ตอนที่ 15 คนสำคัญของใจใครก็ไม่อาจเทียม (ep.3)
“ชิชะนี่ท่านขุนคงหลับมิพอสินะ จึงได้ฝันกลางวันแสก ๆ ผีห่าตนใดดลใจให้ข้ามาฟังสรรพสำเนียงที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ เสียสายตานัก เสียเพลาอีกด้วย”
ลาติฟาพูดจบก็เดินจ้ำจากไปตามหลังด้วยเรียมบ่าวคนสนิท ทำให้ขุนทองดีได้แต่ยืนยิ้มมองตามไป
“นางผู้นี้งามแท้ ยิ่งมองยิ่งงามคมคาย อีกทั้งปากคอแม่คงสามารถกำหลาบบ่าวชายได้เพียงแค่คำครึ่งคำเป็นแน่”
ทนายแสนมองตามร่างของลาติฟาแล้วหันมาหาขุนทองดี
“ท่านขุนจะเปลี่ยนใจหรือขอรับ”
“ไม่”
ขุนทองดีตอบอย่างทันท่วงที
“แม่หญิงจอมนางนั้นเปรียบดังผ้าเยียรบับ งดงามระยิบระยับและอยู่ในที่สูง น่าทะนุถนอมและยกย่อง ส่วนแม่หญิงลาติฟา เปรียบประดุจผ้านุ่งพื้น ๆ ของชาวประชา ราคาถูก หาง่าย แม้จะมีสีสันที่สวยงาม”
ขุนทองดีหันไปมองตามหลังลาติฟาอีกทั้ง
“ข้าชังนักพวกต่างเชื้อชาติ มาเป็นใหญ่บนแผ่นดิน ยกครอบเทครัวมาเป็นอยู่อย่างสุขสบาย”
ขุนทองดีกระชับดาบในมือมั่น
“ข้าใคร่รู้นักว่า พ่ออยู่หัวรัชกาลถัดไปคือผู้ใด ที่จะได้กินบุญบัลลังก์อโยธยา”
เพียงแค่จบคำพูดของขุนทองดี ทนายแสนก็รีบก้าวไปขวางหน้าเขาทันทีพร้อมกับมองหน้า
“ท่านขุนใคร่รู้จริงหรือขอรับ”
“เออ กูใคร่รู้ มึงมีหนทางใดเล่าแจ้งมาอย่าช้าที”
ทนายแสนมองไปรอบตัวก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ขุนทองดีอีกนิด
“ข้ารู้จักชาวจีนชราตาบอดผู้หนึ่งเดินทางมาจากแผ่นดินจีนเข้ามาตั้งรกรากอยู่ใกล้กับสถานอโคจร มีชาวบ้านต่างเข้าไปรับการทำนายทายทัก ร่ำลือกันว่าแม่นเหมือนตาเห็น”
“ข้ามิเห็นสมกับการงมงาย บนแผ่นดินอโยธยา จะหาผู้ใดทัดเทียมท่านโหราธิบดีกับศรีปราชญ์หามีไม่”
ขุนทองดีพูดจบก็เร่งเดินตรงไปยังทิศทางที่เขาต้องไปเพื่อทำงานตามหน้าที่
“ท่านขุนขอรับ”
ทนายแสนวิ่งเข้ามาหาขุนทองดีด้วยใบหน้าที่สดใส
“ดีจริงมึงสุขแท้อ้ายแสน มีการอันใด”
“สถานอโคจรแห่งนั้น มีนางคณิกาชาวมอญเพิ่งเข้ามาใหม่ ยังมิมีผู้ใดได้เรียกหา ค่ำคืนนี้น่าจะเป็นโอกาสอันควรของท่านขุนที่จะได้..”
ทนายแสนละคำพูดไว้แล้วมองสบตาของขุนทองดี ไม่ว่าเขาจะต้องเสียเงินสักเท่าไหร่ ขอเพียงให้เขาได้เชยชมสตรีเป็นคนแรก เขาก็พอใจ ดังนั้นผู้ดูแลสถานชำเราชายก็รู้ดีว่า หากมีสาวงามเข้ามาใหม่จะเรียกเงินจากขุนทองดีได้มากโข
“ช้าอยู่ไยเล่า”
ขุนทองดีรีบออกจากเรือนมุ่งหน้าสู่สถานชำเราชายย่านปากคลองขุนละครไชยที่เคยไป แต่มากิดก็ได้รับข่าวจากคนสนิทว่าขุนทองดีกำลังจะไปที่ไหนเขาก็รีบไปบอกจมื่นศรีสุรนาทที่ไม่รอช้ารีบไปดักหน้าขุนทองดีไว้
ทันทีที่ขุนทองดีก้าวขึ้นจากเรือหมายจะมุ่งเข้าไปยังสถานที่ที่เขามุ่งมั่นมีเพียงทนายแสนที่ตามติดในยามค่ำคืน ซึ่งมีเพียงแสงไฟจากดวงจันทราและหมู่ดาว มีมาเสริมบ้างก็เพียงคบไฟตามบ้านเรือนร้านค้าที่ยังไม่ปิด
“จะรีบไปที่ใดเล่าท่านขุน”
