ตอนที่ 5 ชีวิตพลิกผัน(3)
เมื่อทุกคนออกไปกันหมดแล้วบรรยากาศภายในห้องรับแขกนี้ดันเงียบสงบอย่างน่ากลัว มันเงียบซะจนจะได้ยินเสียงหายใจของกันและกันอยู่แล้ว เขาที่ยังไม่เอ่ยอะไรออกมาเอาแต่นั่งมองเธอพร้อมกับเธอที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กแล้วก็กุมมือเข้าหากันทั้งสองข้าง เธอกำมันแน่นจนเลือดแทบจะไม่เดินอยู่แล้ว พร้อมกับสูดหายใจเข้าปอดลึกๆพยายามควบคุมความกลัวสุดชีวิต
" เธอเคยทำงานอะไรมาบ้าง ก่อนที่ฉันจะมอบหมายงานให้ฉันจำเป็นต้องรู้ว่าเธอชอบทำงานอะไรหรือไม่ชอบทำงานอะไร "
เขากระดิกนิ้วเบาๆไม่เป็นจังหวะนัก เคาะลงบนที่พักแขนบนโซฟาตัวใหญ่เบาๆเพื่อรอฟังคำตอบจากเธออย่างใจเย็น
" เอ่อ...คะ..คือ ไผ่เคยทำงานที่ร้านอาหารตามสั่งมาค่ะ ล้างจาน เก็บโต๊ะอาหาร บางครั้งก็เตรียมเครื่องปรุงเอาไว้ให้กับเจ้าของร้านค่ะ แล้วก็งานเสริมอีกหนึ่งอย่างที่ทำเฉพาะวันเสาร์กับวันอาทิตย์ก็คือไปเฝ้าร้านหนังสือค่ะ ไปจัดร้านแล้วก็จัดหนังสือให้เป็นระเบียบ แต่บางทีไผ่ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบหนังสือขึ้นมาแอบอ่าน ไผ่ชอบอ่านหนังสือค่ะ แต่ช่วงหลังๆด้วยภาระค่าใช้จ่ายมากมายก็เลยไม่กล้าซื้อ...เอ่อ ไผ่ขอโทษนะคะไผ่รู้ตัวดีว่าไม่ควรพูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา "
ร่างบอบบางรีบลนลานขอโทษเพราะเขาถามแค่ว่าเธอเคยทำงานอะไรมา แต่เธอเล่นเล่าไปซะจนเกือบหมด ทั้งยังพูดเรื่องที่แอบขโมยหนังสือมาอ่าน ใครที่ไหนเขาจะรับเธอเข้าทำงานกันเล่า ถ้ารู้ว่าเธอมีนิสัยแอบขโมยแบบนี้ แต่ตรงกันข้ามร่างสูงนั่งฟังอย่างนิ่งๆพร้อมกันนั้นเมื่อเห็นเธอลนลานก็กลับยิ้มมุมปากขึ้นมาเสียดื้อๆ ทุกการกระทำของเธอทำเอาเขาเอ็นดูอยู่ไม่น้อย แม้ร่างกายของเธอจะสวยสะพรั่งแล้ว แต่นิสัยของเธอเขาก็มองว่ายังเป็นเด็กอยู่มาก
" เธอชอบอ่านหนังสือหรอ แต่เห็นนายไม้เมืองบอกว่าเธอจบแค่มัธยมปลายเท่านั้นทำไมไม่เรียนต่อล่ะ "
ทั้งที่ก็รู้สาเหตุแต่เขาก็ยังเลือกที่จะถามเธอ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะตอบความจริงหรือเปล่า คำตอบของเธอมันจะสะท้อนให้เห็นถึงนิสัยใจคอได้เป็นอย่างดี
" ไผ่ชอบอ่านหนังสือค่ะ แล้วก็ชอบไปเรียนหนังสือมากด้วย ถ้าแม่ไม่ป่วยป่านนี้ครอบครัวของเราก็คงมีความสุข ไผ่ก็คงได้เรียนหนังสือต่อ แต่ก็นั่นล่ะค่ะชีวิตคนเราเลือกได้ซะเมื่อไหร่ ว่าแต่พ่อเลี้ยงจะให้ไผ่ทำงานอะไรคะ "
เพราะไม่อยากตัดพ้อกับชีวิตมากมาย การมองโลกในแง่บวกแม้ในยามลำบากคงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เพราะนั่นคือกำลังใจที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อ ร่างบอบบางจึงเลือกที่จะถามผู้เป็นเจ้านายออกไปแทนว่าจะให้เธอทำงานอะไร
" อายุเธอยังน้อย จะให้ทำงานหนักๆก็คงจะทำไม่ได้ ฉันก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำขนาดนั้น เอาเป็นว่าเธอทำงานช่วยนมอิ่มไปก่อนแล้วกัน แล้วหน้าที่หลังจากนั้นฉันจะค่อยๆบอก ส่วนเรื่องเรียนต่อถ้าเธอสนใจฉันจะให้เข้มดูมหาลัยไว้ให้ "
คำพูดของคนที่ดูเหมือนจะเย็นชาแล้วก็ไม่มีหัวใจทำเอาเธอหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งด้วยความดีใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะให้เธอเรียนต่อ มันคือความฝันที่ไกลเกินฝันของเธอไปแล้วหลังจากที่ผู้เป็นแม่เสียไป แต่เขากลับปลุกความหวังของเธอขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาใบหน้าสวยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มส่งไปขอบคุณเขา ยิ้มที่มาจากความจริงใจ รอยยิ้มของเธอส่งผลให้พ่อเลี้ยงราเมศวร์ที่ผ่านโลกมามากมายทำตัวไม่ถูก จนต้องรีบยืนขึ้น
" ฉันมีธุระต้องออกไปหาเพื่อนข้างนอก ระหว่างนี้ก็ให้นมอิ่มพาไปดูห้องพักก็แล้วกัน ส่วนเรื่องค่าจ้างไม่ต้องห่วงฉันจะหักเอาไว้ให้เธอได้ใช้จ่ายทุกเดือน อยู่ที่นี่ทำตัวให้เป็นประโยชน์ก็พอ "
เขาพูดเพียงเท่านั้นก็วางมาดขรึมแล้วรีบสาวเท้าเดินออกไปจากห้องรับแขกทันที ขืนให้อยู่นานกว่านี้เธอคงจะได้เห็นความไม่เป็นตัวของตัวเองของเขาอย่างแน่นอน
กิ่งไผ่เมื่อเห็นร่างสูงของคนตัวโตลับตาไปแล้ว คำพูดอยู่ภายในใจของเธอตอนนี้เป็นหมื่นล้านคำ เธอรู้สึกดีใจจนพูดไม่ออก อนาคตที่คิดว่าคงจะมืดมนกลับมองเห็นแสงสว่างรำไรอีกครั้ง หากว่าเธอได้เรียนจริงๆเธอก็คงจะมีหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคงมากกว่าการเป็นแม่บ้าน นั่นหมายความว่าเธออาจจะมีเงินมาใช้หนี้เขาเร็วมากขึ้น ร่างบอบบางครุ่นคิดกับตัวเองเพียงครู่เดียวนายมือซ้ายของพ่อเลี้ยงก็เดินเข้ามาพร้อมกับนมอิ่ม
" เป็นยังไงบ้างครับคุณไผ่ เจ้านายใจดีเหมือนที่ผมพูดไว้ไหม แต่ผมดูท่าทางสีหน้าคุณไผ่แสดงออกชัดเจนคงจะไม่ได้กลัวแล้วใช่ไหมครับ "
นายมองเห็นสีหน้าเปื้อนยิ้มของคู่สนทนาก็พอจะเดาได้ว่าคงจะได้รับเรื่องราวดีๆกลับมาอย่างแน่นอน
" ใช่ค่ะ พ่อเลี้ยงใจดีกับไผ่มาก พ่อเลี้ยงจะให้ไผ่ช่วยงานนมอิ่มค่ะ แล้วยังจะให้คุณเข้มดูมหาลัยเพื่อให้ไผ่ได้เข้าเรียนต่ออีกด้วยนะคะ ไผ่ดีใจจังเลยค่ะไม่คิดว่าตัวเองจะได้กลับมาเรียนอีกครั้ง มันคือฝันที่ไม่คิดว่าจะเป็นจริงเลย "
ร่างเล็กพูดพร้อมกับน้ำตาจะเอ่อล้นออกมาด้วยความดีใจ
" ดีแล้วล่ะจ่ะ พ่อเลี้ยงดีกับเราเราก็ต้องตั้งใจเรียนนะรู้ไหม อนาคตหากไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วจะได้ไม่ต้องลำบาก ผู้หญิงตัวคนเดียวไม่ได้มีสมบัติติดตัวก็มีการศึกษาเนี่ยแหละที่ทำให้เราไปได้ไกล "
นมอิ่มบอกพร้อมกับยื่นมือเหี่ยวย่นขึ้นมาจับมือบางของเธอเอาไว้เพื่อเป็นกำลังใจ
" ไปกัน เดี๋ยวนมพาไปดูห้องพักนะ เรือนคนใช้อาจจะไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่ของข้างในก็สะดวกสบาย ถ้าไม่ติดหรูมากมายก็อยู่ได้สบายๆเลยล่ะ "
นมอิ่มบอก ถึงแม้ว่าจะเป็นเรือนคนใช้ก็จริงแต่เครื่องอำนวยความสะดวกพ่อเลี้ยงก็มีให้เป็นอย่างดี มีแม้กระทั่งเครื่องปรับอากาศ
" ไผ่อยู่ได้ค่ะนม ไผอยู่แบบไหนก็ได้ค่ะขอแค่ใช้หนี้ให้แม่หมดเร็วๆก็พอ "
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ร่างสูงใหญ่กำยำใบหน้าคมเข้มเหมือนกับชื่อก็เดินเข้ามา
" วันนี้ผมฝากนมอิ่มดูแลคุณไผ่ไปก่อนนะครับ ผมมีธุระต้องไปจัดการให้พ่อเลี้ยง ไอ้นายแกไปกับฉัน พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไผ่ไปดูมหาวิทยาลัยที่ต้องเข้าเรียนนะครับ "
เมื่อพูดเสร็จร่างบอบบางถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เธอเพิ่งคุยกับพ่อเลี้ยงไปยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ลูกน้องของเขาจะทำงานเร็วเกินไปหรือเปล่า
" คะ...คือไผ่เพิ่งคุยกับพ่อเลี้ยงไปได้ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะคะ คุณเข้มได้มหาลัยแล้วหรอคะ "
ร่างเล็กถามด้วยความงงๆ เธอที่เข้าใจว่ามือขวาคนสนิทของพ่อเลี้ยงเป็นคนหาที่เรียนให้ แต่นั่นไม่ใช่เลยเพราะคนที่หาคือคนที่เดินออกจากบ้านไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วต่างหาก เขาจัดการทุกอย่างแบบไม่ให้มือขวาคนสนิทได้คิดแทนเลยสักนิด เขาแทบไม่ต้องคิดเลยเพราะเขาจะให้เธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดและแพงที่สุด
" ครับ "