ตอนที่5 [ความทรงจำ]
พิษรักเฮียแฝด
[A poison love]
ตอนที่5
[ความทรงจำ]
ณิชารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนสายของวันใหม่ เมื่อแสงอาทิตย์ได้สาดส่องผ่านผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มมาถึงด้านในของห้อง
“อื้อ! ที่นี่ที่ไหน” เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา หญิงสาวถึงกับงงงวย เมื่อมองสำจวจรอบ ๆ ห้องไปทั่วห้องนอนกว้าง ที่จัดแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีราคาแพงและหรูหรา
“ที่ไหนกันนะ อื้อ! ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลย” ณิชารีบลุกลงจากเตียง แล้วรู้สึกปวดหน่วงกลางกายสาว ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ หญิงสาวจ้องมองออกไปด้านนอกด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีดอกบัวสีชมพูเบ่งบานอยู่เต็มสระ ด้านข้างมีต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเรียงเป็นแนวรอบขอบสระ มีชิงช้าสีขาวตั้งอยู่ใต้ต้นไม้
สาวน้อยจ้องมองครุ่นคิด เหมือนจะคุ้นเคยกับสถานที่นี้ขึ้นมาอย่างรำไร เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินเข้ามา ทำให้เธอรีบหันมองตามเสียงเสียก่อน
“เธอตื่นนานแล้วรึไง” เสียงทุ้มเฮียหมอกเอ่ยถาม ณิชาได้แต่พยักหน้ารับ
“เฮียที่นี่ ที่ไหนเหรอค่ะ”
“บ้านเฮีย”
“บ้านเฮีย…แล้ว…” หญิงสาวเงียบไปทำให้เฮียหมอกรีบดันหลังให้เธอเข้าไปอาบน้ำก่อน
“เราเข้าไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
เมื่อคืนหลังจากได้ร่วมหลับนอนกับสาวน้อยจนอิ่มเอม จนหญิงสาวหมดแรงหลับใหลไปคาอกเขา เฮียแฝดที่มีความพึงพอใจในสาวน้อยเป็นพิเศษ จึงได้คิดหอบหิ้วเอาเธอกลับเข้ามาในบ้านด้วย
แต่ทั้งคู่ไม่คาดฝันมาก่อน เมื่อหยิบกระเป๋าใบเล็กของเธอขึ้นมา แล้วนามบัตรต่าง ๆ ที่อยู่ด้านในกลับร่วงล้นสู่พื้นมาจนหมด เฮียเมฆที่หยิบบัตรทุกใบเข้าสอดใส่ในช่องเล็ก ๆ ภายในกระเป๋าคืนให้ ก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบบัตรประจำตัวประชาชนของเธอเข้า
“ไอ้เชี่ยเอ้ย!” เฮียเมฆถึงกับสบถคำหยาบออกมา พร้อมยื่นส่งแผ่นเล็ก ๆ ให้น้องชายดู
“นางสาว ขวัญชนก เปรมสิลานันท์” หลังจากอ่านชื่อเจ้าของกระเป๋า เฮียแฝดถึงกับเข่าทรุดลงฮวบกับโซฟาทันที
“ยัยหนูณิชา/ยัยหนูณิชา” เสียงทุ้มครางประสานกันอย่างไม่น่าเชื่อ ว่าสาวน้อยที่เขาพากันติดอกติดใจ ถึงขั้นต้องหอบหิ้วเข้ามาบ้าน จะเป็นน้องสาวตัวน้อยที่เคยตามติดเขาแจ เมื่อสมัยเธอตัวเล็กนิดเดียว
เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา ยัยตัวเล็กตามติดพี่ชายอย่างเขาสองคนตลอดระยะเวลา ที่เธอกับบิดาได้มาอาศัยอยู่ที่นี่เกือบปี นี่เธอเป็นลูกสาวคุณอา “ประพต” งั้นหรือ ท่านที่เป็นเพื่อนรักของพ่อเขาเลยนะนั่น
สองหนุ่มถึงกับกุมขมับ เมื่อยัยหนูนิชาได้ตกมาเป็นเมียของเขาทั้งคู่ไปแล้ว เฮียแฝดถึงกับเดินพล่านอย่างหนูติดจั่น อย่างไม่รู้จะแก้ไขสถานะการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี
นี่ถ้ายัยหนูรู้ความจริงว่าเขาสองคนเป็นใคร แล้วเธอจะรับเขาได้ไหมนะ เมื่อคืนเขาช่วยกันป้อนยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบให้เธอ ด้วยความเป็นห่วงกลัวเธอจะรับไม่ไหว กับการรุกรานอย่างหนักหน่วงจากเขาสองคน นี่เพราะความลุ่มหลงในตัณหาราคะของเขาสองคนแท้ ๆ
สองหนุ่มตื่นแต่เช้า เดินลงมาสั่งให้แม่บ้านเก็บรูปภาพตอนเด็ก ๆ ในห้องรับแขก เขายังไม่อยากให้เธอรู้ ไว้เมื่อถึงเวลาแล้วค่อย ๆ บอกเธอก็ยังไม่สายหรอกมั้ง
ครั้นณิชาอาบน้ำเสร็จเดินออกมาที่เตียง ก็พบเสื้อผ้าชุดสวยวางอยู่บนที่นอน นี่คงจะเป็นเจ้าของบ้านเอามาวางไว้ให้เธอสินะ ณิชารีบแต่งตัวแล้วก้าวเดินลงมาชั้นล่างด้วยความประหม่า เมื่อเหลือบมองชายหนุ่มที่หล่อเหลาและมีใบหน้าที่คล้ายกันจนจะแยกแทบไม่ออก
“เธอลงมาแล้วมานั่งทานข้าวด้วยกันสิ” เฮียเมฆรีบเอ่ยเรียกแขกสาวให้มานั่งด้วยกัน ทั้งสามคนนั่งทานอาหารกันแบบเงียบ ๆ เมื่อทานเสร็จณิชาจึงขอตัวออกไปเดินเล่นด้านนอก
เท้าเล็ก ๆ ก้าวเดินขึ้นมาบนขอบสระ แล้วไปหย่อนสะโพกนั่งลงที่ชิงช้าสีขาว นั่งแกว่งชิงช้าเบา ๆ มองภาพสระบัวที่กว้างไปด้วย ทำให้ณิชาเกิดภาพซ้อนผุดขึ้นมาทันที
'เฮียเมฆขา…ณิชาอยากได้ดอกบัวดอกนั้นจังเลยค่ะ’
‘ได้สิ เดี๋ยวเฮียสองคนจะลงไปเก็บมาให้นะ’ แล้วเฮียทั้งสองของเธอก็ได้พากันลงไปเก็บดอกบัวที่เธอชอบมาส่งให้ตรงหน้า
'เฮียเมฆกับเฮียหมอกน่ารักจัง เดี๋ยวณิชาโตขึ้น ณิชาจะมาเป็นเจ้าสาวให้เฮียได้ไหมค่ะ’
'ได้สิ เฮียจะรอนะ รอให้ยัยหนูโตเป็นสาวก่อน' ประโยคทุกคำที่ผ่านมาช้านาน มันกลับผุดขึ้นมาเป็นฉาก ๆ จนร่างณิชาสะท้านวาบไปหมด นี่หมายความว่าเฮียสองคนนั่นคือ…เฮียเมฆกับเฮียหมอกอย่างงั้นหรือ?
