มนตราฟาโรห์

64.0K · จบแล้ว
จันทร์ส่องแสง
54
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...

พลิกชีวิตรักหวานๆเกิดใหม่ในนิยายองค์หญิงข้ามมิติเศรษฐีเทพสงครามฟินๆ

เอวา

ความมืดมน ครอบคลุมไปทุกพื้นที่แสงสว่างจากไฟฉาย ส่องสว่างไปเห็นเป็นเพียงวงกลมเล็กๆนำทาง แต่ทว่าก็ทำให้อุ่นใจไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็พอให้ได้พึงพา

“สิ้นสุด ทางเดินเราอาจจะมองเห็นห้องเก็บพระศพของฟาโรห์ กลัวไหมเอวา”

เสียงทุ้มคล้ายจะปลอบโยน ยามที่ต้องเผชิญกับอะไรที่คาดไม่ถึง ใจของเอวาเต้นไม่เป็นจังหวะ ด้วยความตื่นเต้นกลับสิ่งที่จะปรากฏตรงหน้าของเธอและเดม่อนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่กิริยาตรงกันข้ามเธอส่ายหัวไปมาช้าๆ

การก้าวเดินต้องมีความระมัดระวังทุกฝีก้าว กับดักและประตูกลมากมาย ที่ผู้สร้างพีระมิดแห่งนี้ทำไว้เพื่อพวกนักล่าสมบัติและเพื่อปกป้องฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ที่รอการ ฟื้นคืนชีพ

“ข้างหน้า มีหินปิดทางเข้าไว้” เดม่อนเดินเข้าไปจนใกล้

แสงไฟจากไฟฉายส่องกระทบหินก้อนสีเหลืองอมขาวปิดช่องทางสี่เหลี่ยมไว้มิดชิดไม่มี ทางเล็ดลอดเอวาก้มลงมองที่พื้นรอยต่อระหว่างหินกับพื้นมีการใช้ปูนขาว ฉาบปิดไว้เธอใช้เกียงในมือแซะออกอย่าระมัดระวัง

“ข้างใน มีห้องอย่างแน่นอนไม่ได้ ปิดไว้เพื่อหลอกลวงหากแต่ปิดไว้ด้วยความจงใจ”

เอวา ออกความเห็น เดม่อนออกแรงผลักหินด้วยความเคยชินไม่สะดุ้งสะเทือน

“มีกลไก”

"ตามที่เคยศึกษามาบุตรชายของฟาโรห์หรือผู้ที่จะดำรงตำแหน่งฟาโรห์ คนต่อไปและนักบวชจะเป็นผู้ดึงกลไกปิดผนึก ช่องทางเข้าไว้เราต้องหาทางจัดการกับ กลไกเหล่านั้น"

เดม่อน พยายามอธิบายสิ่งที่ เขาและเธอต่างรู้ดี

“เราคงต้องสำรวจทางสาขาทางอื่น หรือต้องหากลไกให้พบ”

เอวาไม่พูดว่าอย่างไรเพียงแต่พยักหน้าช้าๆ ขนตางอนยาวหลุบตำ เพียงไม่กี่อึดใจ

เธอจะได้พบสิ่งที่ค้นหามานานแต่กลับทำไม่สำเร็จ เดม่อนเดินเข้าไปใกล้จนเกือบประชิดก่อนจะยกไฟฉายส่องไปทั่วแผ่นหิน ไม่มีร่องรอยของการบุกรุก แสดงว่าทั้งคู่คือผู้ค้นพบอย่างแท้จริง เอวาก้าวเข้าไปข้างหน้าบ้างเมื่อดวงตาสีฟ้าใสสบเข้ากับแสงสะท้อน คล้ายประกายของเพชร ตรงมุมซ้ายของก้อนหินไฟฉายในมือ ส่องกระทบแสงสะท้อนนั้นก่อน เอื้อมมือเข้าไปปัดฝุ่นผงที่หนาทึบออกสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาทั้งสองคนทำเอาเดม่อนอ้าปากค้าง

สลักประตูที่ทำจากเพชร ส่องประกายเมื่อฝุ่นผงหายไป

เอวากดลงบนสลักมันกลับเด้งขึ้น มาเหมือนกลไก

“มันคือกลไก”เดม่อนพยักหน้าขึ้นลง

เอวาออกแรงหมุนเบาๆ เสียงดังกริ้กก่อนที่เสียงกำปะนาทกึกก้องจะดังสนั่น เดม่อนกอดประคองเอวาไว้ กำแพงหินข้างหน้าร่วงลงไปข้างล่างแบบไม่ทันตั้งตัว เอวา เกือบหล่นลงไปข้างล่างด้วยทว่าเดม่อนคว้าร่างบางไว้ทัน

” ระวังเอวา”

ช่องว่างระหว่างหินกับขอบประตูทางเข้าดำมืด ด้วยความลึกที่หินร่วงลงไปเสียงสะท้อนดัง เนิ่นนานทั้งคู่มองฝ่าความมืดไปเดม่อนใช้ไฟฉายส่องลงไปแต่ก็พบเพียงความมืดที่ลึกสุดลึก ถ้าหากร่วงลงไปร่างกายคงแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี

เดม่อนกลืนน้ำลายลงคอ ข้างหน้า มีฝุ่นผง กระจายสายตาจับจ้องไปข้างหน้า

เอวา ใช้ไฟในมือส่องเข้าไปยัง ตำแหน่งที่ต้องการเพื่อความปลอดภัยเพราะไม่ทราบว่าข้างหน้ามีอะไรบ้างภาพที่เห็น มีเพียง ผนังห้อง และภาพวาด ปนไปด้วยอักษร อียิปต์

เดม่อนใช้ไฟฉาย ของตัวเองบ้าง กระโดดนำหน้าไปยังห้องโถงกว้างกวาดไฟฉายไปทั่วแล้วแสงไฟฉายก็หยุดลงที่แท่น หินสูงกลางห้อง ที่วางอยู่ข้างบนคือ โรงบรรจุ มัมมี่ ที่ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นของใครด้วย วัตถุ ชนิดนั้นเป็นทอง เหลืองอร่าม แม้จะมีฝุ่นสีน้ำตาล เกาะอยู่บ้างก็ไม่สามารถทำให้ประกายทอง หมองหม่น ทั้งสองมองหน้ากันไปมา เอวาก้มลงมอง ฝาโลงศพที่ทำให้เป็นใบหน้า และร่างของคนที่ ทำจากทองคำ ปรากฏตัวอักษรอียิปต์ สลักชื่อ ไว้ตรงส่วนอก

“โฮรัส” เอวาทวนชื่อช้าๆ ก่อนที่ลม ไม่ทราบที่มาจะพัด กระโชก ผ่าน ปะทะร่างบางจน หนาวยะเยือก

เดม่อน วางกระเป๋าเป้ ก่อนจะหยิบตะเกียงเจ้า พายุแบบชาร์ต แบตเตอรี่ ขึ้นมา วางไว้บนแท่นหิน ทั้งสองอัน เปิดสวิตช์ ด้านบน จน สว่างไปทั่วบริเวณ

“เร่งมือหน่อย เอวาก่อนที่แบตจะหมด”

เอวา วางกระเป๋าเป้ลงบ้าง หยิบ เกียงขนาดใหญ่ออกมา งัด ฝาครอบ คาโนปิค ออก เดม่อนออกแรงผลักเสียงเลือนออกช้าๆกลิ่นยางไม้หอมกระจายออกมาจาก รอยเลื่อนภาพตรงหน้าคือร่างของมัมมี่ที่ถูกพันด้วยผ้าลินินจุ่มน้ำมันยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยน กระดาษปาปิรุสวางอยู่ข้างซ้ายมือของร่างกาย เอวาหยิบขึ้นมา แก้เชือกที่ผูกไว้ก่อนจะอ่านทำความเข้าใจ

เอวากดลงบนสลักมันกลับเด้งขึ้นมาเหมือนกลไก

เอวาออกแรงหมุนเบาๆ เสียงดังกริ้กก่อนที่เสียงกำปะนาทกึกก้องจะดังสนั่น เดม่อนประคองร่างบางของเอวาไว้กำแพงหินข้างหน้าร่วงลงไปข้างล่างแบบไม่ทันตั้งตัว เอวาเกือบหล่นลงไปข้างล่างด้วยทว่าเดม่อนคว้าไว้ทัน

“ระวังเอวา”