บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

บทที่ 2

เจ้าหลิ่งฟางมองตัวเองผ่านกระจกเงาที่ฉายแววตาความมุ่งมั่น ยามราตรีเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการบุกหอสวรรค์อีกครา เพราะบรรดาเทพส่วนใหญ่นั้นต่างพากันหลับใหล ถึงจะมีพวกที่คอยเกลี่ยดวงดาวให้ทั่วท้องฟ้าอยู่บ้าง แต่มันไม่ใช่ปัญหา

ดวงตาคู่หวานแอบมองบิดาที่กำลังอยู่ในสมาธิด้วยความรักสุดหัวใจ แล้วทะยานตัวออกไปภายนอกด้วยความรวดเร็วและเบาที่สุดเพราะไม่ต้องการให้บิดารู้ เมื่อมาหยุดที่หน้าประตูทางเข้าหอสวรรค์ก็สอดส่ายสายตาไปทั่ว ถ้ามองจากตรงนี้จะเห็นเพียงองครักษ์ชั้นรองเท่านั้นที่เฝ้าอยู่ มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะฝ่าด่านนี้เข้าไป แต่เพื่อความมั่นใจจึงจำเป็นต้องดูสถานการณ์ต่ออีกนิด

ผ่านไปสองชั่วยาม เจ้าหลิ่งฟางออกมาจากมุมที่ซ่อนด้วยท่าทางที่ดูมั่นใจมากขึ้น วันนี้น่าจะเป็นวันของตน ถึงแม้จะยังไม่ไว้ใจมากนัก แต่ถ้ารอช้ากว่านี้คงไม่ทันกาล ปิศาจจิ้งจอกสาวพุ่งตรงไปยังเป้าหมายจัดการกับองครักษ์ชั้นรองในเวลาอันรวดเร็วและเปิดประตูหอสวรรค์

นางใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่พยายามเคลื่อนประตู เมื่อเห็นว่ามันขยับเพียงเล็กน้อยพอที่จะแทรกตัวเข้าไปได้ก็รีบเข้าไปโดยไม่ให้เสียเวลา กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดก็สายไปเสียแล้ว นางเหยียบบางสิ่งที่กลายเป็นฟองอากาศขนาดใหญ่ล้อมรอบตัวไว้ ไม่ว่าจะพยายามเท่าไรก็ออกมาไม่ได้

ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่นด้วยความเจ็บใจเมื่อเห็นร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เจ้าของร่างกายที่สูงใหญ่แต่ทว่าใบหน้ากลับหวานเสียจนสตรียังต้องอาย มองมายังมารจิ้งจอกครึ่งเทพด้วยสายตาที่พอใจในผลงานของตนเป็นที่สุด

“อย่าพยายามเลย ฟองอากาศที่หุ้มตัวเจ้าอยู่นั้นเป็นฟองอากาศที่ข้าสร้างขึ้นมา ผู้ที่จะทำลายมันได้ก็มีเพียงแค่ข้าเท่านั้น” เอ๋าซื่อหลงเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า แย่ที่สุด” นางมารน้อยพูดด้วยความโมโห

“ถ้าเจ้าไม่ได้ตั้งใจผิด หรือบังเอิญข้าเข้าใจผิด ข้าจะรีบขอโทษและปล่อยเจ้าออกมา แต่ว่าฟองอากาศนี้ข้าสร้างมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ นางจิ้งจอกน้อยตัวแสบ” มังกรหนุ่มหน้าหวานย้อนเสียงเข้ม

“อย่ามาเรียกข้าแบบนี้นะ” เจ้าหลิ่งฟางตะโกนด้วยความโกรธ

“เจ้าเหมาะสมกับฉายานี้ที่สุดแล้ว”

“ท่านจะฆ่าข้าใช่ไหม” หากต้องตายก็ไม่เสียดายชีวิต แต่ก็เสียใจที่จะไม่ได้เห็นหน้าบิดาเป็นครั้งสุดท้าย และห่วงว่าหากตนเป็นอะไรไป บิดาจะอยู่อย่างไรต่อและใครจะช่วยเหลือมารดาได้ เพียงแค่นี้เจ้าหลิ่งฟางก็น้ำตาคลอสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ต้องการฆ่าข้า ข้าเข้าใจว่ามันเป็นหน้าที่ของท่าน แต่ช่วยบอกท่านพ่อของข้าด้วยว่า ข้าเสียใจนักที่ไม่อาจช่วยท่านพ่อและท่านแม่ได้ ชาตินี้ข้ามีวาสนาน้อยได้เกิดเป็นลูกท่านถือเป็นบุญของข้าที่สุดแล้ว” เจ้าหลิ่งฟางสั่งเสียพร้อมหลับตาลงเตรียมพร้อม

คำพูดของจิ้งจอกสาวทำให้เอ๋าซื่อหลงนิ่งไปเล็กน้อย แม้จะระแวงว่านี่คือมารยาของนางหรือไม่ แต่เมื่อเห็นท่าทีเด็ดเดี่ยวไม่กลัวตายและไม่คิดต่อสู้ ทำให้องค์ชายมังกรตัดสินใจสลายฟองอากาศนั้น แต่ไม่ยอมปลดเชือกที่รัดตัวนางไว้

“พาข้าไปที่บ้านของเจ้า” มังกรหนุ่มออกคำสั่ง

“นี่ใจคอท่านจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ข้าหรือไง ไม่มีทาง ข้าจะไม่ยอมให้ท่านทำแบบนั้นแน่ ถ้าจะฆ่าก็จัดการข้าคนเดียวพอ ข้าพร้อม” จิ้งจอกสาวหลับตาเชิดหน้า

“ถึงเจ้าจะเป็นปิศาจจิ้งจอก แต่เลือดในตัวก็เป็นครึ่งเทพ น่าจะคิดอะไรในด้านดีบ้างนะ” เอ๋าซื่อหลงเอ่ยเสียงเรียบ

“คนอย่างข้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำอะไรพี่น้องเจ้าแน่”

“ข้าจะเชื่อได้ยังไง มีพวกที่อ้างตัวว่าเป็นเทพมากมายที่ไม่รักษาสัจจะ”

“เจ้ามองโลกในแง่ร้ายเกินไป และข้าก็ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดด้วย”

“จะบอกว่าตัวเองเป็นคนดีงั้นสิ หลงตัวเอง น่าเชื่อตายล่ะ” นางจิ้งจอกเบะปากไม่เชื่อ

“ข้าไม่ได้ต้องการให้ใครชมทั้งนั้น แต่เจ้าควรรู้ไว้อย่างว่าไม่ว่าเทพหรือมารล้วนมีดีเลวปะปนกันไป แต่สุดท้ายธรรมะย่อมชนะอธรรมอยู่ดี ข้าไม่เสียเวลาพูดกับเจ้าแล้ว พาข้าไปบ้านเจ้าซะ”

“จะไปทำไม” เจิ่งหลิ่งฟางถามด้วยความสงสัย

“ข้าอยากรู้จักเจ้าให้มากกว่านี้ อยากรู้ความเป็นอยู่ของเจ้า และอยากรู้ว่าพ่อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ทำไมต้องอยากรู้” ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสัย มังกรหน้าหวานนี้คิดอะไรอยู่กันแน่

“ไปดูเพื่อให้รู้ความจริงที่ถูกต้อง”

“แล้วถ้าข้าไม่พาไปล่ะ”

“เจ้าก็เตรียมตัวถูกคนอื่นหัวเราะเยาะให้ทั่วสวรรค์เลย เพราะข้าจะจับเจ้าแขวนไว้ที่ประตูทางเข้าสวรรค์ ใครผ่านไปผ่านมาก็ล้วนต้องจำเจ้าได้ไปตลอดกาล”

“เจ้า” ฟังดูพูดเข้า เจ้าหลิ่งฟางโกรธจนหน้าแดงแต่ก็ต้องระงับแล้วยั่วประสาทต่อไปว่า

“บังเอิญว่าข้าหน้าด้านด้วยสิ เรื่องแค่นี้ข้าไม่สนหรอก”

“ถ้างั้นข้าก็จะนำตัวเจ้าไปให้ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้พิจารณาโทษ” เอ๋าซื่อหลงกล่าวเสียงเรียบ

มันได้ผลทีเดียว คำขู่ของเขาทำให้นางจิ้งจอกสาวชะงักไปทันที แม้เจ้าหลิ่งฟางจะไม่กลัวการลงโทษ แต่เรื่องไปถึงเง็กเซียนฮ่องเต้คงไม่ดีนัก นี่ตกลงนางแพ้เจ้าเทพหน้าหวานนี่งั้นหรือ

“ถ้าข้ายอมพาเจ้าไปบ้านข้า เจ้าต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำร้ายพี่น้องของข้า” น้ำเสียงจิ้งจอกสาวอ่อนลง

“มังกรแห่งทะเลใต้พูดคำไหนคำนั้น เจ้าไม่ต้องห่วงว่าจะมีปัญหาอะไร ข้ารับประกันว่ามันจะไม่เกิดเหตุใดทั้งสิ้น เอาล่ะ เข้าไปได้แล้ว”

