เจ้าเหลี้ยงเอ่ยเสียงแข็ง

“จริงด้วย จริงด้วย ไม่รู้ว่าไปเอาทักษะยุทธ์จากที่ไหนมาแสดง มีอะไรน่าชื่นชมกัน ?”

“ทักษะยุทธ์ไม่ได้แสดงออกถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง คนบางคนมีความสามารถเพียงเล็กน้อย ก็นำออกมาแสดงแบบไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ”

คนที่ยืนอยู่รอบข้างอีกหลายคนต่างพูดเสริมขึ้นมา แล้วหันไปมองหลัวซิวอย่างดูถูก

หลัวซิวยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน เขารู้สึกจนใจกับเหตุผลของลูกศิษย์สำนักยุทธ์เหล่านี้

“เจ้าหนู เจ้าหัวเราะอะไร ?” เจ้าเหลี้ยงถามด้วยความโมโห

“ข้าหัวเราะที่คนอย่างพวกเจ้าชอบคิดเองเออเอง ชอบทำตัวสูงส่ง ตนเองไม่มีความสามารถแต่กลับหัวเราะเยาะคนอื่น” หลัวซิวพูดอย่างดูถูก

“สามหาว ! เจ้าว่าใครไม่มีความสามารถ ?” เจ้าเหลี้ยงทำสีหน้าบึ้งตึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นแววตาดูถูกของหลัวซิว สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาโกรธจัด ด้วยพลังของการกลั่นร่างขั้น6 ทำให้คนที่ยืนอยู่โดยรอบรู้สึกได้ถึงความน่ากลัว

“ข้าหมายถึงใคร เขาผู้นั้นย่อมรู้ดี” พลังของอีกฝ่ายไม่สามารถทำให้หลัวซิวรู้สึกกลัวได้เลยแม้แต่น้อย บนร่างกายของเขาเองก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวของปราณในเช่นกัน

“การกลั่นร่างขั้น5 ?” ดูเหมือนเมื่อเดือนก่อนหลัวซิวผู้นี้ยังอยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น4อยู่เลยนี่ ?”

“ไม่เพียงเท่านี้ ได้ยินมาว่าเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วันที่การพัฒนาจากการกลั่นร่างขั้น2มาเป็นการกลั่นร่างขั้น4 นี่ผ่านไปเพียงแค่หนึ่งเดือน เขาขึ้นมาอยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น5แล้วหรือ”

หลัวซิวไม่อยากสนใจกบในกะลาพวกนี้ เดิมทีเขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อฝึกหมัดเสือมังกร แต่กลับถูกคนพวกนี้รบกวนเข้าเสียก่อนจึงรู้สึกเสียอารมณ์

“เจ้าหนู เจ้าเองก็บ้าดีเดือดไม่เบานี่ ได้ยินว่าครั้งก่อนจางห่ายตั้งใจที่จะสั่งสอนเจ้า แต่สุดท้ายอาจารย์ลู่กลับออกโรงปกป้องเสียก่อน มิฉะนั้นเจ้าเองก็คงจะพิการไปนานแล้ว”

จ้าวเหลี้ยงแสยะยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาหลัวซิว “เมื่อครู่เจ้าว่าข้าไร้ความสามารถ เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าสักตาไหมล่ะ ?”

“เดิมพันอะไร ?” หลัวซิวขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel