คิดถึงเหลือเกิน
ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากแท็กซี่พร้อมทั้งกระเป๋าลากสองใบอันเป็นสัมภาระชายโสด เขาหยุดยืนอยู่นอกรั้วบ้าน จ้องมองคฤหาสน์อันใหญ่โตที่เขาเคยอยู่มาตั้งแต่เยาว์วัย ด้วยความเมตตาของเจ้าของร้านเพชรอย่างคุณท่านธีระ และคุณท่านดารา ที่เมตตาเขากับแม่หลังจากที่พ่อประสบอุบัติเหตุ
แม่ของเขาชื่อ ประนอม เป็นแม่ค้าขายขนมหวานที่คุณท่านทั้งสองโปรดปรานมาหลายต่อหลายปี เรียกได้ว่าเป็นลูกค้าประจำตั้งแต่แม่ยังไม่มีเขา ตราบจนพ่อประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตในขณะที่เขาวัยเพียงสี่ขวบเศษ ประจวบเหมาะกับแม่ครัวของที่บ้านท่านลาออกกลับบ้านนอกไปดูแลแม่ที่ป่วย ท่านจึงเอ่ยปากจ้างแม่ในเงินเดือนเท่าตัวของรายได้จากการขายขนม ทั้งยังอุปการะส่งเสียให้เขาได้เล่าเรียนในที่ดี ๆ ได้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น
แทนไท คลี่ยิ้มทันทีที่ได้ยืนจ้องมองสถานที่แห่งนี้ เขาจากที่นี่ไปเพียงหนึ่งปี แต่ความรู้สึกคล้ายกับว่ามันนานเหลือเกิน นานราวสิบหรือยี่สิบปี
อยากกลับมา คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงใจจะขาด....
“ อ้าว นั่นใช่เจ้าแทนหรือเปล่าน่ะ ” เสียงทักทายดังมาจากหลังประตูรั้วสวยงาม ชายกลางคนรูปร่างผอมวัยร่วมห้าสิบกว่า แต่ยังดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง ผู้รับหน้าที่คนสวนประจำบ้านที่ชื่อ ลุงเทิด แกอยู่รับใช้ที่นี่ที่ “ บ้านอินทยารักษ์ ” มานานแสนนานตั้งแต่รุ่นหนุ่ม เขาไม่มีครอบครัว ติดตามท่านธีระมาจากเมืองจันทบุรีเมื่อครั้งท่านไปดูบ่อพลอย จึงรับใช้ท่านมาเสมอ แรกนั้นก็พอได้กลับบ้านเกิดบ้าง แต่พอแก่ตัวก็ไม่ได้กลับเลย ด้วยว่านายเทิดนั้นตัวคนเดียว ญาติพี่น้องก็ทยอยล้มหายตายจาก ญาติคนเดียวที่เหลืออยู่และใกล้ชิดที่สุดก็คือ รุจี หลานสาวของน้องชาย ที่พ่อแม่ของเธอนั้นชิงสุกก่อนห่ามและมาทิ้งลูกไว้ให้ตายายเลี้ยง โดยไม่กลับมาดูดำดูดี จนต่อเมื่อยายมาตายจากไปก่อน ตามมาด้วยนายทม ซึ่งมีศักดิ์เป็นตากำลังป่วย จึงได้ฝากฝังหลานสาวคนเดียวไว้กับนายเทิดผู้เป็นพี่ชายให้ดูแล ก่อนที่แกจะจากโลกนี้ไปหลังจากนั้นไม่นานนัก และรุจี ก็เป็นเด็กอีกคนหนึ่งที่คุณท่านอุปการะ ตอนนี้ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่สี่ ในคณะนิเทศศาสตร์
แทนไทยิ้มกว้างพลางตอบรับกลับไป
“ ใช่ครับลุงเทิด ผมเอง แทนไท ”
“ โอ้โฮ มันหล่อเสียจนลุงจำไม่ได้เทียวเว้ย แล้วทำไมไม่กดกริ่งเรียก ไอ้ลุงก็มัวแต่รดน้ำต้นไม้เพลิน นี่ถ้าไม่ได้หันมาทางนี้พอดีก็ไม่เห็นหรอกว่ามีคนมายืนอยู่หน้าบ้าน แล้วไปยังไงมายังไง ทำไมไม่โทรมาบอกลุงจะได้ไปรับที่สนามบิน ”
ชายกลางคนรีบเดินมาเปิดประตูให้กับชายหนุ่ม ผู้ที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังรักและเอ็นดูเขาเหมือนกับลูกหลานจริง ๆ แล้วใคร ๆ ในบ้านนี้ก็รักและเอ็นดูแทนไทกันทั้งนั้น ด้วยความที่เขาเป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบ เป็นสุภาพบุรุษ และอ่อนน้อมถ่อมตนมาตั้งแต่เด็ก
แทนไทยกมือขึ้นสวัสดีนายเทิดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างเคย
“ สวัสดีครับลุงเทิด ”
“ เออ ไหว้พระ ๆ แหม ไปอยู่เมืองนอกเมืองนามันขาวขึ้นเว้ยเฮ้ย แถมยังหล่อขึ้นเป็นกอง นี่แอบไปมีเมียแหม่มแล้วหรือยังวะเนี่ย ”
“ โอ๊ย ลุงเทิดก็ ไม่มีหรอกครับ เรียนกับทำงานพิเศษงก ๆ แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ลุงสบายดีไหม ผมซื้อเสื้อมาฝากด้วยนะ มีของฝากสำหรับทุกคนเลย ”
“ ขอบใจ ๆ เอ็งนี่มันน่ารักเสมอ สมแล้วที่คุณท่านรักราวกับลูกในไส้ มา ๆ เดี๋ยวข้าช่วยถือ ” นายเทิดพูดพร้อมกับยื่นมือจะไปรับกระเป๋าลากใบโตทั้งสองมาถือเอง แต่แทนไทรั้งไว้
“ ให้ผมถือเองดีกว่า ไม่หนักสำหรับผมหรอก แต่มันหนักสำหรับลุงแน่ ๆ กว่าจะเดินไปถึงเรือนเล็กของผม ”
“ นี่เอ็งจะว่าข้าแก่ใช่ไหมไอ้แทนไท หน็อยแน่ งั้นก็เอากระเป๋าสะพายหลังมาก็แล้วกัน ให้ได้ช่วยสักอย่างเหอะ ” ชายกลางคนเอ่ยกลั้วหัวเราะพลางดึงกระเป๋าเป้สะพายหลังไปจากร่างสูงใหญ่ ซึ่งเขาก็ยอมแต่โดยดี
“ แก่ที่ไหน ไม่แก่สักหน่อย ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวขนาดนี้ ” คนต่างวัยทั้งคู่หัวเราะร่วน ก่อนจะเดินเคียงข้างกันเข้าไปในพื้นที่บ้านหลังโต
“ คุณท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ”