บทย่อ
คำโปรย เขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชาย เธอชอบเขาตั้งแต่ยังเป็นแค่เด็กน้อย แต่พอพี่ชายเสียชีวิตกะทันหัน เธอก็ได้กลายมาเป็นเด็กในความปกครองของเขา เขาดูแลเธอในฐานะผู้ปกครอง แต่เธออยากให้เขามาครอบครองเธอมากกว่า... อารัมภบท “มายด์ขอโทษค่ะ” เธอรีบชิงพูดก่อน เมื่อกฤชมุ่งตรงมาหา ด้วยแววตาที่ยังไม่คลายความโกรธ “กี่ครั้งแล้วที่ขอโทษ” “ไม่ได้นับไว้เลยค่ะ” ตอบแบบไม่ได้คิดอะไร จนสบเข้ากับแววตาสีไม้โอ๊คคุกรุ่น ถึงได้เม้มริมฝีปากเข้า “แล้วจะให้มายด์พูดคำไหนละคะ ถ้าไม่ให้พูดว่าขอโทษน่ะ” เธอว่าเสียงอ่อน สำนึกในความผิดครั้งนี้จริงๆ “มันไม่ใช่สักแต่พูดว่าขอโทษแล้วจบไง ต้องนำไปทบทวนและปฏิบัติให้ดีขึ้นด้วย เพราะมายด์ไม่ใช่เด็กแล้ว” กฤชทรุดลงนั่งข้างๆ เขาเองก็อ่อนใจไม่แพ้ไปจากเธอ น้ำตาแทบจะรินในอกทุกครั้ง เพียงแค่คิดว่าถ้าเขามาไม่ทันล่ะ...เธอจะเป็นอย่างไร “จริงเหรอคะ! พี่กฤชเห็นมายด์ถอดเสื้อผ้า แล้วมายด์ดูเป็นสาวแล้วเหรอคะ?” ดวงตากลมโตสีดำขลับ เปล่งประกายวาวขึ้น แต่ก็ต้องดับฉับพลันลง เมื่อเขามองเหมือนอยากจะบีบคอเธอเสียให้ได้
1
‘ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่’
ประโยคยอดฮิตที่ได้ยินมาจนชินชา...ดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง ในคราที่มาเผชิญปัญหายุ่งยากในชีวิต
ที่ไม่ใช่ปัญหาแรกหรอก...
“เรียบร้อยแล้วครับคุณกฤช”
ประโยคนี้ย้ำเตือนให้คนนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยด้วยใบหน้าแสนเนือย แต่ดวงตากลมโตก็ยังฉายความสดใส ขยับตัวเล็กน้อย
ตวัดหางตาไปยังต้นเสียงก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างรู้งาน
“เดี๋ยวยังไงทางเราจะติดต่อกลับไปอีกทีครับ”
ไม่มีเสียงตอบรับใดหลุดออกมาจากปากคนตัวสูง นัยน์ตาสีไม้โอ๊คปรายมายังคนต้นเรื่องเล็กน้อย
เพียงแค่นั้นคนเข้าใจในความหมายก็ลุกขึ้นยืน พร้อมเดินตามเขาออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างว่าง่าย
สถานที่...ที่รวมคนทำผิดพลาดเอาไว้ แต่ถ้ามีเงินเมื่อไหร่ก็จะได้ออกไป เร็วหน่อย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก
ไม่ใช่ครั้งที่สองด้วย
ใช่ล่ะ...มันนับครั้งไม่ถ้วนที่เด็กสาวสร้างแต่ปัญหา!