“ข้ายังไม่ได้รับปากว่าจะพาไปนี่” เจ้าหลิ่งฟางทำท่าลังเล

“เจ้าไม่มีทางเลือกอื่น จะไปดีๆ หรือจะให้เรื่องนี้ถึงท่านเง็กเซียนฮ่องเต้” เอ๋าซื่อหลงแกล้งตีหน้าเข้ม

“ถ้าท่านผิดคำพูดแม้เพียงนิดเดียว ข้าสาบานว่าจะตามฆ่าท่านให้จงได้” จิ้งจอกสาวจำใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ คอยดูเถอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นละก็ รับรองได้ว่าต่อให้ต้องบุกวังบาดาล เจ้าหลิ่งฟางก็จะฆ่าเจ้าให้ได้ เจ้าเทพหน้าหวานเจ้าเล่ห์

“ถ้ายังพาข้าวนกลับไปที่เดิมอีก ข้าจะจับเจ้าแขวนตรงหน้าโรงเตี๊ยมหลงฟ่ง เอาให้อายพวกมารกันไปเลย” เอ๋าซื่อหลงไม่ได้ขู่แต่ทำจริง เพราะนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์พาเขาวนไปวนมาหลายรอบแล้ว

“ท่านคิดว่าข้ากลัวหรือไง ชอบขู่นักเชียว” เจ้าหลิ่งฟางบ่นเมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน

“พาข้าไปซะ ไม่งั้นหากข้าเจอมารร้ายที่ต้องกำจัด ข้าจะไม่ละเว้นและเจ้าจะถูกกล่าวหาว่านำความเดือดร้อนมาให้คนอื่น” ยิ่งถูกบีบบังคับนางก็ยิ่งขัดใจ แต่สุดท้ายก็จำต้องพาไปในที่สุด

ป่าหิมะเต็มไปด้วยหิมะและความหนาวเย็น เกล็ดนำแข็งสีขาวปกคลุมไปทั่วทุกทิศ ถึงแม้จะมีแสงสว่างเข้ามา แต่ทว่าดินแดนแห่งนี้ยังหนาวเย็นจับใจ ถ้ำหิมะได้ชื่อว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกมารจิ้งจอก มักเล่ากันว่าเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและสิ่งสกปรก แต่ที่เขาเห็นมันต่างออกไป ที่นี่สะอาดและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยต่างจากที่คิดเอาไว้มากมายนัก

บรรดาเหล่ามารจิ้งจอกต่างซุ่มมองผู้มาเยือนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร สำหรับพวกเขาเทพและมังกรเป็นพวกที่ไม่น่าไว้ใจ ยิ่งเมื่อเห็นว่าเจ้าหลิ่งฟางถูกพันธนาการไว้ด้วยแล้วยิ่งไม่ไว้ใจอีกฝ่ายมากขึ้น

“บอกพวกของเจ้าว่าข้ามาดี” มังกรหนุ่มหน้าหวานยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหู เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่ไว้ใจของผู้ที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ

“ทำไมต้องบอก กลัวเหรอ” เจ้าหลิ่งฟางย้อนถามด้วยท่าทีเยาะเย้ย นางรู้ว่าพี่น้องคอยสอดส่องและหาทางช่วยอยู่ใกล้ๆ

“ทำตามที่ข้าสั่ง ไม่งั้นมีปัญหาแน่”

“ไหนว่าจะไม่ทำร้ายใครไง เจ้าจะผิดสัญญาเหรอ”

“ถ้าพวกเขาไม่ลงมือก่อนก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อว่าข้ามาดีแน่ เจ้าจะบอกดีๆ หรือให้มีเรื่องก่อนถึงจะพูดได้” เอ๋าซื่อหลงยวนกลับไปบ้าง

“ไม่ต้องกลัว มังกรหน้าหวานนี่มาดี เขาสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำร้ายผู้ใด ถ้าเขาผิดคำพูดเขาจะไม่ใช่มังกร แต่จะเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ที่น่าเกลียด ” เจ้าหลิ่งฟางตะโกนเสียงดัง ทำให้พวกที่ซุ่มอยู่ถอนหายใจออกมาได้

“ข้าให้เจ้าบอกพรรคพวกว่าข้ามาดี ไม่ใช่ให้หลอกด่าข้า” เอ๋าซื่อหลงเอือมระอากับนางเหลือเกินแล้ว

