บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 21 ของกำนัลจากใจ (ep.4)

“ลูกจันทร์แท้หรือขนมกันนี่แม่จอมนาง”

คุณหญิงช้อยเอ่ยถามจอมนางเมื่อมองเห็นขนมในถาดมีลักษณะเหมือนลูกจันทร์สีเหลืองนวล

“ขนมเจ้าค่ะคุณหญิง”

“ขนมรึ แปลกจริง”

คุณหญิงอรหยิบส่งให้คุณหญิงช้อยที่รับไปชิม

“กลิ่นอะไรรึ ไม่เหมือนกลิ่นลูกจันทร์แต่รสดีแท้นะ”

คุณหญิงช้อยเอ่ยชม

“ขนมนี้ ฉันเอาแป้งโม่กวนกับไข่ไก่เจ้าค่ะ ใส่น้ำตาลแล้วก็ได้กลิ่นอบเชยลงผสม ใช้สีฟักทองมาใส่ทำให้ออกเหลืองนวล ส่วนที่ขั้วก็เคี่ยวน้ำตาลไหม้มาทำสีเจ้าค่ะ”

จอมนางอธิบาย

“แบ่งให้พี่ขุนบ้างได้หรือไม่เล่าแม่หญิง”

ขุนทองดีเอ่ยถามพลางมองหน้าหวานละไมของนางที่หันมาหา

“จะเอาไปฝากลูกที่เรือนรึท่านขุน”

คำถามของจอมนางนั้นทำให้ขุนทองดีถึงกับหน้าเผือดแต่คุณหญิงช้อยกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ

“แม่หญิงอย่าได้เดียดฉันท์พี่ขุนเพียงเพราะถ้อยคำจากปากของชาวบ้านเลยนะจ๊ะ หญิงอื่นหมื่นแสนหาได้สำคัญเสมอแม่หญิงสักน้อยนิดไม่ ด้วยพี่นี้เกิดมาก็มีหัวใจเพียงหนึ่งที่พร้อมยอมจำนนต่อแม่หญิง แม้นว่ากายของพี่จะไขว้เขวไปบ้างตามประสาชาย แต่ใจนั้นหาได้วอกแวกคิดทุรยศต่อแม่หญิงไม่”

ขุนทองดีอธิบายเชิงเว้าวอนก่อนจะยื่นมือไปขอขนมในถาด ที่จอมนางจำต้องหยิบยื่นให้ แต่ขุนทองดีกลับวางมือเลยขนมไปจับมือเรียวของนางแล้วโน้มปลายจมูกเข้าไปใกล้หมายดอมดม แต่จอมนางรีบกระตุกมือกลับ

“หอมจริงนะเจ้า”

ขุนทองดีเอ่ยปากออกมาเมื่อแสร้งยกขนมลูกจันทร์ขึ้นสูดดมแต่สายตามองผ่านไปยังใบหน้าที่เนียนเกลี้ยงขาวหมดจด พวงแก้มอมชมพูระเรื่อของจอมนาง เขาบอกตัวเองว่า ดรุณีสาวแรกรุ่นคนนี้ยิ่งดูยิ่งงาม งามทั้งผิวพรรณ งามทั้งใบหน้า งามทั้งรูปร่าง กิริยาและน้ำเสียง

“เชื้อไม่ทิ้งแถว ลูกไม้หล่นมิไกลต้นเลยหนาพระศรีบดินทร์ฤาชัย”

คุณหญิงช้อยเปรยออกมาพลางว่าพระศรีบดินทร์ฤาชัยที่ได้แต่มองหน้านาง เพราะใจจริงแท้นั้นพระศรีบดินทร์ฤาชัยยังรักคุณหญิงช้อยอยู่ เนื่องจากเป็นรักแรกที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เพราะคุณหญิงช้อยผู้นี้ในยามเป็นสาวรุ่น ทำให้เขาได้แผลมาเต็มตัวเพราะต้องต่อสู้กับพระยาภักดีพิชัยเพื่อแย่งชิงนาง แต่ก็ไม่สำเร็จ