ณิชาครุ่นคิดถึงเรื่องราวของคืนที่ผ่านมา หญิงสาวรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว เสียงใบไม้แห้งที่ดัง ‘กร็อบ’ อยู่ด้านหลังทำให้ร่างเล็กหลุดจากภวังค์ รีบเอี้ยวตัวหันไปมอง
“เฮียเมฆ…เฮียหมอก” เสียงเล็กครางออกมาเบา ๆ แต่เฮียแฝดได้ยินอย่างชัดเจน
“ยัยหนูจำเฮียได้แล้วใช่ไหม” เสียงทุ้มของเฮียเมฆเอ่ยถามขึ้น พร้อมก้าวเดินมาหาร่างเล็กที่นั่งอยู่บนชิงช้า
“ใช่หนูจำได้”
“แล้วหนูจำอะไรได้อีกไหม” เฮียหมอกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นบ้าง
“หนูจำได้ทุกอย่าง” เสียงเล็กเอ่ยทำเอาสองหนุ่มหัวใจเต้นแรงรัว
“อย่างเช่น…” เฮียเมฆเอ่ย
“หนูอยากได้ดอกบัว เฮียก็พากันลงไปเก็บมาให้”
“แล้วจำอะไรได้อีกไหม” เสียงเฮียเอ่ยขึ้นพร้อมกัน อย่างลุ้นระทึก
“แล้วเฮียก็ชอบพาไปกินไอศกรีม” ณิชาทำท่าคิดต่อ
“แล้วหนูจำอะไรได้อีกไหม” สองเฮียแฝดรอลุ้นจนตัวโก้ง ณิชาได้แต่งึมงำออกมา ทำไมเธอจะจำไม่ได้ที่เธอเคยบอกเขาไว้ว่าจะมาเป็น ‘เจ้าสาว’ ให้เขา
“เฮียหนูอยากกลับบ้านแล้ว ไปส่งหนูหน่อย” ณิชาเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย ทำเอาเฮียแฝดนิ่งอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด
“เรื่องเมื่อคืน” ในที่สุดเฮียเมฆก็เลือกที่จะเอ่ยออกมา
“เมื่อคืนถือเสียว่าหนูชดใช้หนี้ให้เฮีย” ณิชาเอ่ยจบ ทำเอาเฮียแฝดถึงกับลมออกหูมาทันที
“แพงไปไหมสาวน้อย เงินตั้งแสนห้าชดใช้กันแค่คืนเดียวเนี่ยนะ” เสียงเข้มขุ่นของเฮียเมฆเอ่ยขึ้น
“แล้วเฮียจะเอาหนูกี่วันกี่เดือนกี่ปีล่ะคะ มันถึงจะคุ้มค่าเงินของเฮีย” เสียงณิชาสั่นเครือออกมา แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ถ้าเฮียจะบอกว่า เธอต้องชดใช้ทั้งชีวิตล่ะเธอไหวไหม?” เสียงทั้งสองดังประสานกันอยู่ข้างหูเธอ ณิชาได้แต่ขบเม้มริมฝีปากล่างอย่างเจ็บใจที่สุด
“ได้! ถ้าเฮียต้องการแบบนั้น” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างขุ่นเคือง
“ดี! เข้าใจกันง่ายดี” เสียงเฮียเมฆกระด้างขึ้น ขณะหันสบตาสาวน้อยที่ขอบตาแดงก่ำ
“รู้ไว้นะ! เฮียมันก็แค่ผู้ชายที่ใจร้ายที่สุด” เอ่ยจบณิชาก็รีบลุกเดินหนีเข้าไปในบ้าน
“รู้แล้วก็ตั้งใจทำหน้าที่ตัวเองให้ดีด้วยล่ะ” เสียงห้าวเข้มตวาดไล่หลังร่างเล็ก ที่เดินจ้ำเข้าไปด้านใน
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเฮีย” น้องชายที่มองตามร่างเล็กอรชรด้วยสายตาเจ็บปวด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องราวจะมายุ่งเหยิงขนาดนี้ เขาสองคนต่างก็อยากจะต้อนให้ยัยหนูได้อยู่กับพวกเขาตลอดไปแค่นั้นเอง
“เชี่ยเอ้ย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ” เฮียเมฆสบถคำหยาบออกมา ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ยัยหนูเข้าใจในเจตนาของพวกเขา
“เอาไงต่อดี ถ้าคุณอารู้ท่านจะเสียใจไหม” เฮียหมอกเอ่ยปรึกษาพี่ชาย และไม่คิดจะปล่อยยัยหนูไปด้วย ในอดีตเคยรักยังไง ตอนนี้เขาก็ยังรักสาวน้อยของเขาเหมือนเดิม และที่เพิ่มเติมยัยหนูเป็นเมียเขาไปแล้ว