จมื่นศรีสุรนาทเอ่ยถามพร้อมกับก้าวไปขวางทางของขุนทองดี โดยมีมากิดยืนอยู่เคียงข้าง ทำให้ทนายแสนรู้สึกครั่นคร้ามขึ้นมาครามครันด้วยรู้ชัดว่าจมื่นศรีสุรนาทคงมาเพื่อแก้แค้นแน่นอน แล้วด้วยฝีมือที่ยากจะหาใครทัดเทียมโดยซึ่งหน้าได้นั้นคงหมายจะฆ่ามันและขุนทองดีให้ได้ตายลงแล้วทิ้งศพลงน้ำเป็นแน่ ทนายแสนพยายามเหลียวมองไปรอบตัวหมายจะมองหาใครให้ช่วยเหลือแต่ยากเหลือในยามนี้ อีกทั้งมากิดนี่ก็มีฝีมืออย่างมากด้วยเป็นรองก็เพียงแต่จมื่นศรีสุรนาทเท่านั้น ตนเองคงต้องม้วยมรณ์แดดิ้นสิ้นชื่อกันละครานี้
“มันหาได้เกี่ยวกับการของมึงไม่อ้ายฮาริส”
ขุนทองดีเชิดหน้าขึ้นพลางกำชับดาบในมือมั่น
“ด้วยบาดแผลของกูเจ็บมากนัก กลโกงที่เปรียบประดุจหมาลอบกัดของบุรุษที่มีร่างเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงเยี่ยงมึง กระทำการอุกอาจให้กูได้อายในที่แจ้งแล้วโล่มาแถลงไขขอขมาในที่ลับ วันนี้กูจักให้มึงเจ็บในที่ลับโดยหามีผู้ใดรู้เห็นไม่ เพื่อตอบแทนน้ำใจของมึงที่ฝากรอยแผลไว้ให้กู”
“ก็เอาสิ อย่านึกว่ากูจะเกรงกลัวมึง..เข้ามา”
ขุนทองดีพูดพร้อมกับกับชักดาบออกจากฝัก แต่ทว่ายังไม่ทันที่ดาบจะหลุดพ้นฝัก ดาบในมือของจมื่นศรีสุรนาทก็ตวัดฉับกระหน่ำตะพายแล่งจากบ่าขวาพาดเฉียงลาดจากไหปลาร้าผ่านร่องอกยาวและกรีดลึกพอประมาณลงมาที่ชายโครงด้านซ้ายของมัน
เลือดสีแดงพุ่งกระฉุดออกมา ทำให้ขุนทองดีชะงักด้วยความเจ็บปวด แต่มันก็ไม่ยอมหยุดหมายจะฟาดฟันต่อสู้ให้ถึงที่สุด แต่ปลายดาบที่เปื้อนเลือดในมือของจมื่นศรีสุรนาทก็จ่อมาที่คอหอยของมันพร้อมกับมากิดที่เสียบปลายดาบปักลงที่ชายโครงด้ายขวาของทนายแสนที่เตรียมจะฟันดาบลงยังด้านหลังของจมื่นศรีสุรนาททำให้มันเจ็บหนักเหมือนกัน
“กูจะละเว้นชีวิตมึงด้วยแผลเดียวเช่นที่กูได้รับ แต่กูก็ยังเมตตามึง ไม่ได้ทำให้บาดแผลลึกเหมือนที่กูได้รับ หากมิใช่เพราะมีแม่หญิงที่กูหมายปองคอยปรนนิบัติอยู่เคียงข้าง ป่านนี้กูคงม้วยมรณ์มอดไหม้เป็นเถ้าอยู่ในเชิงตะกอน”
จมื่นศรีสุรนาทโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ขุนทองดีอีกนิด พร้อมกับมองสบตาของมัน
“กูขอบน้ำใจมึงโดยแท้ที่ทำให้กูใกล้ชิดสนิทได้เสน่หาจากแม่หญิงมามากโข เป็นเหตุให้แม่หญิงห่วงหาอาทรกูนัก”
ขุนทองดีกำมือแน่นมันอยากจะใช้ดาบห้ำหั่นจมื่นศรีสุรนาทให้ได้ตายคาคมดาบของตนเอง แต่ก็ไม่สามารถจะทำได้เมื่อเลือดออกมากและยังเจ็บที่บาดแผลจนแทบจะเคลื่อนไหวกายไม่ได้
“ต่อจากนี้มึงอย่าหมายจะอาจหาญมาทำร้ายกู ประหนึ่งตีงูสันหลังหัก แต่ด้วยกูนี้เห็นว่ามึงพอมีคุณที่ทำให้กูได้รับน้ำใจจากแม่หญิง กูจะละเว้นชีวิตมึงไว้สักครา จากนี้ไปเบื้องหน้าระหว่างมึงกับกูหาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกัน กูมิปรารถนาจะเป็นทั้งมิตรแลศัตรูกับมึง จงอย่ามาให้กูแลเห็นหน้าอีก”
จมื่นศรีสุรนาทพูดจบก็เดินนำมากิดที่รีบเดินตามไปติด ๆ ทิ้งให้บ่าวกับนายสองคนต่างช่วยกันประคับประคองตนให้เข้าไปที่สถานอโคจรเพื่อรักษาบาดแผล เพราะไม่อยากให้เรื่องที่น่าอับอายแพร่งพรายให้ใครรู้ว่ายังไม่ทันชักดาบออกจากฝักตนก็ถูกฟาดฟันอย่างไม่ไยดี