“พาข้าเข้าไปพบบิดาเจ้า” มังกรหนุ่มสั่ง

“สาบานมาว่าจะไม่ทำร้ายผู้ที่อยู่ในถ้ำ” เจ้าหลิ่งฟางเสียงเข้มขึ้นมาทันที

“ทำไมข้าต้องสาบาน”

“เพราะไม่ว่าเทพ มารหรือมนุษย์ล้วนกลัวคำสาบาน สาบานซิ”

“ข้าจะไม่ทำร้ายผู้ที่อยู่ข้างใน หากข้าทำ ข้าจะยอมให้เจ้าทำร้ายโดยที่ไม่โต้กลับ”

“ข้าฆ่าท่านแน่ถ้าท่านผิดคำสาบาน ข้าจะฉีกเนื้อท่านเป็นชิ้นๆ จะขอดเกล็ดมังกรออก จะถลกหนังจะกินเนื้อมังกร” จิ้งจอกสาวขู่ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่กลัวเลยสักนิด

“พาข้าไปได้แล้ว อย่าเสียเวลามากความ”

“ยุ่งจริง” นางมารน้อยบ่นแต่ก็ยอมพาเข้าไปในถ้ำด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจเท่าไรนัก

ทางเข้าถ้ำหิมะมีห้าชั้นด้วยกัน ชั้นแรกมีสภาพเหมือนถ้ำทั่วไป แต่ทว่ามีความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจมากกว่าภายนอกและค่อนข้างมืด ชั้นที่สองเริ่มมีแสงสว่างและเริ่มมีสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าแซมขึ้นมาบ้าง

เมื่อเข้ามายังชั้นที่สาม บริเวณนี้มีสภาพเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ มีบ้านอยู่ประมาณสิบหลัง พื้นที่ตรงนี้เขียวชอุ่มต้นไม้ใบหญ้าขึ้นมาอุดมสมบูรณ์ ตรงกลางหมู่บ้านมีลำธารใสสะอาดน้ำไหลผ่านกลาง

ชั้นที่สี่คล้ายกับชั้นที่สามแต่ทว่าบ้านที่อยู่ในชั้นนี้จะใหญ่กว่าและเมื่อเข้ามายังด่านสุดท้าย เอ๋าซื่อหลงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกสงบ ตรงหน้าของเขาเป็นธารน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานสีขาวทอดยาวไปยังอีกฝั่งของลำธาร ซึ่งตรงนั้นถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงสีขาวเช่นเดียวกัน ตรงเหนือกำแพงเป็นรูปสลักของจิ้งจอกเก้าหางอยู่ทั้งสี่ทิศ

มังกรหนุ่มคาดว่าน่าจะเป็นผู้ปกป้องดูแลและคุ้มครองสถานที่แห่งนี้ และเมื่อก้าวผ่านประตูวงกลมทรงพระจันทร์เต็มดวงเข้ามาก็พบว่าตรงหน้าเป็นสวนหินสวนที่มีไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้นนานาพันธุ์ เดินตรงเข้ามาด้านในมังกรหนุ่มก็เห็นอาคาร สร้างเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าชั้นเดียวถึงจะเก่าแก่แต่ยังมีสภาพดีมากดูสวยและสงบ

เอ๋าซื่อหลงเดินตามด้วยท่าทีที่สงบ ภายในบ้านถูกจัดแบบเรียบง่าย ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างไม่ได้เลิศหรูแต่กลับน่าใช้มากกว่าของสวยงามที่เขาเคยเห็นในบางสถานที่เสียอีก

“เจ้าอยู่ที่นี่หรือ” มังกรหนุ่มถามคำแรก

“ใช่”

“สถานที่แห่งนี้ดูสงบและร่มรื่นดี” เอ๋าซื่อหลงเหลือบไปเห็นชั้นหนังสือที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ หนังสือที่วางอยู่ในชั้นนั้นล้วนเป็นหนังสือที่หายากในสวรรค์และโลกมนุษย์ ชั้นหนังสือที่ไม่มีแม้แต่ฝุ่นจับแสดงว่าได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดี และบ่งบอกได้ว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตรงนี้เป็นผู้ใฝ่รู้

เอ๋าซื่อหลงเดินตามเจ้าหลิ่งฟางมายังด้านใน ภาพตรงหน้าทำให้องค์ชายสี่แห่งวังมังกรแปลกใจ บุรุษที่หนวดเคราเริ่มมีสีขาวถึงจะยาวแต่เป็นระเบียบกำลังนั่งสมาธิ บ่งบอกว่ากำลังบำเพ็ญเพียรเพื่อให้ได้เป็นเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย

“บิดาข้ากำลังบำเพ็ญเพียร” เจ้าหลิ่งฟางเอ่ยเสียงเบา

“แล้วทำไมเจ้าไม่ทำเช่นเดียวกับบิดา” มังกรหนุ่มย้อนถาม

“ปล่อยข้าได้หรือยัง” นางมารน้อยไม่ตอบ เอ๋าซื่อหลงถอนหายใจแล้วปลดพันธนาการให้กับอีกฝ่าย เจ้าหลิ่งฟางจ้องหน้าอยากจะเอาคืนใจแทบขาดแต่ทำไม่ได้

แต่ก่อนที่จะพูดอะไรกันต่อ จู่ๆ ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ไม่นานนักก็ปรากฏร่างของปิศาจจิ้งจอกอีกตนขึ้น ปิศาจตนนั้นพุ่งตรงเข้าไปทำร้ายผู้ที่กำลังนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ทันทีโดยไม่เสียเวลา

ผลก็คือเจ้าหลิ่งจิ้งถูกซัดจนล้มไม่เป็นท่าเนื่องจากไม่ทันตั้งตัว เจ้าหลิ่งจิ้งจ้องหน้าผู้บุกรุกด้วยสีหน้าโกรธจัดเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีพลังมากแค่ไหน ปิศาจจิ้งจอกเก้าหางอายุร่วมหมื่นปีจ้องหน้าทั้งสามนิ่งแฝงด้วยแววตาร้ายกาจ

“เจ้าเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร

“เขาว่าที่นี่มีปิศาจจิ้งจอกเก้าหางอายุหมื่นปี ฝีมือดี ข้าเลยมาประลอง แต่ที่ไหนได้กลับเจอตาแก่ไร้เรี่ยวแรงแทน”

คำพูดที่แสนจะอวดดีนั้นทำเอาผู้ที่ได้ฟังโกรธ จิ้งจอกสาวพุ่งตรงไปเอาเรื่องผู้บุกรุกทันที สู้กันไปได้สักพักนางก็ถูกซัดจนเซถลาออกมา ดีที่เอ๋าซื่อหลงรับไว้ทันเลยไม่ลงไปกองอยู่กับพื้น มังกรหนุ่มมองดูปิศาจอหังการด้วยสายตาเอาเรื่องแล้วไม่พูดอะไร แต่หลังจากส่งนางมารน้อยให้บิดาแล้ว เขาพุ่งไปจัดการอีกฝ่ายโดยไม่รอให้เสียเวลา

การต่อสู้เป็นไปด้วยความดุเดือดไม่มีใครยอมใคร เจ้าหลิ่งฟางถือโอกาสตอนที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันเข้าไปช่วยประคองบิดาขึ้นมาและแก้มัดให้ น้ำตาไหลพรากเป็นห่วงผู้เป็นพ่อจับใจ

“ท่านพ่อ”

“หลิ่งฟาง เจ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เจ้าหลิ่งจิ้งเอ่ยถามลูกสาวเสียงสั่น เป็นห่วงแทบขาดใจและเจ็บใจที่ตนนั้นปกป้องสตรีอันเป็นที่รักไม่ได้

“ไม่ ท่านพ่อบาดเจ็บมาก”

ในขณะที่สองพ่อลูกคุยกันการต่อสู้ของมังกรหนุ่มกับปิศาจจิ้งจอกผู้ยโสก็กำลังดุเดือด และสุดท้ายปิศาจตนนั้นก็ถูกปราบลงอย่างราบคาบในเวลาต่อมา เมื่อมังกรหนุ่มใช้วิชากระบี่พิชิตมาร ซึ่งเป็นวิชากระบี่ขั้นสูงของสวรรค์ปราบได้สำเร็จ

สองพ่อลูกมองสภาพศพของปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง ที่ตอนนี้กลายร่างเป็นเพียงสุนัขจิ้งจอกธรรมดาไปแล้ว ผู้เป็นลูกนั้นทำท่าจะไปซ้ำเพราะเจ็บใจ แต่ทว่าถูกอีกฝ่ายรั้งไว้เสียก่อน

“อย่า เขารับกรรมไปแล้ว”

“มันทำร้ายท่าน”

“ไม่ต้องห่วงพ่อ ตอนนี้เจ้าควรห่วงพี่น้องของเราก่อน ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง” เจ้าหลิ่งฟางดูแลบิดาอีกสักพักจึงออกมาดูความเรียบร้อยด้านนอก จิ้งจอกหลายตนถูกทำร้ายบาดเจ็บ พื้นที่สวยงามถูกทำลายแทบสิ้นในชั่วพริบตาจากผู้มาเยือนนิรนาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel