แพศยา ที่ 3 ตรอกที่ 15 ถนนเหมยฮวา [2]
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านผู้เฒ่า”
เซียวเหยายิ้มแย้ม ไม่ได้มีท่าทางหงุดหงิดต่อสายตาของหญิงชราและเหล่าสตรีบริเวณนั้น ด้วยเข้าใจว่าความลำบากยากแค้นทำให้แม้แต่จะฝืนยิ้มยังลำบากยากเย็น แล้วจู่ๆ มีหญิงสาวบุตรขุนนางเดินเข้ามาในตรอกคงทำให้คนเหล่านี้รู้สึกหวาดระแวง
“ว้าย!”
หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆ ก็ถูกชายรูปร่างปราดเปรียววิ่งชนเต็มแรง ก่อนจะโดนกระชากถุงเงินในมือไปอย่างรวดเร็ว
“ขโมย!”
คนคุ้มภัยคนหนึ่งวิ่งตามโจรไป ส่วนอีกคนหันกลับมามองคุณหนูใหญ่ที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่ง
เซียวเหยาหัวใจเต้นแรงราวกับจะกระโจนออกมานอกอก จังหวะที่นางหมุนคว้างกำลังจะล้มลง จู่ๆ ก็มีมือหนาใหญ่เอื้อมมาคว้าร่างนางเอาไว้ได้ทัน แต่นั่นทำให้นางตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ตึก! ตึก! ตึก!
แล้วเหตุใดนางถึงต้องหัวใจเต้นแรงด้วย ไม่หรอกนางไม่ได้ใจเต้นแรงเพราะถูกเขากอด แต่อาจจะใจเต้นแรงเพราะถูกโจรวิ่งราวถุงเงินไปก็เป็นได้
“แม่นางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
ชายผู้นั้นค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกอย่างสุภาพ ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างประคองที่ไหล่นางให้หยัดยืนอย่างมั่นคง
“มะ...ไม่เป็นไร ขอบคุณมากนะเจ้าคะท่านจอมยุทธ์”
นางเอ่ยเรียกเขาเช่นนั้น เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ ด้วยเสื้อผ้ารัดกุมที่สวมใส่ไร้ความหรูหราเฉกเช่นคุณชายมีสกุลแต่เน้นใช้งานจริงทนทานมีส่วนประกอบที่ทำจากหนังสัตว์ที่เก่าคร่ำคร่า อีกทั้งยังใส่หมวกปีกกว้างและมีผ้าสีดำผืนบางปิดบังใบหน้าเอาไว้กว่าครึ่ง
“ด้วยความยินดีขอรับ เมื่อแม่นางทำธุระเสร็จแล้วขอจงรีบออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็ว เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะกับสาวงามอย่างแม่นาง”
คำว่า ‘สาวงาม’ ที่ออกจากปากของชายแปลกหน้า แต่กลับทำให้หัวใจขอบคนตัวเล็กกว่ากระตุกจนเต้นผิดจังหวะได้อย่างน่าประหลาด
แปลกทั้งที่นางเคยชินกับคำชมจนเชยชา แต่กลับหวั่นไหวไปกับคำชมของชายผู้นี้
“เข้าใจแล้ว ข้าจะทำตามที่ท่านจอมยุทธ์บอก”
เซียวเหยาปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะค้อมกายเล็กน้อยราวกับขอบคุณเขาอีกครั้ง จากนั้นสาวใช้ทั้งสองจึงรีบประคองนางเดินจากไป
“ได้เงินคืนกลับมาแล้วขอบรับ อ้าว! แล้วคุณหนูหวางเซียวเหยาไปไหนเสียแล้วเล่า”
คนคุ้มกันที่วิ่งตามโจรไปเมื่อสักครู่ รีบวิ่งกระหืดกระหอบกลับมายังจุดเกิดเหตุ ก่อนจะพึมพำเมื่อไม่พบนานจ้าง แล้วเร่งรีบฝีเท้าออกเดินหานายจ้างทันที และนั่นทำให้ชายที่ปิดบังใบหน้าไว้กว่าครึ่งได้ยินชื่อของคุณหนูผู้งดงามนั้นอย่างชัดเจน
“ท่านเจ้าเมืองขอรับ นั่นคุณหนูใหญ่คู่หมั้นของท่านนี่ขอรับ”
ลูกน้องคนสนิทกระซิบแผ่วเบา เขาไม่เคยพบพานคู่หมั้นของเจ้านายมาก่อน แต่เมื่อได้พบก็ถึงกับตกตะลึงในความงามจนแทบจะลืมหายใจ ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่มีข่าวลือว่าเป็นหญิงใจร้าย ปากร้าย ชอบทำร้ายร่างกายผู้อื่น จะเป็นสตรีที่งดงาม อีกทั้งท่าทางที่ปฏิบัติต่อสาวใช้ก็ดูอ่อนโยนเต็มไปด้วยความเมตตาปรานี
นางไม่มีท่าทีถือตัวเมื่อต้องพูดคุยกับชายแปลกหน้าที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ อีกทั้งยังโค้งกายขอบคุณอย่างอ่อนน้อม ไม่มีความเย่อหยิ่งจองหองอยู่ในการกระทำเหล่านั้นแม้แต่น้อย
หรือว่าข่าวลือพวกนั้นจะเกิดจากผู้ไม่หวังดี...
‘กี่ปีแล้วนะ...ที่ข้าไม่ได้พบเจ้าแม่เด็กดื้อตัวน้อย เผลอไม่เท่าไหร่เจ้าโตเป็นสาวถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูเหมือนว่าข้าต้องนับถอยหลังเฝ้ารอเจ้ามาเคียงคู่ในวันวิวาห์เสียแล้ว’
เจ้าเมืองหนุ่ม ‘เฉินซือหยาง’ หยักยิ้มที่มุมปาก แรกทีเดียวเขาช่วยเหลือสตรีนางนั้นไว้เพราะยืนอยู่ใกล้ๆ และได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงไม่อาจเมินเฉย
แต่เมื่อได้เห็นใบหน้านางเต็มสองตา หัวใจของเขากลับกระตุกแรงราวกับตกหลุมรัก แม้จะพานพบสาวงามมากหน้า ทว่าหญิงงามผู้นี้กลับทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวจนเผลอกอดกระชับนางในอ้อมกอดเอาไว้แนบแน่น
จังหวะที่ต้องสลัดความรู้สึกทิ้งไปเพราะรู้ตัวดีว่าตนมีคู่หมั้นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดแจงให้ อีกทั้งกำหนดแต่งงานก็ใกล้เข้ามาภายในสามเดือนที่จะถึง เขาจึงไม่ควรเอาใจไปผูกกับสตรีอื่นเพราะนั่นคือการไม่ให้เกียรติคู่หมั้นคู่หมาย
แต่แล้วภายในเสี้ยวอึดใจเขากลับได้รู้ว่าหญิงที่พึงใจผู้นั้นก็คือ ‘หวางเซียวเหยา’ คู่หมั้นของเขานั่นเอง
“สั่งคนให้คอยติดตามดูแลความปลอดภัยของคุณหนูหวางอย่างลับๆ จนกว่านางจะกลับถึงจวน”
“ขอรับท่านเจ้าเมือง”
ซือหยางหยักยิ้มไม่คิดเลยว่าการปลอมตัวเข้ามาตรวจตราอาชญากรรมในตรอกสิบห้าจะทำให้ได้พบกับคู่หมั้นสาว ว่าแต่... นางมาทำอะไรที่นี่เล่า!