หลังจากที่ล้อรถแล่นลิ่วออกมาตามท้องถนนในยามค่ำคืน ก็ไม่มีแม้เสียงใดเอื้อนเอ่ยออกมา
เด็กสาวที่เข้าสู่วัย 18 ปีมาหมาดๆ ในชุดล่อแหลม เสื้อสายเดี่ยวตัวบางที่เผยให้เห็นเนินอกสาวเต็มวัยอวบอิ่มรัดรูป เอวลอย
มีกางเกงยีนเอวต่ำสีซีดตัวยาวลาดรับเอวบางให้จมหายไปอย่างน่าจินตนาการต่อ
เธอนั่งเคียงข้างไปกับเจ้าของรถเบ๊นซ์สีดำด้าน ที่ไม่แม้แต่ปริปากออกมาสักคำ มีเพียงลักษณะหลุดลุ่ยของเนกไทสีเทาที่คล้องอยู่บนคอของเขาเท่านั้น
ที่บ่งบอกว่าเขา หงุดหงิด เพียงใด
สายตาซุกซนของเด็กสาว มองไปยังลำคอแกร่งเหนือเนกไท ที่มีลูกกระเดือกชูอยู่...และเคลื่อนไหวเป็นระยะ
รับกับกล้ามเนื้อเครียดบริเวณรอบนั้น ที่ตึงแน่น
เธอไม่รู้...ว่าตอนนี้เขากำลังคิดเช่นไร
ไม่เคยรู้มาตลอด!
“ยังไม่สำนึกผิดอีก” และในที่สุดเขาก็ทนสายตาแทะโลมของคนแก่แดดไม่ไหว
มีอย่างที่ไหนทำเป็นเอียงคอลอบสังเกตความเป็นเขาราวกับกำลังทึ้งผ้าออกทีละชิ้น ทีละชิ้น...
“สำนึกผิดเรื่องอะไรเหรอคะ” ถามออกมาหน้าตาย ทั้งๆ ที่ก็รู้คำตอบ
“พี่จะไปส่งที่คอนโด” ว่าอย่างข่มอารมณ์ ทั้งๆ ที่อยากจะทึ้งร่างเธอให้ฉีกออกจากกันเป็นชิ้นๆ มีอย่างที่ไหนมาทำหน้าซื่อตาใส เหมือนตัวเองไม่รู้เรื่อง
“ไม่เอาค่ะ มายด์ไม่อยากกลับคอนโด...”
มันก็เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า เธอดื้อรั้นได้เสมอต้นเสมอปลายเสียจริง
เนินอกสาวที่ดูจะอวบขึ้นกว่าครั้งก่อนที่ได้พบเจอ หลุดเข้ามาอยู่ในลานสายตาแบบไม่ได้ตั้งใจ
จนคนที่ต้องใช้ความอดทนสูงทุกครั้งกับเจ้าหล่อน...ต้องเมินหนีเสีย
“อย่ามาดื้อ”
“มายด์ยังไม่หายตกใจเลยนะคะ...” ไม่ได้ทำเสียงอ้อนเปล่า ศีรษะเล็กๆ ยังเอียงไปซบที่แขนข้างซ้ายของเขาอย่างเชิงอ่อย
“มายด์” เสียงเข้มเชิงดุของเขา ไม่ได้ทำให้ปลิงอย่างเธอหลุดออกไปได้ง่ายๆ
ดวงตาดำขลับกลมโตเหลือบขึ้นมองเขา กะพริบปริบๆ แอบอมยิ้มในหน้าเมื่อเห็นเขาตัวเกร็งแข็งทื่อขนาดนี้ได้
ไออุ่นจากเรือนกายชายหนุ่มคือความปรารถนา...
ความปรารถนาที่เด็กสาวต้องการที่จะครอบครอง เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างเธอ เขาเป็นคนเดียวแล้วที่เธอเหลืออยู่
เพราะฉะนั้น...
เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองเขาตลอดไป แม้มันจะเป็นวิธีที่ไร้ยางอายและเห็นแก่ตัวที่สุดก็ตาม!
มาระดา สินสังเวช หรือมายด์ตกอยู่ในความดูแลของ กฤช ธนทรัพย์สมบูรณ์ ตั้งแต่อายุ 14 ปี
เขาดูแลเธอเป็นอย่างดีตามคำสั่งเสียของเพื่อนรัก อย่างเสียไม่ได้
‘ฉันไม่เหลือใครแล้วนอกจากแก...ฉันคิดว่าฉันไว้ใจแกได้’ ช่างเป็นคำฝากฝังที่น่าหนักใจสำหรับผู้ที่ต้องแบกรับภาระยิ่งใหญ่ และมิอาจปฏิเสธ
‘น้องมายด์ขอไปนอนที่บ้านพี่กฤชด้วยคนนะคะ...น้องมายด์ไม่อยากอยู่คนเดียวตอนนี้’
และแน่นอนว่าประโยคออดอ้อนนั้นเป็นผล ตอนนี้เด็กสาวกำลังอาบน้ำอยู่ชั้นบนของบ้าน เป็นห้องอีกห้องหนึ่งที่เธอเคยอยู่
ก่อนที่เขาจะซื้อคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยให้เป็นของขวัญ
เธอย้ายออกไปอยู่ที่นั่นเมื่อต้นปี แต่ก็ยังหาเรื่องที่จะแวะเวียนกลับมาหาเขาที่บ้าน
บ้านที่เขายอมซื้อเพื่อที่จะให้เธอมาอยู่ด้วย ตั้งแต่ที่พี่ชายของเธอเสียชีวิตไปด้วยโรคร้าย เมื่อ 4 ปีก่อน
“น้ำที่บ้านเย็นชื่นใจจังเลยค่ะ...ไม่เหมือนที่คอนโด อาบยังไงก็ไม่สดชื่น”
สายตาเรียบเฉยตวัดไปมองเรือนร่างที่โตเต็มวัย ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว มีผ้าเช็ดผมสีขาวม้วนทบไว้บนศีรษะ
ส่งกลิ่นหอมสะอาดของครีมอาบน้ำและแชมพูโชยมาชัด จนเขาต้องเบิกตาขึ้น
“มายด์” เสียงเข้มดังขึ้นตามไปด้วยเชิงดุ
“คะ? อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมต้องเสียงดังด้วย...หรือว่ามายด์ยืนไกลไป” แม่สาวน้อยขยับเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่อัตโนมัติ
“มายด์” เขาเตือนอีกครั้ง...ด้วยใบหน้าที่เข้มขึ้น สันกรามขบเข้าหากัน แต่คนที่ไม่เคยคิดที่จะเกรงกลัวคำขู่ใดๆ ได้มาทรุดนั่งลงบนตักของเขาเรียบร้อยแล้ว
กลิ่นหอมสะอาดจากเรือนกายสาว ปลุกเร้าห้วงอารมณ์ลึกของบุรุษของเขาได้แน่ แต่มันไม่ใช่เวลา!
“มีอะไรก็พูดมาสิคะ เรียกอยู่ได้” เสียงพร่ากระซิบข้างหูราวกับเป็นสาวเร่าร้อน
มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอยากจะจับหล่อนปู้ยี้ปู้ยำ แต่อยากจะขยำคอฆ่าต่างหาก!
“ลงไป” พยายามที่จะสงบใจ ไม่ให้ตัวเองเผลอพูดจารุนแรงใส่หล่อน
เขาเคยทำมาแล้ว...และมันก็ส่งผลเสียมหาศาลตามมา เขาไม่อยากที่จะเสี่ยง
‘มันเหมาะสมแล้วหรือตากฤช ที่จะเลี้ยงเด็กสาวที่อ่อนกว่าตนแค่สิบกว่าปี
แกคิดอะไรของแกอยู่...ชาวบ้านชาวช่องเขาจะมองแกยังไง’ คำพูดของมารดาก้องอยู่ในหัวของเขาเสมอ
นั่นถือว่าเป็นสิ่งเดียว ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องยืนหยัดและยึดมั่นในวาจาของตน
‘เรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นครับ’
“ไม่เล่นด้วยแล้ว ไม่สนุกเลย” ความว่างโหวงปรากฏขึ้นที่หน้าตักกว้าง เหลือคงค้างแค่เพียงไออุ่นร้อนปนเย็นจากคนที่อาบน้ำมาหมาดๆ
แต่กลิ่นหอมจากเรือนกายหล่อนยังคงคลอเคลียอยู่แถวปลายจมูก เขาพยายามที่จะกลั้นลมหายใจ...
กลั้นความรู้สึกทั้งหมดให้ดำดิ่งจมลงไปในกายตน ราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
ดวงตาสีไม้โอ๊คทอดมองใบหน้านิ่ว งอง้ำที่ยังคงเนียนใสแม้ในคราที่ยังไม่ได้แต่งแต้มสิ่งใดลงไปบนเนียนเนื้อนั้น
ดวงตากลมโตดำขลับของเจ้าหล่อน ไม่ว่าจะในคราที่ถ่ายทอดความรู้สึกเช่นไร ดูเหมือนจะเคลือบไว้ด้วยมนต์บางอย่าง
ขนตางอนยาวล้อมกรอบความรู้สึกทั้งมวลของหล่อนเอาไว้อย่างแน่นหนา คิ้วโก่งดังคันศรนั่นด้วย
พวกมันช่วยกันขับต้อนใบหน้ากลมมนได้รูปสะกดใจผู้จ้องมองให้ไหวยวบได้ทุกครา
ลมหายใจเชิงอ่อนถูกผ่อนออกมาจากปลายจมูกโด่งคมบ้าง
“พี่สูบนะ” คนอยากจะผ่อนคลายความเครียด หยิบบุหรี่ราคาแพงขึ้นมาหมายจะจุดสูบ แต่คนที่เหมือนจะถอยทัพไปแล้วกลับยื่นมือมาคว้าด้วย
“สูบด้วยสิคะ”
“มายด์” บุหรี่แทบจะหล่นจากมือ ดึงซองบุหรี่ของตัวเองออกมาจากมือหล่อน แต่แม่คนดื้อก็ตามติดจนตัวเกยชิดมาที่เขาอีกหน
“ก็มายด์เครียดนี่นา ก็อยากจะคลายเครียดเหมือนที่พี่กฤชอยากจะทำนั่นแหละค่ะ”
“เครียดเหรอ หึ คนอย่างเราเนี่ยนะที่จะเครียดกับใครเขาเป็น” ว่าอย่างอ่อนใจพร้อมจุดบุหรี่สูบ แบบไม่ได้สนใจว่าหล่อนจะกำลังพยายามเกาะแขนตนอยู่
เขาเหนื่อยแล้ว...เหนื่อยที่จะควบคุมทุกอย่างแล้ว
ใช่ ควบคุมที่สุดก็น่าจะเป็นตัวเอง
“มายด์ขอโทษนะคะ...ที่สร้างเรื่องให้พี่กฤชเดือดร้อนอีกแล้ว” ใบหน้าเนียนใสซบลงบนต้นแขนของเขา พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองปลายคางเขียวครึ้ม
ที่หล่อนปรารถนาอยากจะเอามือลูบไล้
ใครจะว่าหล่อนเป็นเด็กใจแตกอย่างไร หล่อนก็ไม่สน
หล่อนไม่ได้ใจแตก...ใจร่าน อยากจะมีอะไรกับผู้ชายไปทั่วเสียหน่อย
หล่อนแค่รักของหล่อน รักคนคนนี้มาก่อนที่จะต้องมาเป็นเด็กในความดูแลของเขาเสียอีก...
ถ้าเลือกได้หล่อนก็อยากเป็นผู้หญิงทั่วไปที่มีสิทธิจะรักชอบเขา ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาต้องละเว้นเอาไว้...ละเว้นเอาไว้เพราะกลัวคำครหา!
“อยากได้อะไร” กฤชรู้มาตลอดว่า...การทำความเดือดร้อนของเจ้าหล่อน มันคือการเรียกร้องความสนใจอย่างหนึ่ง
“พูดไปแล้วจะได้เลยรึเปล่าคะ”
“มายด์” เสียงเขาเข้มขึ้นเชิงเหนื่อยใจ ก่อนทอดสายตามาสบกับนัยน์ตาดำขลับที่มองมาอยู่ก่อน
“พี่กฤชก็รู้ว่ามายด์ไม่เคยต้องการอะไร...” ในแววตาหล่อนบอกชัดว่ามันมีเพียงสิ่งเดียวที่เขาน่าจะรู้อยู่แล้ว
“เราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้ว”
ใช่...เมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่เธออายุ 15 ปี ใช้คำนำหน้าว่านางสาวเป็นครั้งแรก
การคุยกันครั้งนั้น ทำให้เขาห่างเหินเธอออกไปมากกว่าเดิม แม้จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน