6.บุรุษรูปงามที่ข้าจับตัวได้
บุรุษรูปงามที่ข้าจับตัวได้
ฟ่านรั่วเจี๋ยกลับมายังตำหนักของตน เสียงเป็ดที่ร้องต้อนรับทำให้นางรู้สึกปลอดภัย จากนั้นนางจึงเปลื้องผ้าแล้วก้าวลงไปยังบ่อน้ำพุซึ่งก่อนหน้านี้ได้แช่สมุนไพรลับเอาไว้ อีกทั้งใต้บ่อน้ำพุแห่งนี้มีหินวิเศษและแร่ธาตุซึ่งช่วยทำให้ผ่อนคลาย แต่เหนืออื่นใดคือมันมีสรรพคุณช่วยทำให้ความอัปลักษณ์ของนางหายไป!
นางหลับตาพริ้ม รู้สึกถึงความผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ขัดเนื้อขัดตัวกระทั่งรู้สึกสบายเนื้อตัวและหายปวดเมื่อยตามร่างกายก็ลุกออกจากบ่อน้ำพุ แล้วสวมใส่เสื้อผ้าในชุดสีเข้มๆ ประหนึ่งเป็นผู้ถือศีลกินเจ นางตรงไปยังกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ห่างออกไปเพื่อพบคนผู้หนึ่ง
เสียงกระแอมไอดังลอดมาจากด้านใน นางจึงรู้ว่าเชลยที่นางได้พบเห็นตรงหน้าปากถ้ำฟื้นแล้ว
ร่างทรงเสน่ห์ก้าวไปมองบุรุษที่นอนอยู่ใกล้ๆ กองฟืน นางมัดผ้าปิดตาเขาไว้ และยังฝังเข็มเพื่อไม่ให้เขาเคลื่อนไหวร่างกายได้
“แม่นาง เป็นแม่นางผู้นั้นใช่หรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ท่าทางเขาดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงกว่าเดิม บาดแผลต่างๆ ก็มีเพียงภายนอก ซึ่งมิอาจส่งผลต่อชีวิต
“เหตุใดถึงไม่ตอบข้า” เขาถาม น้ำเสียงดูร้อนรน
ฟ่านรั่วเจี๋ยหัวเราะน้อยๆ นับว่าเขาไม่ใช่ชายขี้โรคและอ่อนด้อยเรื่องจำแนกกลิ่น กระนั้นเมื่อมองเขาแล้ว ยอมรับว่าชายผู้นี้จะเป็นหมากสำคัญให้นางได้ส่งเขาไปทำร้ายมู่ชิงซาน ทว่านางยังมิอาจเชื่อใจเขาได้ เพราะการที่ชายสูงศักดิ์จากต้าหลางมาปรากฏตัวให้นางเห็นง่ายๆ นั้นดูมีลับลมคมในเหลือเกิน อีกทั้งเขารอดพ้นสายตาเหล่าทหารและองครักษ์ของวังหลวงมาได้เยี่ยงไร
ฟ่านรั่วเจี๋ยก้าวไปใกล้ๆ เขาและมองอย่างพินิจ กลิ่นกายนางกับกลิ่นเรือนผมหอมทำให้จมูกโด่งสวยขยุกขยิกเล็กน้อย
“หยกของข้าถึงมือเขาหรือไม่”
“ท่านเชื่อมือของข้าเพียงใด ถึงได้ฝากมันไว้กับสตรีอ่อนแอ” นางถามก่อนช่วยพยุงเขาให้นั่ง พลางพิศรูปร่างสูงเพรียว และต้องระมัดระวังตัวกว่าเดิม เขาไม่ใช่คนผอมบางเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้อแกร่งสมชายชาติทหาร กระนั้นก็สง่าผ่าเผย เหมือนบัณฑิตหนุ่มผู้ทรงภูมิ ชายรูปงามเช่นนี้คงทำให้สตรีทั่วหล้าหลงใหลได้มิยาก
“เพราะข้าล่วงรู้ว่าเจ้าคือผู้ใด!”
ฟ่านรั่วเจี๋ยนิ่งค้างเมื่อได้ยินเขาเอ่ย แต่นางยังใจเย็นไม่ผลีผลามแสดงพิรุธใดๆ ให้เขาจับผิด
“ท่านหมายถึง” หญิงสาวถามพร้อมระมัดระวังตัว
“สตรีแห่งตำหนักเย็น...หญิงสาวผู้ที่ทั้งแผ่นดินยากจะลืม แต่นางกลับทำตัวเป็นกองโจรลับๆ ของแม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นหมิง”
“ท่านกล่าวเหลวไหลอันใด ข้าไม่เห็นแจ้งแก่ใจในเรื่องนี้”
ฟ่านรั่วเจี๋ยกล่าว และล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อของตน นางคิดใช้เข็มเงินปักเข้าที่จุดสำคัญของเขาเพื่อให้ชายผู้นี้สลบไปอีกหน จากนั้นจึงจะป้อนยาทำให้สติเขาเลอะเลือน
“เจ้ารู้ดีแก่ใจ ความลับของเจ้าผู้คนอาจมองไม่เห็น แต่ข้าโชคดีที่เกิดมาหูตากว้างไกล” เขาว่าแล้วจึงพยายามขยับตัว หมายมั่นจะจับข้อมือนางและคาดคั้นเอาคำตอบที่อุตส่าห์เสี่ยงภัยมาถึงที่นี่ ทว่าร่างกายกลับไม่สามารถกระทำตามใจนึก
“ตาของท่านถูกปิดอยู่ ร่างกายก็เคลื่อนไหวไม่ได้ หรือหวังอยากให้ข้าส่งเสริมให้ท่านตายไวๆ กว่านี้”
“แม่นางฟ่าน...เจ้ากำลังขู่ข้า”
“ขออภัย จวิ้นอ๋องหรูซื่อ เราต่างรู้ฐานะของกันและกัน”
ชายหนุ่มเย็นวาบไปทั้งใจ เขาไม่ได้ปกปิดฐานะของตนก็จริง ดังนั้นนางย่อมล่วงรู้จากหยกที่มอบให้นางเป็นธุระนำไปส่งให้แก่พี่ชาย
“ท่านต้องการสิ่งใดกันแน่ นอกจากให้ข้านำหยกไปให้อ๋องชิงซาน ยังมีเล่ห์กลใดอีก!” นางกล่าวแล้วจึงใช้เข็มเงินในมือแตะแก้มของเขา ก่อนค่อยๆ เลื่อนไปยังริมฝีปากบางซึ่งยามนี้ดูซีดเซียวเล็กน้อย
“ยารักษาโรคประหลาดของเจ้า จงมอบมันให้แก่ข้า รวมถึงคัมภีร์ทิพย์-โอสถของมารดาเจ้า ทั้งหมดเจ้าเป็นผู้เก็บเอาไว้ใช่หรือไม่”
“ด้วยเหตุผลนี้ท่านจึงแกล้งมาเป็นลมต่อหน้าข้า เพื่อยืมมือหวังส่งตัวข้าไปให้แก่อ๋องปีศาจ ขโมยของล้ำค่า จากนั้นเขาจะได้ตัดหัวข้าใช่หรือไม่”นางเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อบอกให้เขารู้ว่านางทันเล่ห์เหลี่ยมมู่หรูซื่อ
“นับว่าแม่นางเป็นผู้มีความรู้แจ้ง สมกับเป็นหมอตำแยแห่งตำหนักเย็น” เขากล่าวและยกยิ้มที่มุมปาก ใบหน้าเขาคล้ายมู่ชิงซานหลายส่วน และถึงพยายามทำให้ตนเองดูน่ากลัวอย่างเช่นพี่ชาย แต่มู่หรูซื่อก็มิอาจเทียบเคียงอีกฝ่ายได้
“แต่เสียใจด้วยที่ท่านดูถูกความสามารถข้าต่ำเกินไป สตรีผู้นี้อาจไร้วาสนา แต่ไม่ได้งอมืองอเท้าให้เดินตามโชคชะตา เพราะข้าตั้งใจกำหนดชีวิตตนเอง” นางกล่าวจบจึงแทงเข็มเงินเข้าที่ใบหูข้างหนึ่งของเขา ความเจ็บคล้ายมดกัดแล่นทั่วร่าง มู่หรูซื่อร้องเสียงดังด้วยความทรมาน แต่ความเจ็บปวดเกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจ ต่อมาร่างกายเขาจึงค่อยๆ ชาทีละส่วน แขนขาก็หนักอึ้งกว่าเดิม
“ป่านนี้ทหารเลวของต้าหลางคงกำลังขวัญเสีย ข้าคิดว่าหากส่งนิ้วสวยๆ ของท่านไปกำนัลแก่พี่ชายสักหน่อย คงจะทำให้เขาตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น”
“จะ...เจ้า อย่าได้คิดกระทำเช่นนั้น”
“เป็นท่านที่บังคับข้า แต่แรกข้าอยากไว้ชีวิต ทว่าชาวต้าหลางล้วนหน้าซื่อใจคด สมควรแล้วที่ต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม” นางว่าเสียงเหี้ยมทำให้เหงื่อผุดขึ้นท่วมกายมู่หรูซื่อ
“ขะ...ข้าพยายามให้ทั้งสองฝ่ายยุติข้อบาดหมาง หากเจ้ามอบยาถอนพิษพร้อมคัมภีร์ทิพย์โอสถให้ข้า ย่อมมีไมตรีแนบแน่นฉันมิตรดังเดิม”
“หึๆ หน้าไม่อาย ท่านพูดเห็นแก่ได้ บุรุษเช่นนี้ยังน่าเคารพอีกหรือ”
“แม่นางฟังข้าก่อน ถึงเจ้าทำร้ายข้าจนตายก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรพี่รองก็จะบุกเข้ามาแล้วจัดการทุกคนอยู่ดี ยกเว้นเสียแต่ทำตามที่ข้าบอก”
“แต่ท่านสร้างเรื่องลวงข้าเพื่อให้ไปพบชินอ๋อง ดังนั้นลมหายใจของท่านนับแต่นี้ไปย่อมเป็นของข้า”
มู่หรูซื่อนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนกล่าวอย่างขอร้องว่า
“แม่นาง หากข้าต้องอับโชคและจบชีวิตลง ชาตินี้ก็ขอได้ยลโฉมสตรีลึกลับที่อยู่ในตำหนักเย็นแห่งแคว้นหมิงด้วยเถิด”
“จุดประสงค์ของท่านมีสิ่งใดแอบแฝงหรือไม่จวิ้นอ๋อง”
เขาไม่ตอบ แต่กลับยิ้ม รอยยิ้มซีดเซียวดูเหมือนคนหมดสิ้นพลังใจเห็นแล้วฟ่านรั่วเจี๋ยอดสงสารมิได้ ทว่านางย่อมต้องใจแข็ง ด้วยที่ผ่านมาชาวต้าหลางล้วนกระทำต่อมารดานางอย่างโหดเหี้ยม!!
“ผู้ที่ได้เห็นใบหน้าข้าล้วนต้องโชคร้าย ชีวิตต้องพบกับความอัปมงคล”
“ข้าไม่เชื่อข่าวลือ”
“เลื่อมใส ฟ่านรั่วเจี๋ยนับถือความกล้าหาญนั้น!”
ฟ่านรั่วเจี๋ยหันไปมองกล่องไม้ที่ถือติดตัวมาด้วย แล้วจัดการบางอย่างกับใบหน้าตนอย่างเร่งด่วน จากนั้นก็ดึงผ้าปิดตาเขาออก ซึ่งภาพที่ดวงตาเรียวคู่งามของมู่หรูซื่อประจักษ์คือใบหน้าของหญิงสาวที่ทำให้เขาแทบสิ้นสติ!!