ตอนที่ : 03 โมโห
“วะ หวัดดี ชื่อจูโน่ใช่มั้ย” จันทร์เจ้าถามเสียงตะกุกตะกัก เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจโรมนั้นมีน้องชายอยู่อีกคน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าน้องของเขานั้นเป็นอะไรทำไมถึงต้องนั่งอยู่บนวีลแชร์แบบนี้
หญิงสาวจัดการป้อนข้าวให้แก่คนตรงหน้าจนหมด ก่อนจะหันไปหยิบแก้วใบเล็กๆ ที่ในนั้นมียาอยู่ เธอได้รับคำสั่งจากแม่บ้านให้เอายานี้ให้คนที่เธอต้องขึ้นมาดูแลกิน ทว่าพอคนตรงหน้าได้เห็นแก้วยาเท่านั้นแหละกลับแสดงสีหน้าตื่นกลัวราวกับว่ามันคือยาพิษ
“มะ ไม่อาว ไม่กิน...”
“ได้ยังไงล่ะคะคุณจูโน่ ต้องกินยาด้วยนะคะ” เธอไม่รู้หรอกว่ามันคือยาอะไร แต่ได้รับคำสั่งมาแล้วเธอก็ต้องเอาให้คนตรงหน้ากิน และพอได้เห็นน้องชายของเจโรมแล้วเธอก็พอจะเข้าใจว่าทำไมต้องกินยา
“ไม่อาว มันไม่อร่อย”
“ยามันก็ขมเป็นปกติแหละค่ะ กลืนน้ำตามลงไปแล้วก็ไม่ขมแล้วค่ะ”
“…..” อีกฝ่ายยังคงส่ายหน้ารัวๆ ปากที่เคยอ้าปากรับอาหารอย่างไม่ขาดกลับเม้มแน่นและพยายามที่จะเบี่ยงหน้าหลบตลอด ขนาดนั่งอยู่บนรถวีลแชร์นะเนี่ย
“คุณจูโน่คะ”
“มะ ไม่กิน ไม่กิน..”
“…..” จันทร์เจ้าไม่พูดอะไรอีก ดูเหมือนว่าเธอกำลังเจอกับศึกหนัก เพราะแบบนี้หรือเปล่านะใครๆ ถึงไม่อยากมาดูแลเด็กคนนี้
เธอเคยมีประสบการณ์ดูแลคนป่วยตอนที่แม่ของเธอกำลังป่วย เธอเลยพอจะเข้าใจว่าคนป่วยมักจะดื้อและไม่อยากกินยาแต่ชอบกินของอะไรที่หมอห้ามมากกว่า
“เรามาคุยกันหน่อยมั้ยคะ”
“…..” อีกฝ่ายทำหน้างง เขามองอย่างสงสัยเอามากๆ ถึงแม้จะนั่งอยู่บนรถวีลแชร์แต่เธอก็รู้สึกว่าเขาคนนี้ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติเลย
“ฉันชื่อจันทร์นะคะ เพิ่งมาทำงานใหม่ ได้รับคำสั่งให้มาคอยดูแลคุณ แต่ก่อนฉันเคยมีประสบการณ์ดูแลแม่ที่ป่วยมาก่อนค่ะ คนป่วยมักไม่ชอบกินยาเพราะไม่ชอบอะไรที่มันซ้ำๆ เดิมๆ”
“…..” เด็กหนุ่มบนรถวีลแชร์ตั้งใจฟังเอามากๆ ราวกับว่าเพิ่งมีคนมาพูดคุยด้วยแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย
“เอางี้มั้ยคะ ถ้าคุณจู่โน่ยอมกินยา เดี๋ยวฉันจะซื้อช็อคโกแลตมาให้ แต่เราต้องสัญญากันก่อนนะคะว่าคุณจูโน่ต้องกินยา”
“….” คราวนี้เขาพยักหน้าเหมือนรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมันคืออะไร
จากนั้นจูโน่ก็ตกลงยอมกินยาแต่โดยดี ทว่ายังไม่ทันทีหญิงสาวจะได้ทำอะไรต่อ เธอรู้สึกว่าคนบนรถเข็นนั้นเริ่มมีอาการเหม่อลอยแปลกๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังดูดีอยู่แท้ๆ มันเป็นเพราะฤทธิ์ยาเหรอ
“ปะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะมันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นปกติอยู่แล้วหรือว่ามันเกิดจากอาการป่วยที่เขากำลังเป็นอยู่
“…..” เธอไม่รู้เพราะไม่ได้ถามแม่บ้านที่ยกถาดอาหารมาให้เธอ
แกร๊ก~
“เสร็จแล้วหรือยัง?”
“คะ คุณจู่โน่เป็นแบบนี้ ปกติหรือเปล่าคะ ทำไมถึงนั่งเหม่อไม่ตอบแบบนี้”
“มันเป็นฤทธิ์ยา เดี๋ยวก็หาย”
“…..” เธอไม่ได้พูด แต่ก็เก็บความสงสัยไว้ในใจอยู่ไม่น้อย เธอเคยดูแลแม่ที่เป็นผู้ป่วยแบบนี้มาก่อน ยอมรับเลยว่าเธอไม่เคยเห็นแม่ของเธอกินยาแล้วมีอาการแบบนี้เลย แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้หรอกเพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะต้องมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนอย่างเจโรมคงไม่ปล่อยให้น้องชายตัวเองกินยาที่มันทำให้ร่างกายผิดปกติหรอก
หน้าที่ของจันทร์เจ้าก็ดูเหมือนจะไม่ยุ่งยากอะไรมากมาย แต่ก็ละเอียดอ่อนใช่ย่อยเพราะเป็นการดูแลผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ก่อนหน้านั้นเธอแอบได้ยินแม่บ้านพูดกันว่าจูโน่ดูแลยากเพราะเรื่องมากจึงไม่มีใครอยากจะดูแล แต่ต่อหน้าเจ้านายก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเลย
“คุณจูโน่นอนพักมั้ยคะ เดี๋ยวฉันพานอน”
“…..” เด็กหนุ่มรีบส่ายหน้า ก่อนจะชี้ไปตรงกองหนังสือที่ตั้งเรียงไว้บนชั้นด้านหลังของเธอ ราวกับว่ากำลังบอกให้เธอไปหยิบมันมาสักเล่มและอ่านให้ฟัง
“อยากให้อ่านหนังสือให้ฟังเหรอคะ”
“…..” จูโน่รีบพยักหน้า ก่อนที่หญิงสาวจะลุกขึ้นไปเลือกหยิบหนังสือมาเล่มนึงยกเก้าอี้มาวางและนั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย หลังจากนั้นก็เริ่มอ่านหนังสือไปทีละหน้าอย่างตั้งใจ
ระหว่างที่กำลังอ่านหนังสือเธอคอยสังเกตมองคนตรงหน้าตลอด จะเห็นว่าจูโน่ตั้งใจฟังเอามากๆ ราวกับว่าชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาป้อนข้าวตอนเย็นโจโรมก็กลับมาพอดี และตอนนี้เขาก็นั่งดูเธอป้อนข้าวให้กับน้องชายของเขาอยู่ ทำเอาเธอเกร็งไปหมดเลย เธอไม่ชอบเท่าไหร่ที่จะต้องมาอยู่ใกล้เขาแบบนี้
สายตาของเขาที่จ้องมองเธอไม่หยุด มันกำลังกดดันจนเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งที่อยู่กับคนป่วยมาทั้งวันเธอกลับไม่รู้สึกอึดอัดอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่พอเขากลับมาเท่านั้นแหละ
“เรียบร้อยแล้ว ฉันกลับไปพักก่อนนะคะคุณจูโน่ ไว้พรุ่งนี้จะมาหาใหม่นะคะ” เธอบอกลากับเด็กหนุ่ม หลังจากที่พาเข้านอนเรียบร้อยแล้ว เธอพยายามไม่ให้ความสนใจกับอีกคนที่อยู่ในห้องด้วย ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนในสายตาของเธอ
ผ่านไปสักพัก
หมับ!
“อะไรอีก ฉันเจ็บนะ!”
“จะรีบไปไหน?”
“เสร็จงานแล้ว ฉันก็จะกลับห้องไปพักสิ”
“งานของเธอยังไม่เสร็จนะ”
“อ๊ะ!!”
เธอถูกเขาดึงและพาเดินเข้าห้องไปก่อนที่ประตูจะปิดลงพร้อมกับมีเสียงล็อคประตู เธออยากจะหนีออกไปแต่เพราะเขากดดันให้เธอต้องเดินเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ มันหมดโอกาสที่จะหนีแล้วจริงๆ
โทนห้องถูกตกแต่งไว้ตามสไตล์คนเย็นชา มันดูลึกลับน่าค้นหาและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ถ้าสถานการณ์มันไม่ใช่แบบนี้มันก็คงจะดีกว่านี้อยู่หรอกนะ
“ทำความสะอาดห้องของฉันสิ มันเป็นหน้าที่ของเธอนะ”
“ไหนบอกว่าหน้าที่ของฉันแค่ดูแลน้องชายของคุณไง”
“ก็แค่นั้น แต่ฉันเพิ่มให้เพราะดูเหมือนว่างานของเธอมันสบายไป นี่เป็นคำสั่งทำงานของเธอซะ”
“…..” หญิงสาวมองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง ห้องนอนของเขามันไม่ได้มีตรงไหนที่สกปรกเลย และก็ไม่ได้มีของอะไรที่ระเกะระกะด้วย แล้วเขาจะให้เธอทำความสะอาดอะไรในเมื่อทุกอย่างก็เรียบร้อยดีอยู่แล้ว
แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ก้าวขาไปทำตามคำสั่งของเขา ไวน์สีแดงก็ถูกเทลงพื้นจนแดงฉานไปหมด
“ทำความสะอาดซะสิ”
“…..” หญิงสาวได้แต่กัดฟันทน หยิบผ้ามาเช็ดทำความสะอาดไวน์ที่เขาจงใจเทลงพื้น แทนที่เธอจะได้กลับไปพักผ่อนแต่กลับต้องมาอยู่ในห้องกับเขาและทำงานต่อทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย
มันอึดอัด มันโกรธ มันโมโห เธออยากจะร้องไห้ออกมา แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจำใจทน ปล่อยให้คนอย่างเขาข่มไปแบบนี้โดยที่ไม่รู้ว่ามันจะไปจบที่ไหน
“เสร็จแล้ว ฉันกลับไปพักได้แล้วใช่มั้ย?”
