บท
ตั้งค่า

1

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” เวทิตา สิริศักดิ์ หญิงสาววัยยี่สิบห้าอุทานพร้อมเอ่ยขอโทษเมื่อเดินชนเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่ง

“ไม่เป็นไรครับ” สิบทิศ เขมสิทธิ์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้ารีบเอ่ยออกมาว่าไม่เป็นอะไร แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็ต้องตกตะลึง

หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมเด็กน้อยที่ถูกมารดาประคองขึ้นจากพื้นด้วยใบหน้าเหยเกคือคนคุ้นเคยที่เขารู้จักเป็นอย่างดี

“เว เวจริง ๆ ด้วย” ท่าทีดีใจของผู้ชายตรงหน้าทำให้เวทิตาถอยหนี ก่อนจะพาลูกน้อยไปหลบอยู่ทางด้านหลัง

“คุณแม่ครับ ใครเหรอครับ รู้จักคุณแม่ด้วย” เด็กชายต้นกล้า เด็กน้อยวัยหกขวบเอ่ยถามมารดาด้วยความสงสัย ตามประสาเด็กฉลาดเฉลียว

“เขาคงจำคงผิดละจ้ะ เราไปกันเถอะจ้ะ”

“เวมีลูกแล้วเหรอ” สิบทิศเอ่ยถาม พลางรั้งแขนของหญิงสาวเอาไว้ เขามองเด็กน้อยแล้วหัวใจกระตุก เด็กคนนี้หน้าเหมือนใครสักคนที่เขาเห็นมาแต่เกิด

สิบทิศไม่รอให้ตัวเองต้องสงสัยนาน เขาหันไปมองกระจกทางด้านหลังของห้างสรรพสินค้าก่อนที่จะตาโต เด็กคนนี้หน้าเหมือนเขาราวกับแกะ

คงไม่หรอกมั้ง อย่าบอกนะว่า!!!

“กรุณาปล่อยแขนของดิฉันด้วยค่ะ” ประโยคห่างเหินนั้นทำให้สิบทิศได้สติ รีบเอ่ยถามในสิ่งที่เขาอยากรู้ทันที

“เด็กคนนี้ลูกของใครเว ตอบพี่มา”

“ต้นกล้าเป็นลูกของเวค่ะ ลูกของเวคนเดียว ไม่ใช่ลูกของผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ไหน”

“พี่ไม่เชื่อ” สิบทิศพูดออกมาอย่างมั่นใจ

ในอดีตเขากับเวทิตาเป็นแฟนกัน เธอเป็นคนรักนวลสงวนตัว และที่เธอเผลอพลั้งมีอะไรกับเขาก็เพราะว่าวันนั้นเป็นวันฝนตก ติดฝนอยู่ด้วยกันนาน เปียกปอนทั้งคู่ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันเลยเป็นไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

เขายอมรับว่าในเวลานั้นยังเป็นแค่นักศึกษาเพิ่งจบใหม่ อยากทำงานรับผิดชอบตัวเองก่อน แม้จะยังไม่คิดเรื่องการมีครอบครัว แต่เขาก็รักเวทิตามาก คบกับเธอก็คบกับเธอเพียงคนเดียว ไม่เคยคบซ้อนหรือคบใครเผื่อเลือก เขาเป็นคนรักใครรักจริง และรักทีละคน นอกจากเลิกกันไปแล้ว ถึงจะเปิดใจคบคนใหม่

แต่ตอนนั้นเขาคิดว่าการที่ผู้หญิงกับผู้ชายมีอะไรกัน เขาก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติของการเป็นแฟนกัน ใคร ๆ เขาก็มีอะไรกันทั้งนั้น แต่จะอยู่ด้วยกันรอดหรือไม่รอดมันอยู่ที่นิสัยใจคอมากกว่า เขาจึงเน้นความรู้สึก ความสัมพันธ์ และความรักมาประกอบกัน มากกว่าความรักเพียงอย่างเดียว รักอย่างเดียวหากนิสัยเข้ากันไม่ได้ ก็อยู่ด้วยกันไม่รอด

“ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณสิ กรุณาปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” เธอดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่เขาไม่ยอมปล่อย

“ปล่อยแม่ของผมเดี๋ยวนี้นะ”

“ดุเสียด้วย ชื่อต้นกล้าเหรอเรา” สิบทิศนั่งลงตรงหน้าของเด็กน้อย ต้นกล้าแยกเขี้ยวใส่คนตรงหน้าทันที

“ชื่ออะไรแล้วเกี่ยวอะไรกับลุงด้วย”

“เรียกพี่ให้พันห้า เรียกลุงให้ยี่สิบ โอ๊ย!” สิบทิศร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าตัวน้อยกัดเข้าที่แขนของเขา ก่อนที่จะพาคนเป็นแม่วิ่งหนีไป

“แสบนักนะ” สิบทิศมองตามร่างของคนทั้งสองไปไม่วางตา เขาเป็นคนที่อยากรู้อะไรจะต้องรู้ให้ได้

ย้อนไปก่อนหน้าที่เขาจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ เขาเพิ่งเป็นนักศึกษาจบใหม่ในระดับปริญญาตรี ตอนนั้นเขาคบหากับเวทิตา นักศึกษา ปวช. ปีสุดท้าย เธอเรียนสายอาชีพ และทางบ้านค่อนข้างยากจน เขาจีบเธอหลายเดือนกว่าจะได้เป็นแฟนกัน เธอเป็นคนขยันเรียนมาก ๆ พ่อแม่เสียหมดแล้วอาศัยอยู่กับยายแค่สองคน

เวทิตาในอดีตนั้นทำงานส่งเสียตัวเองเรียน เธอทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ ขายขนมที่คุณยายของเธอทำไปด้วย เขาเองยังอุดหนุนขนมของเธอบ่อย ๆ ซื้อไปฝากบิดามารดา มารดาของเขายังชมว่าขนมอร่อย

จุดเปลี่ยนของชีวิตก็ตอนที่บิดามารดาของเขาเสียชีวิตทั้งคู่ คุณยายจึงอยากให้เขาไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ดูแลกิจการของท่าน เพราะท่านไม่มีลูกหลานคนไหนอีกนอกจากเขา อีกทั้งอาการป่วยของท่านก็ทำให้เขาต้องไปดูแล เพราะเขาผูกพันกับยายมาตั้งแต่เกิด ท่านเลี้ยงเขามาแต่อ้อนแต่ออก เขาโตจนเรียนมัธยมถึงได้ย้ายมาอยู่กับบิดามารดาทางเหนือ

วันก่อนเดินทาง เขาได้ฝากฝังพลอยเพชรเพื่อนของเวทิตามาบอกหล่อนว่าเขาจะเดินทาง เขารอเธออยู่นานจนเครื่องจะออก คุณยายก็รบเร้าให้ขึ้นเครื่อง เขากับเธอจึงไม่ได้เจอกัน

ในสมัยนั้นแม้จะมีโทรศัพท์ใช้กันแล้ว แต่เวทิตาก็ไม่มีโทรศัพท์ใช้ ทางบ้านของเธอยากจนมาก เธอเรียนไปทำงานไป ปากกัดตีนถีบ เขาเคยคิดจะซื้อโทรศัพท์ให้เธอ โดยการพาไปยังร้านโทรศัพท์ ให้เธอเลือกเอาตามที่ชอบ แต่เธอกลับปฏิเสธไม่ยอมรับท่าเดียว เขาเลยต้องยอมแพ้

ความคิดของสิบทิศหยุดชะงักลงเมื่อเขาเดินเหม่อออกมายังลานจอดรถ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนใจเฮือกใหญ่

“หนีสำเร็จแล้วครับคุณแม่” เด็กน้อยเอ่ยขึ้น

เวทิตาหนีจากผู้ชายใจร้ายมาได้ เธอก็เอาแต่ร้องไห้ อยู่ในรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ของตัวเอง

“คุณแม่เป็นอะไรครับ” เด็กชายต้นกล้าเอ่ยถาม พลางลูบหลังลูบไหล่มารดาเบา ๆ คล้ายจะปลอบโยน

“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” เธอหันไปมองเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองและผู้ชายใจร้าย ก่อนเขาฟันเธอแล้วทิ้ง เขาได้ทิ้งสิ่งที่มีค่าที่สุดเอาไว้ให้เธอ นั่นก็คือลูกที่กำลังก่อกำเนิดในครรภ์ของเธอ

ในวันนั้นยายของเธอป่วยหนัก เธอต้องเฝ้ายายอยู่ที่โรงพยาบาล เธอฝากข่าวเรื่องที่ยายของเธอป่วยหนักผ่านการันต์ เพื่อนของเขาไปบอก แต่เขากลับเดินทางไปกรุงเทพฯ โดยไม่ร่ำลา คำรักปลอม ๆ ที่เขามอบให้ มันทำให้เธอเจ็บปวดเจียนตาย

ยายของเธอสุขภาพไม่แข็งแรง พอออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ทันไร ท่านก็จากไปในเวลาอันรวดเร็ว การจากไปของยายทำให้เธอร้องไห้เสียใจอยู่นาน ในขณะที่ตัวเองตั้งท้อง ถูกชาวบ้านนินทาว่าท้องไม่มีพ่อ กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ลำบากจนเลือดตาแทบกระเด็น

บ้านไม้หลังเก่า ๆ ซอมซ่อกับการอุ้มท้องลูกคนเดียวและคำดูถูกนินทา เรียนหนังสือก็จบแค่ ปวช. เธอต้องใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบ ดีว่าลูกในท้องเป็นเด็กดี ไม่ทำให้เธอแพ้ท้องมาก จนไม่สามารถทำอะไรได้

เธอออกมาทำขนมส่งขายจนเกือบใกล้คลอด หยิบยืมเงินญาติ ๆ จนเขาระอา

พอคลอดออกมาก็ยิ่งลำบาก ด้วยความที่เธอไม่เคยเลี้ยงลูกมาก่อน ดีหน่อยว่าให้ลูกกินนมตัวเอง ตอนนั้นเธอทำขนมส่งขายแต่ไม่มีใครซื้อ ผู้หญิงที่มีลูกอ่อน มักทำของกินและขนมขายได้ยาก คนไม่นิยมซื้อกินเพราะคิดว่าไม่สะอาด

เธอจึงต้องกัดฟันเลี้ยงลูกมาแบบอดมื้อกินมื้อ เพราะมีลูกน้อยจะไปทำงานทำการอะไรไม่ได้ จะกระเตงลูกไปด้วยก็ลำบาก

แต่คนเราชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ในคืนนั้นเธอฝันว่ายายมาหา ยายกระซิบบอกว่าบ้านเลขที่ของเราดีนะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel