ตอนที่ 7 เดี๋ยวก็ได้กิน
ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง
“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…”
เลย์ได้โทรหาสกายเนื่องจากมีธุระเรื่องงานจะคุยด้วย แต่ว่าไอ้หน้าหล่อดันปิดเครื่อง เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายโทรไปหาโฬมลูกน้องคนสนิทของสกายแทน
“ครับคุณเลย์”
“ลูกพี่มึงหายหัวไปไหนวะ โทรหาก็ไม่ติด”
“คุณสกายพักผ่อนอยู่ที่คฤหาสน์ครับ”
เลย์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกทะแม่งชอบกล
“ไม่ถูกว่ะ ปกติเวลานี้มันต้องอยู่สนามยิงปืน ลูกพี่มึงต้องมีเรื่องปิดบังกูอยู่ใช่ไหมวะไอ้โฬม”
เลย์เริ่มคาดคั้น และมันก็ทำให้เขาได้รู้ความจริงก่อนจะวางสาย แล้วรีบบึ่งรถสปอร์ตคันหรูมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของเพื่อนทันที
“ไอ้โฬมนี่มันเก็บความลับกับมึงไม่ได้เลยจริง ๆ”
โฬมเป็นคนซื่อสัตย์และเป็นคนที่เขาไว้ใจได้มากที่สุด จึงเป็นลูกน้องที่ติดตามสกายมานานจนสนิทราวกับเป็นเพื่อนคนหนึ่ง แต่มันก็มักจะมาพลาดท่าปากพล่อยกับเรื่องผู้หญิง ไม่ว่าเจ้านายหนุ่มลูกครึ่งจะพาเข้าบ้านมากี่คนโดยไม่บอกใคร แต่เลย์ก็มักจะรู้ข่าวอยู่เสมอ
“อย่าไปว่ามันเลย ว่าแต่น้องชะเอมของมึงเถอะ เป็นยังไงบ้างวะ งานดีถูกใจมึงไหม”
คำถามของเพื่อนทำให้ริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างลืมตัว พลันทำให้นึกถึงใบหน้าหวานที่เหยเก ส่งเสียงหวานครางกระเส่าบนเตียง ยามที่เขาสอดนิ้วเข้าออกจนเธอพ่นน้ำสีใสเยิ้มออกมา
“เออ เกือบจะถูกใจอยู่ละ แต่กูยังไม่ได้กินก็เพราะมึงนี่แหละไอ้เลย์ ไอ้เชี่ยดันมาตอนที่กูกำลังจะ…”
สกายชะงักคำพูดไว้เพียงเท่านี้ก็พลันรู้สึกเสียดาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาน่า เดี๋ยวมึงก็ได้กิน ใจเย็นก่อนสิเพื่อน”
“สรุปมึงมาหากูมีเรื่องอะไร”
“โห ไอ้เวร เดี๋ยวนี้กล้าถามเพื่อนแบบนี้แล้วเหรอ กูว่าดื่มไปคุยไปดีกว่าว่ะ ยืนคุยกับมึงแล้วรู้สึกคอแห้ง”
เลย์ยกมือลูบที่คอกลืนน้ำลายดังอึก พยักเพยิดใบหน้าเบี่ยงสายตามองไปทางด้านปีกซ้ายของตึก ทั้งสองหนุ่มจึงพากันเดินไปยังห้องสังสรรค์ สกายก็หยิบเหล้าและแก้วสองใบมานั่งดื่มกันที่โซฟาและเริ่มคุยธุระ
“สายของกูรายงานมาว่าปืนล็อตใหม่ที่จะเข้ามาวันศุกร์นี้มีคนจ้องอยู่ว่ะ”
“มึงหมายถึงไอ้อคิณ”
“อือ”
ธุรกิจของสกายไม่ได้มีแค่สนามยิงปืนทั่วทุกภาคของประเทศไทยเท่านั้น เขายังนำเข้าอาวุธปืนหลากหลายรุ่นเพื่อขายต่อให้กับพวกนายหน้าค้าอาวุธ โดยมีเพื่อนอย่างเลย์เป็นคนจัดการเรื่องการขนส่งและดูแลโกดังเก็บปืนให้
“ไอ้นี่ก็จองเวรกับมึงไม่เลิก มึงคิดไม่ออกจริง ๆ เหรอว่าไปทำห่าอะไรมันไว้”
เลย์ถอนหายใจ ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มดับอารมณ์ร้อนที่ปะทุขึ้น
อคิณคือคู่แข่งตัวฉกาจที่ขัดแข้งขัดขากันเรื่องธุรกิจค้าปืน ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่พอปีนี้ก็เริ่มขายตัดหน้าในราคาที่ถูกกว่า เมื่อหลายเดือนก่อนก็ส่งคนมารอดักปล้นที่ท่าเรือ แต่ดีที่คนของเลย์ไหวตัวได้ทันและป้องกันเอาไว้ได้
และครั้งล่าสุดก็เมื่อสามวันก่อน ในคืนที่สกายและเลย์ไปดื่มกันที่เอสเอไนน์และเจอกับชะเอมที่นั่น อคิณก็ส่งคนลักลอบเข้ามาที่โกดัง และราดน้ำมันมุ่งหวังจะจุดไฟเผาปืนที่ถูกเก็บอยู่ในนั้น แต่ดีที่คนเฝ้าโกดังกำลังเดินตรวจตราโดยรอบไปเห็นเข้าพอดีจึงช่วยกันดับไฟ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นไม่มาก และไอ้คนวางเพลิงก็ถูกจับได้และถูกซ้อมปางตาย ก่อนจะนำตัวไปทิ้งไว้ที่หน้าบ้านของอคิณ เพื่อส่งสัญญาณเตือนว่าอย่าคิดจะมาเล่นสกปรก
“คนอย่างกูไม่เคยทำใครก่อน ส่วนวันที่มึงไปรับของก็เพิ่มกำลังคนของเราให้มากขึ้นหน่อย”
เอ่ยจบสกายก็ยกน้ำสีอำพันกลืนลงคอหลายอึก เขาไม่ได้ให้ค่าอคิณเลยสักนิด มันอยากจะทำอะไรก็ทำ เพราะทุกครั้งก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่คิดหาวิธีป้องกัน คนที่ถูกสอนเรื่องเอาตัวรอดและการป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็กอย่างเขา ต้องคิดหาวิธีรับมือเอาไว้อยู่แล้ว
ของอะไรที่เป็นของเขา มันก็ยังจะเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ ถ้าหากวันไหนพวกมันทำได้สำเร็จ เขาก็จะไล่ล่าตามกลับมา และจะมอบบทเรียนราคาแพงให้อย่างสาสม
“รับทราบครับลูกพี่ กูจะเอาปืนทุกกระบอกมาไว้ในโกดังของมึงให้ครบเลย มีกูไปคุมงานด้วยตัวเอง มึงสบายใจได้”
เลย์ชงเหล้าเข้ม ๆ ใส่แก้วทั้งสองใบแล้วยื่นให้กับเพื่อน ทั้งสองคนนั่งดื่มด้วยกันจนเหล้าหมดขวด เลย์ก็ขอตัวกลับ
แต่ก่อนที่เลย์จะกลับก็ได้มอบของบางอย่างยัดใส่มือสกาย แล้วตบที่บ่าเบา ๆ พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เพื่อน
*****
แกร๊ก!
สกายเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสองก็นึกขึ้นได้ว่าปล่อยหญิงสาวอยู่บนห้องตามลำพังเป็นเวลาหลายชั่วโมง จึงถือวิสาสะหยิบกุญแจที่พกไว้ในกระเป๋ากางเกงเปิดเข้าไปในห้องที่ถูกล็อกลูกบิดจากด้านในตอนที่เขาออกมาเมื่อช่วงบ่าย
ชะเอมที่เอนหลังพิงหัวเตียงเล่นเกมในโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ซื้อมานานกว่าสามปีในราคาไม่กี่พัน ก็สะดุ้งโหยงเบี่ยงสายตามองไปที่ประตูโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดดังขึ้น ก็เผยให้เห็นร่างของคนตัวสูงที่เดินเข้ามาในห้อง
ตึกตัก ตึกตัก
ใจดวงน้อยเริ่มกระตุกวูบ ใบหน้าหล่อของเจ้าของคฤหาสน์ตอนนี้มีสีเลือดฝาด และสายตาคู่คมที่หรี่เล็กกว่าปกติก็จ้องมองมาทางเธอไม่วางตา
“คุณเข้ามาทำไมคะ”
เธอเอ่ยพลางกระชับผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมจนถึงหน้าอก หรือว่าเมื่อช่วงกลางวันเขายังไม่ได้ทำอะไรเธอ ตอนนี้เลยนึกอยากจะทำขึ้นมา
“ทำไมยังไม่อาบน้ำ”
“เอ่อ คือฉัน…”
ชะเอมไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ที่เธอยังไม่อาบก็เพราะอยากให้สกายเห็นว่าเธอชอบหมักหมมความสกปรก จะได้รู้สึกรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ มันก็แค่ข้ออ้างที่จะทำให้เธอรอดพ้นเงื้อมมือของเสือร้ายไปอีกหนึ่งวัน
“ลุกขึ้น”
ชะเอมได้ยินเสียงออกคำสั่งแต่กลับนั่งนิ่ง และเผลอจ้องเข้าไปในดวงตาคู่คมของคนตรงหน้า แววตาที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย เหมือนดั่งคนคุ้มดีคุ้มร้าย
“ฉันบอกให้ลุกขึ้น”
เขาว่าพลางเดินปรี่เข้าไปหาหญิงสาวและกระชากแขนของเธอให้ลงมายืนอยู่ข้างเตียง ก่อนจะดึงเธอออกจากห้อง
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ ปล่อย”
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็เดินตามมาดี ๆ”
ได้ยินคำว่าเจ็บตัวเธอก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนอีก จึงปล่อยให้เขาจับข้อมือและพาเดินลงบันไดไปยังชั้นล่างของคฤหาสน์หลังใหญ่
อยู่ที่นี่เธอคงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะอ้าปากพูดอะไรเลยสินะ ถึงได้บังคับและชอบข่มขู่เธอตลอดเวลา