“ยัง ยังไม่เสร็จ” เขาพูดออกมาก่อนจะหยิบไวน์ที่เหลือเกินครึ่งขวดเทลงพื้นจนหมด ครั้งนี้เธอโมโหจนแสดงออกมาทางสายตา นี่มันกลั่นแกล้งกันชัดๆ เลยนี่นา ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย หรือเป็นเพราะเธอไม่ได้ตอบโต้เขาก็เลยยิ่งทำ เห็นเธอเป็นแบบนี้เขาก็เลยยิ่งได้ใจ
"ทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วค่อยไปพัก ถ้าไม่เรียบร้อยก็ไม่ต้องออกไป"
"....." เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตาที่มองเขาก็คงจะทำให้เขารู้ได้แล้วล่ะว่าเธอนั้นกำลังไม่พอใจเอามากๆ
ผ่านไปสักพัก
"เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ฉันกลับได้แล้วใช่มั้ย?"
"....." ชายหนุ่มที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เหลือบมองไปบนพื้นที่เขาได้เทไวน์ลงไป เขาทำท่ายิ้มมุมปากเล็กน้อย "ก็ไปสิ"
"....." พอได้รับอนุญาตเธอก็หันหลังและเดินออกไปทางประตูทันที แต่ทว่าประตูนั้นมันกลับเปิดออกไม่ได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามยังไง พยายามจนรู้สึกหงุดหงิด แต่ประตูมันก็เปิดออกไม่ได้เลย
ฟึบ~
"....." หญิงสาวสะดุ้งจนตัวแข็ง เมื่อถูกสอนจากทางด้านหลัง หน้าอกของเขาแนบชิดไปกับแผ่นหลังของเธอ มันใกล้ชิดจนเธอรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เขาพ่นออกมา
มือหนาจับไปตรงที่เปิดประตู จู่ๆ มันก็เกิดเสียงติ๊ดดังขึ้น และประตูก็สามารถเปิดออกได้
"ห้องนอนของฉัน ต้องสแกนลายนิ้วมือของฉันเท่านั้นถึงจะเข้าหรือออกได้"
"....."
"ไม่อยากออกไปเหรอ อยากจะนอนกับฉันงั้นเหรอ ก็ได้นะแต่ฉันคงไม่ให้แค่นอน"
หญิงสาวรีบปัดมือของเขาออกและเดินออกมาจากห้องด้วยความเร่งรีบ เพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถออกมาจากห้องนั้นได้อีก แต่พอเดินออกมาจากห้องเท่านั้นแหละเธอก็เจอกับแม่บ้านคนนึง ทั้งคู่มองหน้ากัน และจันทร์เจ้าก็ยืนนิ่ง เพราะเธอเพิ่งจะออกมาจากห้องของเจโรม ดึกดื่นป่านนี้แล้วมันก็ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนสงสัย แถมเธอก็ยังอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยอีกต่างหาก
"เธอเข้าไปทำอะไรในห้องของคุณเจโรม"
"....." จันทร์เจ้าเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะเธอไม่รู้จะหาคำตอบอะไรมาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าปกติแล้วแม่บ้านได้เข้าไปทำความสะอาดที่นั่นหรือเปล่า ถ้าเธอพูดออกไปว่าเขาให้เธอไปทำความสะอาดก็คงไม่มีใครเชื่อ
"ฉันถามว่าเธอไปทำอะไรในห้องของคุณเจโรม เวลานี้เธอควรจะอยู่ในห้องของตัวเองสิ นี่เธอยังไม่ได้ลงไปอีกเหรอ?"
"มันไม่ใช่เรื่องของเธอ ที่จะมาตั้งคำถามกับฉัน"
"....."
หลังจากนั้นเธอก็รีบเดินออกไปทันที เพราะกลัวว่าจะถูกตั้งคำถามอีก ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วทุกคนในบ้านพากันนอนหมดแล้ว เหลือแต่เธอเนี่ยแหละที่ยังไม่ได้ทำอะไรกับเขาเลย แม้กระทั่งกินข้าวตอนเย็นเธอก็ยังไม่ได้กิน