ตอนที่ 5 ห้องนอนของเธอ
@ คฤหาสน์สกาย
นี่นะหรือคฤหาสน์ของเขา มันใหญ่โตสมกับคนมีฐานะร่ำรวย อาจจะถึงขั้นเป็นมหาเศรษฐีเลยก็ว่าได้ แถมยังอยู่ในซอยเปลี่ยวลึก รอบด้านติดกับป่า ไม่มีผู้คนสัญจรไปมา ทำไมถึงได้มาสร้างบ้านอยู่ในที่ลับตาคนแบบนี้กันนะ
ชะเอมสอดสายตาผ่านกระจกหน้ารถมองเข้าไปยังบ้านหลังใหญ่ แต่แล้วความคิดที่มีก็ดับวูบเมื่อประตูรถได้ถูกเปิดออก พร้อมกับชายรูปร่างกำยำสองคนที่ยืนรออยู่ด้านนอก
“เข้าไปข้างในกันเถอะครับ”
โฬมเอ่ยจบก็เดินนำหญิงสาวเข้าไปในคฤหาสน์ที่อยู่ตรงปีกซ้าย
ฝั่งนี้ได้ถูกตกแต่งให้เป็นห้องสังสรรค์ไว้สำหรับนั่งดื่มเหล้ากับกลุ่มเพื่อนสนิทของมาเฟียหนุ่ม มีโต๊ะสนุกเกอร์ตั้งวางอยู่ด้านหลังโซฟา ส่วนอีกห้องที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ได้ถูกจัดให้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมยิงปืนขนาดย่อม
ภายในห้องนั้นมีชั้นวางสำหรับจัดเก็บปืนกระบอกหลากหลายขนาด ต้องชื่นชอบขนาดไหนถึงได้นำมาเก็บไว้ในบ้านของตนเอง และไม่รู้ว่ามันเป็นปืนจริงหรือว่าปืนปลอม
“มาได้สักทีนะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นก็ทำให้ชะเอมรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เธอก้าวเข้าไปในห้องนั้นอย่างเชื่องช้าราวกับขาทั้งสองข้างไร้กำลัง พอเดินพ้นประตูชายที่เป็นลูกน้องคนสนิทของเขาก็จัดการปิดประตูทันที
“พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ”
เธอถามออกไปด้วยหัวใจที่สั่นระรัว ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังถือปืนอยู่ในมือและเล็งไปยังเป้าที่อยู่ตรงหน้า
ปัง!
กระสุนนัดแรกได้ยิงออกไปโดนเป้าหมายเลขแปด ชะเอมได้ยินเสียงอันใกล้ก็สะดุ้งโหยงตัวแข็งทื่อราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง
“ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่น”
“ฉะ ฉัน ไม่ได้ยุ่งกับใครเลยนะคะ” เธอตอบออกไปเสียงสั่น
“แล้วไอ้หมอนั่นมันเข้าไปอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง”
ปัง!
เสียงปืนนัดที่สองดังขึ้น และเป้าหมายเลขเก้าก็ได้ถูกเจาะเป็นรู ชะเอมหลับตาปี๋ ยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง
“ฉันไม่ชอบคนทรยศ และฉันก็เคยเตือนเธอแล้วนะว่าอย่าทำ”
สกายเอ่ยพร้อมกับกระชากข้อมือของหญิงสาวให้มายืนหันหลังให้เขาอยู่ข้างหน้า ส่วนเขายืนโอบอยู่ทางด้านหลัง พร้อมกับพยายามจับมือที่สั่นของเธอมาจับปืนที่อยู่ในมือ
“จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ ฮึก”
ชะเอมดิ้นขัดขืน ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ พยายามจะดึงมือออกแต่ก็ไม่เป็นผล เขาจับมือเธอประกบกับด้ามปืนไว้แน่น และใช้นิ้วคล้ายกับบังคับให้เธอลั่นไกออกไปยังเป้าที่อยู่ตรงหน้า
“ฉันควรจะให้อภัยคนที่มันทรยศฉันอย่างนั้นเหรอ เงินก็รับไปแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ทำตามสัญญา”
“ฮึก”
ชะเอมส่งเสียงสะอื้นพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงบนโหนกแก้ม เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้ว่าทำอะไรผิด
“มองเป้าข้างหน้าให้ดี ๆ ล่ะ ถ้าครั้งหน้ายังกล้าขัดใจฉันอีกล่ะก็ คนที่จะยืนอยู่ตรงนั้นจะกลายเป็นเธอแทน”
ปัง!
กระสุนนัดนี้ได้ยิงเข้าที่เป้าหมายเลขสิบ เป็นจังหวะเดียวกันกับชะเอมที่ขาอ่อนกำลังลง แต่ดีที่สกายย่อตัวลงรับไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นคงจะลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น
เธอหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำด้วยความกลัว ผู้ชายคนนี้มันบ้าไปแล้ว ถึงกับพาเธอมาขู่เพื่อไม่ให้กล้าหือกับเขาเลยหรือ
“หึ ให้ยิงปืนแค่นี้ถึงกับแข้งขาอ่อน ถ้าฉันทำอย่างอื่นคงจะลงจากเตียงเองไม่ได้เลยสิท่า”
“ว้าย”
ชะเอมร้องเสียงหลงเมื่อถูกชายหนุ่มถือวิสาสะช้อนเอาตัวเธอขึ้นมาอุ้มอยู่ในอ้อมแขนโดยไม่ทันตั้งตัว
“ปล่อยฉันลง ฉันเดินเองได้”
สกายหลุบตามองคนที่อยู่ในอ้อมแขน เอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงแข็ง
“ถ้าไม่อยากกลายเป็นเมียลูกน้องของฉันที่ยืนอยู่ด้านนอก ก็อย่าทำให้ฉันเบื่อ”
ตอนเดินเข้ามาชะเอมเห็นลูกน้องของสกายยืนเฝ้าอยู่ทั่วทุกมุมคฤหาสน์นับสิบกว่าคน ราวกับว่าชีวิตของเขากำลังตกอยู่ในอันตรายถึงต้องมีคนมาคอยอารักขา แต่ถ้าให้เธอโดนคนพวกนั้นปู้ยี่ปู้ยำก็คงยอมตายเสียดีกว่า
ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจดวงน้อยเต้นกระตุกเสียงดัง ชะเอมเลื่อนมือไปคล้องคอของเขาตอนที่อุ้มเธอขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน แต่แล้วพอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ร่างของเธอก็ถูกโยนลงบนเตียงขนาดคิงส์ไซซ์อย่างไม่ใยดี
ตุบ!
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ” ชะเอมเอ่ยพรางดันตัวลุกขึ้นนั่ง
“แค่นี้ไม่ถึงตายหรอก” เสียงกร้าวดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก
“นี่ห้องใครคะ”
เธอมองไปรอบ ๆ ก็รู้สึกสงสัย ห้องนอนขนาดใหญ่ แต่ภายในห้องกลับไม่พบร่องรอยของการพักอาศัยเลย และผ้าปูที่นอนก็ยังคงได้กลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มโชยเข้าจมูกราวกับว่าเพิ่งซักแห้งแล้วก็เพิ่งนำมาเปลี่ยน
“ต่อไปห้องนี้จะกลายเป็นห้องนอนของเธอ”
เขาเอ่ยพร้อมกับวางเข่าข้างหนึ่งลงที่ปลายเตียง จ้องเธอด้วยแววตาหื่นกระหายและน่ากลัว
ตึกตัก ตึกตัก
“คุณจะทำอะไร”
“เช็กของไง”
“ว้าย”
มือหนาเลื่อนไปดึงขาของหญิงสาวจนเธอนอนหงายหลังลงบนที่นอน ชะเอมตกใจจนทำตัวไม่ถูก เขากำลังจะถอดกางเกงในสีดำลายลูกไม้ที่อยู่ภายใต้กระโปรงยีนของเธอออกจากเรียวขา เธอดิ้นขัดขืนแต่มันก็ถูกถอดออกไปอย่างง่ายดาย
ชะเอมรีบเอามือมาปิดน้องสาวของตัวเองผ่านกระโปรงด้วยความอาย เขาดูเร่งรีบและก็เอาแต่ใจมากจนเธอตื่นตระหนก
“เอามือออกไป” เสียงกร้าวเอ่ยออกคำสั่ง
“ฉะ ฉัน อาย”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น พวงแก้มแดงปลั่งด้วยสีเลือดฝาด ดวงตากลมโตไหววูบไม่กล้าสบตาคนตัวสูงที่ยืนออกคำสั่ง แต่แล้วความอายที่มีก็เหมือนจะสะดุ้งหนีกับคำดูถูกของเขาอีกครั้ง
“หึ ผู้หญิงที่เอาตัวแลกเงินอย่างเธอ ยังมีความอายอยู่อีกเหรอ”