“ให้บ่าวจัดขนมติดไม้ติดมือพระศรีบดินทร์ฤาชัย กับคุณหญิงไปยังเรือนด้วยนะลูกจอมนาง”

“เจ้าค่ะแม่ท่าน”

คุณหญิงอรหันไปบอกจอมนางที่รีบรุดออกไปจากที่นั่นท่ามกลางสายตาของขุนทองดีที่ไม่เพียงแต่มอง เขายังลุกขึ้นหมายจะตามไปอีกด้วย

“พ่อขุน รอเสียที่นี่เถิด”

ยายทิพย์ร้องเรียกเขาพร้อมกับกวักมือแล้วส่งพลูให้ ขุนทองดีจำต้องรับพลูมาเคี้ยวตามด้วยหมากอ่อนที่ยายทิพย์ส่งให้

“คุณหญิงเจ้าขา ท่านเจ้าหมื่นศรีสุรนาทมาเจ้าค่ะ”

จำปีกระซิบบอกคุณหญิงอรเมื่อบ่าวคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาบอกหล่อน และเมื่อจำปีบอกเล่ายังไม่ทันที่คุณหญิงจะบอกให้บ่าวเตรียมต้อนรับ จมื่นสุรนาทก็เดินขึ้นเรือนแล้วก้มลงกราบยายทิพย์จากนั้นหันไปยกมือไหว้คุณหญิงอรและพระศรีบดินทร์ฤาชัยอย่างนอบน้อม

“ไหว้พระเถิดคุณพระนาย นี่เพิ่งออกเวรกระมัง”

“ขอรับ”

คุณหญิงอรเอ่ยทัก ทำให้พระศรีบดินทร์ฤาชัยมีโอกาสได้มองเห็นชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างถนัดชัดเจน เห็นเค้าความงามสมชาติบุรุษอย่างน่าชื่นชม อกผายไหล่ผึ่ง หน้าเข้ม ตาคมฉายแววจริงจังและฉลาด จมูกโด่ง ผิวขาวหมดจด แต่ทันทีที่ขุนทองดีเห็น เขากลับรู้สึกชิงชังและขัดเคืองอย่างที่สุด

“กระผมมิสามารถเข้าเวรกึ่งเดือนแล้วพักกึ่งเดือนเหมือนข้าราชในสำนักตำแหน่งอื่น กระผมต้องอยู่รับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวขอรับ”

จมื่นศรีสุนาทอธิบายทำให้ขุนทองดีได้แต่นึกหมั่นไส้ เขาหยิบกระโถนบ้วนน้ำหมากของยายทิพย์มาบ้วน แล้วก็หยิบหมากพลูยัดใส่ปากเคี้ยวด้วยความหงุดหงิด

แต่เมื่อจอมนางกลับมาที่เรือนพร้อมด้วยห่อขนมของฝากก็ต้องชะงักเมื่อมองเห็นจมื่นศรีสุรนาทนั่งอยู่ไม่ห่างจากคุณหญิงช้อยแม่ของเขามากนัก หัวใจของนางเต้นแรงกว่าเดิมเล็กน้อย

“เจ้าสบายดีหรือไม่เล่าน้องพี่”

จมื่นศรีสุรนาทเอ่ยถามจอมนางที่คลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างสำรวม

“ไม่เจ็บไม่ไข้เจ้าค่ะ”

เมื่อนางตอบออกมาแบบนั้นก็ทำให้ขุนทองดีเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจแต่ดูเหมือนจมื่นศรีสุรนาทจะไม่สนใจนัก

“ด้วยกระผมนี้เมื่อออกเวรแล้วรู้ว่าแม่ท่านมาที่เรือนยายท่าน กระผมก็เร่งมาหมายจะได้กราบยายท่านและคุณหญิง แต่ด้วยเพลานี้กระผมรู้สึกหิวนัก ใคร่ขอแบ่งข้าวในเรือนยายท่านสักมื้อจะได้หรือไม่ขอรับ”

จอมนางหันไปมองหน้ายายกับแม่แล้วตวัดสายตามาหาเขาแล้วเตรียมจะเปิดปากพูด แต่ทว่าขุนทองดีเกรงว่าจมื่นศรีสุรนาทจะได้ใกล้ชิดนางเพียงลำพัง

“นี่ก็ใกล้จะพลบค่ำ ด้วยเรือนนี้ก็มีแต่เพียงสตรี เห็นจะไม่เหมาะกระมังที่คุณพระนายจะอยู่รั้งท้ายกินข้าว”

ขุนทองดีชิงพูดตัดหน้า

“มิเป็นไรดอกหนา แค่ข้าวมื้อเดียว คงจะพอมีเหลือติดตูดหม้อพอขูดได้กระมัง”

จอมนางเอ่ยขึ้นก่อนจะปลายตาไปหาจมื่นศรีสุรนาท

“ส่วนกับข้าวนั้นข้าจนใจจะมีเหลือเพียงเกลือก้อน มิทราบว่าคุณพระนายพอจะกินได้หรือไม่”

เมื่อจอมนางพูดจบขุนทองดีก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างสะใจ

“ขอเพียงเจ้าเมตตา แม้นมีแต่ข้าวเปล่าพี่ก็กินได้”

คุณหญิงช้อยนั่งอมยิ้มพลางชำเลืองแลสายตาไปหาพระศรีบดินทร์ฤาชัยกับลูกชาย

“ขอติดแม่จอมนางไว้มื้อหน้าเถิดหนาคุณพระนาย ด้วยเพลานี้แม่จำต้องกลับเรือน ประเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อของเจ้ากลับมาจะมิมีอะไรกิน เจ้าจงอดทนอีกประเดี๋ยวก็ถึงเรือน อ้อ ขนมนี่ประไร แม่จอมนางทำกับมือ กินลองท้องไปก่อนเถิด”

คุณหญิงช้อยบอกลูกชายเบา ๆ พลางตวัดสายตาไปมองหน้าจอมนางที่นั่งก้มหน้าอย่างสำรวมแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างน่ามอง

“กระนั้นหรือขอรับ”

จมื่นศรีสุรนาทรีบหยิบห่อขนมมาเปิดแล้วหยิบทาน

“รสเลิศแท้แม่คุณ”

เขาเอ่ยชม ก่อนจะกราบยายทิพย์และยกมือไหว้คุณหญิงอร พระศรีบดินทร์ฤาชัย ก่อนจะโอบประคองแม่ลงจากเรือนมุ่งไปยังท่าน้ำ

“ด้วยบัดนี้ แม่จอมนางคือหญิงในครอบครองของข้า”

ก่อนที่จมื่นศรีสุรนาทจะลงเรือที่จอดเทียบอยู่หลังจากที่ส่งคุณหญิงช้อยลงเรือออกหน้าไปแล้ว ขุนทองดีก็ร้องบอกทันที

“แต่แม่ท่านเล่าว่า แม่ข้าได้ส่งมอบผ้าแพรของกำนัลให้ยายทิพย์ก่อนพระศรีบดินทร์ฤาชัย”

“ด้วยแม่เจ้าผลักพ่อข้าประไรเล่า คนแรกคือข้า จำไว้ ข้าได้จับจองแม่หญิงจอมนางแล้ว”

ขุนทองดีพูดจบก็เดินเฉียดจมื่นศรีสุรนาท

“ตราบใดที่ใจของแม่หญิงยังมิจำนนต่อผู้ใดเป็นที่แน่ชัด เจ้าอย่าได้หมายจะผูกสมัครจับจองหวงห้าม”

จมื่นศรีสุรนาทพูดจบก็ลงเรือแล้วมากิดกับบุญถึงบ่าวอีกคนที่ตามติดคอยรับใช้ร่วมกับมากิด ก็พายเรือห่างออกไปทำให้ขุนทองดีได้แต่มองตามด้วยความแค้นเคือง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel