บทที่ 4 (1)
“ไปโรงแรมเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม”
อัลรีน่าบอกเมื่อก้าวเข้ามานั่งในแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวลอบถอนหายใจ เมื่อคนขับแท็กซี่เป็นลุงแก่ๆ ที่ดูท่าทางใจดีน่าไว้วางใจกว่าคนแรกที่เดินมาหาเธอในท่าอากาศยาน
คนขับแท็กซี่ฉีกยิ้มกว้างอยากเป็นมิตร เอ่ยตอบเสียงนุ่มนวลอย่างอ่อนโน้ม
“เชิญเลยครับคุณผู้หญิง ผมรู้จักโรงแรมนี้ดีเคยไปส่งลูกค้าหลายครั้งแล้ว”
“จากสนามบินไปโรงแรมไกลไหม”
อัลรีน่าพยักหน้ารับชวนแท็กซี่คุย เมื่อรถวิ่งพ้นอาณาเขตของสนามบินสุวรรณภูมิมาได้ไกลแล้ว จริงๆ แล้วเธอไม่อยากคุยกับคนขับแท็กซี่เท่าไหร่นัก แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองง่วง และขจัดความกลัวออกไปจากใจ จึงจำเป็นต้องเอ่ยปากถามบ้างเป็นบางครั้งบางคราว
“ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกครับ เดี๋ยวผมขึ้นทางด่วน ถ้าโชคดีรถไม่ติดก็ใช้เวลาราวๆ สี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว” คนขับแท็กซี่เอ่ยตอบพลางลอบสังเกตผู้โดยสารสาวผ่านกระจกมองหลังแล้วเอ่ยถามต่อ
“เพิ่งมาเมืองไทยเป็นครั้งแรกหรือครับ”
“ค่ะ”
อัลรีน่าเอ่ยตอบสั้นๆ ปรายตามองคนขับนิดหนึ่ง ก่อนจะตัดบทสนทนากันไม่ให้คนขับแท็กซี่ยุ่งกับเธออีก ด้วยการหันไปมองทิวทัศน์เสียงสี ไฟหลอดนีออนในยามค่ำคืนที่เปิดสว่างไสวไปทั่วกรุงเทพฯ
ผู้โดยสารสาวไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้แท็กซี่ชั่วได้รมยาเธอผ่านทางช่องแอร์
แท็กซี่ที่ดูไว้ใจได้เฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก แต่ข้างในดำมืดเลวบริสุทธิ์จนหาส่วนดีไม่เจอ ทำทีเป็นเอื้อมมือไปปรับช่องแอร์แต่จริงๆ แล้วเขาได้บีบยากล่อมประสาทลงไปบนช่องแอร์ แล้วปรับทิศทางความเย็นให้พุ่งตรงไปที่ผู้โดยสารสาวแต่เพียงผู้เดียว
อัลรีน่าไม่เคยเจอกับตัวเอง ไม่เคยรู้กลวิธีอันแยบยลของเหล่ามิจฉาชีพ จึงไม่ได้เตรียมตัวป้องกัน หญิงสาวเริ่มมึนงงตัวชาหาวนอนติดๆ กัน ราวกับความง่วงเริ่มเข้าทำงานทีละนิดทีละน้อย
“เมื่อไรจะถึงโรงแรมนะ เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”
อัลรีน่าบ่นงึมงำกับตัวเองเป็นภาษาอาหรับ ยกมือปิดปากขณะหาวนอน เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองอ่อนล้าจากการเดินทางมาก โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอตัวชาหาวนอนติดๆ กันมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น เป็นเพราะยากล่อมประสาทที่คนขับแท็กซี่ป้ายไปตรงช่องแอร์
แม้ไม่เข้าใจภาษาที่ผู้โดยสารสาวบ่นพึมพำออกมา แต่อาการที่แสดงให้เห็นเรียกรอยยิ้มหื่นได้จากคนขับแท็กซี่ ซึ่งรู้ว่ายาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
“อู้ย...” คนชั่วแกล้งร้องครางลั่นเอามือกุมท้อง พลางเหลือบสายตามองผู้โดย
สารสาวผ่านกระจกมองหลัง
“เป็นอะไร”
อัลรีน่าละสายตาจากแสงสีไฟในยามค่ำคืนหันมาถามเสียงห้วน ทว่าแผ่วเบาไม่หนักแน่นเท่าที่ควรเมื่อได้ยินเสียงร้องลั่นของคนขับแท็กซี่
“สงสัยส้มตำปูปลาร้าที่กินไปเมื่อหัวค่ำจะเล่นงานเอาเสียแล้ว ด่านเก็บค่าทางด่วนที่จะถึงมีห้องน้ำด้วย ผมขอแวะเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
อัลรีน่าไม่รู้อุบายคิดว่าอีกฝ่ายต้องการเข้าห้องน้ำจริงๆ จึงพยักหน้ารับ ก่อนจะเอนตัวพิงเบาะรถยกมือขยี้ตาตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อไม่ให้หลับก่อนที่จะถึงที่หมาย
คนขับแท็กซี่ลอบยิ้มเอ่ยพึมพำอยู่ในใจขณะเหลือบตามองผ่านกระจกมองหลัง
‘สวยๆ แบบนี้กูได้เงินหมื่นมาแทงม้าแน่’
“ขอเวลาครู่เดียวนะครับ”
คนชั่วบอกเมื่อจ่ายเงินค่าผ่านด่านเรียบร้อยแล้วก็ชะลอความเร็วลงเบนหัวรถเข้าจอดชิดข้างทางเลยห้องน้ำไปนิดหน่อย
“เร็วๆ หน่อยก็ดีนะ ฉันไม่อยากถึงโรงแรมดึกเกินไป”
อัลรีน่าสั่งเสียงเข้มอยากลงไปวักน้ำเย็นๆ ล้างหน้าล้างตาแก้อาการง่วงนอนเหมือนกัน แต่เมื่อหันไปมองห้องน้ำที่คาดว่ามีไม่กี่ห้อง และมีผู้ใช้บริการคนอื่นยืนรออีกสองสามคนจึงเปลี่ยนใจนั่งอยู่ในรถต่อ
“ครับๆ ไม่เกินห้านาทีครับ”
คนชั่วรีบบอกรัวเร็วแกล้งเอามือกุมท้องตีสีหน้าเหยเก ราวกับอาการปวดท้องเล่นงานเต็มที่ จากนั้นก็รีบเปิดประตูรถวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ
หากอัลรีน่ามีตาทิพย์หูทิพย์หญิงสาวจะได้รู้ว่า คนขับแท็กซี่ไม่ได้มาเข้าห้องน้ำอย่างที่แสร้งบอก แต่เขาแอบมาโทรศัพท์หาเอเย่นส่งผู้หญิงไปขายตามซ่อง
พอปลอดคนไม่มีใครใช้ห้องน้ำชาย คนขับแท็กซี่ก็โทรบอกเจ้ใหญ่นักค้าเนื้อสด โดยไม่ลืมหันซ้ายแลขวาเพราะเกรงว่าจะมีคนอื่นมาได้ยินเข้า
“เจ้! ผมได้เหยื่อมาใหม่คนหนึ่ง สวยสะเด็ดท่าทางจะเป็นพวกลูกครึ่งแขกเพิ่งมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก”
“แกวางยาเหยื่อหรือยัง”
ปลายทางผู้ทำหน้าที่เป็นนักค้าเนื้อสดเปล่งเสียงถามออกมา เพื่อความมั่นใจว่าลูกน้องในเครือข่ายจะไม่ทำผิดพลาดลืมขั้นตอนสำหรับ ก่อนที่จะส่งเหยื่อไปให้ลูกค้าตามสถานที่นัดหมายกันไว้
“เรียบร้อยยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ตามันลอยๆ หาวติดๆ กันหลายครั้งแล้ว”
“ถ้างั้นรีบเอาไปส่งลูกค้าก่อนที่มันจะหมดสติ”
ปลายทางที่คนขับแท็กซี่รู้จักกันในนามเจ้ เคยเห็นหน้าค่าตากันแค่เพียงครั้งเดียวเวลาจะซื้อขายก็ใช้วิธีโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร รีบสั่งลูกน้องในเครือข่ายคนชั่วรัวเร็ว เพราะถ้าหากเหยื่อหมดสติก่อนจะถึงมือลูกค้า นางก็จะไม่ได้เงินสักแดงเดียว หากส่งเหยื่อให้ลูกค้าได้เงินมานอนอุ่นๆ อยู่ในกระเป๋าแล้ว นางจะไม่สนใจว่าเหยื่อที่หลอกมาจะหลับเป็นตายหรือถูกลูกค้าปู้ยี่ปู้ยำมากเพียงใด
ลูกค้าส่วนมากที่ติดต่อหาหญิงสาวสดสะอาดไปบริการ มักคิดว่าผู้หญิงเหล่านี้เต็มใจทำงานที่สังคมรังเกียจ แต่ความเป็นจริงแล้วหญิงสาวที่ดูสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องร้อยทั้งร้อยจะเป็นหญิงสาวที่ถูกหลอกมาทั้งนั้น
คนขับแท็กซี่ยกมือมองนาฬิกาเรือนงาม ซึ่งใช้เงินจากการค้ามนุษย์ซื้อหามา เมื่อเห็นจวนจะหมดเวลาที่ขอไว้กับผู้โดยสาวสาร จึงรีบถามจุดหมายปลายที่จะให้ไปส่งเหยื่อ
“จะให้ผมเอาไปส่งที่ไหนครับเจ้”
“โรงแรม เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม นายส่งเหยื่อแค่หน้าโรงแรม ส่วนที่เหลือคนซื้อจะจัดการเอง”
คนขับแท็กซี่หัวเราะร่วนตบมือกับต้นขาด้วยความดีใจไม่นึกว่าอะไรๆ จะลงล็อกและบังเอิญได้มากถึงเพียงนี้
“เจ้ อีนังลูกค้ามันจะไปที่โรงแรมนี้พอดีเลย”
“ถ้างั้นมึงรีบไปส่งให้ทันสี่ทุ่มไม่งั้นจบเห่! ลูกค้าไม่รับสินค้าที่ซื้อ”
โดยปกติการซื้อขายที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้กันดี ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลมาก เพราะลูกค้ามักจะมาเลือกเนื้อสดแต่ไม่สะอาดถึงที่ทำการ ซึ่งได้สร้างเป็นวิมานบนดินไว้รองรับบรรดาผู้ชายที่มักมากทั้งหลาย แต่การซื้อขายกันโดยที่คนซื้อและคนที่ถูกหลอกไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน แม่เล้าค้าเนื้อสดจึงจำเป็นต้องใช้เวลาที่นัดหมายกันไว้แบบตรงเป๊ะ คาดเคลื่อนก่อนหลังได้แค่ห้านาที เป็นตัวกลางในการส่งเนื้อสดให้กับลูกค้า
“ได้ๆ เจ้งั้นแค่นี้นะ เดี๋ยวจะไปไม่ทันเวลานัดไว้”
คนขับแท็กซี่รีบกดวางสายยกมือมองเวลาอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งกลับไปที่รถพอเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้วก็รีบกระชากรถออกอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมแสร้งทำทีเป็นของโทษผู้โดยสารสาวที่ตีหน้าบึ้งไม่พอใจสักเท่าไหร่
“ขอโทษด้วยนะครับคุณผู้หญิง เหตุฉุกเฉินส้มตำทำพิษจริงๆ”
“รีบๆ ด้วยนะฉันนัดทางโรงแรมว่าจะเข้าไปเช็กอินราวๆ สี่ทุ่ม”
อัลรีน่าบอกเสียงแผ่วเบาหัวสมองหมุนติ้ว การสั่งการเริ่มอ่อนล้า ตอนนี้คิดถึงแค่เพียงเตียงนอนหนานุ่ม หากถึงโรงแรมเมื่อไรเธอจะขอตรงดิ่งไปยังที่นอนเป็นอันดับแรก
“ผมขอโทษอีกครั้งที่ทำให้เสียเวลา รับรองผมจะทำเวลาให้ทันตามที่นัดหมายไว้”
คนขับแท็กซี่เพิ่มความเร็วรถเต็มที่ พลางลอบหัวเราะอยู่ในใจ เมื่อเห็นเงินหมื่นลอยมาแต่ไกล ทำไมงานนี้อะไรๆ ก็เป็นไปโดยสะดวกเข้าร่องเข้ารอยเสียทุกอย่าง คนซื้อกับคนถูกหลอกขายมีที่หมายเดียวกันคือโรงแรมชื่อดังเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม แถมยังนัดหมายเวลาเดียวกันเสียด้วย
ชนุสร เลขาฯ จอมยุ่งและแสนจะหวังดีต่อเจ้านายได้เดินออกมาหน้าโรงแรม เพื่อรอรับคนที่นัดหมายกันไว้ ซึ่งอีกไม่ถึงห้านาทีก็จะถึงเวลานัดแล้ว เขาเคยใช้วิธีนี้เป็นประจำ หากเมื่อไรต้องการสาวๆ มานวดคลายเครียด สร้างความสำราญให้กับตัวเอง เขาจะใช้วิธีโทรไปซื้อบริการสาวๆ ที่สะอาดสดใหม่จากที่ทำการของเจ้ โดยฝ่ายผู้ขายจะส่งสาวๆ มาให้เขาถึงที่และตรงเวลาทุกครั้ง
เข็มนาฬิกาขยับเดินทางบอกเวลา 22.00 น. พอดิบพอดี รถแท็กซี่กลางเก่ากลางใหม่ก็ตีวงมาจอดเทียบท่าหน้าโรงแรม ชนุสรขยับเท้าเข้าไปใกล้เด็กรับรถนิดหนึ่ง ด้วยอยากเห็นหญิงสาวที่เจ้การันตีว่าสวยคมงดงามยิ่งกว่านางงาม แถมยังสะอาดสดใหม่เป็นหญิงสาวที่นางกันไว้สำหรับเฟรดร์ดิโค้ เลมาร์โค้ โดยเฉพาะ
อัลรีน่าควานหากระเป๋าเงิน ที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายใบขนาดกลางได้อย่างยากเย็น ไม่ใช่เพราะสัมภาระในกระเป๋ามีมากและรกเกินไป แต่เป็นเพราะมือไม้ที่อ่อนแรงดวงตาที่เริ่มพร่ามัว สมองสั่งการได้ช้าลง กว่าจะควานหากระเป๋าเงินและหยิบออกมาได้ก็กินเวลานานหลายนาที
“ไม่ต้องทอน”
อัลรีน่ายื่นเงินให้คนขับแท็กซี่เกินกว่าจำนวนเงินที่ปรากฏบนมิเตอร์เกือบร้อย และเพราะสติสัมปชัญญะที่มีเหลืออยู่ไม่มาก พอจ่ายเงินเสร็จแทนที่จะสะพายกระเป๋าออกมาจากรถด้วยหญิงสาวกลับวางกระเป๋าไว้บนเบาะแล้วก้าวลงมาแต่ตัว
“ขอบคุณครับ ขอให้มีความสุขนะครับ”
คนขับแท็กซี่ยิ้มกว้างพอผู้โดยสารสาวลงจากรถได้ ก็รีบออกรถอย่างรวดเร็ว ด้วยเกรงความจะแตกถูกลูกค้าจับได้ว่า หญิงสาวสวยคมผู้นี้ถูกหลอกมาขายไม่ใช่มาด้วยความสมัครใจ
“จะรีบอะไรนักหนานะ”
อัลรีน่าบ่นงึมงำหันไปมองตามรถแท็กซี่ ที่รีบกระชากตัวออกอย่างรวดเร็วผิดปกติจากตอนที่รับเธอมาจากสนามบิน
หญิงสาวขมวดคิ้วโก่งงามเข้าหากัน เมื่อหันมามองป้ายชื่อโรงแรม แล้วเห็นมีตัวหนังสือซ้อนกันหลายๆ แถว พอหันไปมองประชาสัมพันธ์ชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงเคาน์
เตอร์ซึ่งมีแค่สี่คน แต่คนตาลายพร่ามัวมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นด้วยฤทธิ์ยากล่อมประสาทกลับมองเห็นเป็นสิบๆ คน
“เป็นโรงแรมที่มีประชาสัมพันธ์เยอะที่สุดในโลก”
เรียวปากอวบอิ่มสีกุหลาบขยับแย้มยิ้มเปิดดวงหน้าให้ดูงดงาม ขณะที่เจ้าตัวเอ่ยพึมพำออกมาโดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏขึ้นได้สร้างความตกตะลึงให้กับเลขาฯ หนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าทางเข้าโรงแรมเป็นอย่างมาก
‘อุแม่เจ้า! เป็นคุณตัวที่สวยที่สุด’