ตอนที่ 1 ความจำเป็น
สามวันก่อนหน้า
“ออเดอร์จีสองหนึ่งห้าได้แล้วค่ะ” เสียงเจ้าของร้านอาหารเอ่ยเรียกพนักงานส่งอาหารที่มายืนรออยู่หน้าร้าน
พนักงานสาวยื่นมือออกไปรับออเดอร์ด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม แล้วนำถุงอาหารไปใส่ไว้ในกล่องที่ผูกติดกับท้ายรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อนำไปส่งลูกค้าที่สั่งผ่านบริการออนไลน์ให้ทันเวลา
ทุกวันหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดชะเอมก็จะมารับจ็อบหางานเสริม เนื่องจากความอาภัพ พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็กจึงทำให้อยู่กับยายเพียงแค่สองคน และตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอก็ต้องหางานทำเพื่อนำไปเป็นค่าเล่าเรียน และเลี้ยงดูผู้เป็นยายที่มีโรคประจำตัวซึ่งอยู่บ้านร้อยพวงมาลัยส่งขายตลาด รายได้ต่อวันก็แค่ร้อยสองร้อย
ตอนนี้เธอเรียนอยู่ปีที่สามคณะคหกรรมศาสตร์ สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง
ชะเอมมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะมีร้านอาหารเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็ก หวังว่าเรียนจบแล้วจะสามารถเก็บเงินได้สักก้อนและเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง จะได้มีเงินเลี้ยงดูยาย ไม่ต้องมาร้อยพวงมาลัยให้หลังขดหลังแข็งอีกต่อไป
หลังจากส่งอาหารเสร็จก็ต้องรีบกลับบ้านไปอาบน้ำ เตรียมตัวไปทำงานเสริมอีกที่หนึ่ง
“ยายจ๋า หนูไปทำงานก่อนนะคะ กับข้าวหนูวางไว้บนโต๊ะ กินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาด้วยนะจ๊ะ”
“เดินทางกลางค่ำกลางคืนก็ระวังอันตรายล่ะ ยายเป็นห่วง”
“จ้ะยาย”
หญิงสาวเดินเข้าไปสวมกอดแล้วหอมแก้มผู้เป็นยายหนึ่งฟอด เพื่อเติมกำลังใจก่อนจะออกไปทำงานเสริมในช่วงค่ำ
ชีวิตในแต่ละวันดำเนินไปแบบเรียบง่าย เช้าไปเรียน ถ้าช่วงบ่ายไม่มีเรียนก็จะไปรับจ้างที่ร้านคาเฟใกล้กับมหาวิทยาลัย เดินเท้าไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึง
ช่วงเย็นชะเอมก็จะไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง ซึ่งรุ่นพี่ที่รู้จักได้ฝากฝังให้เข้าทำงานที่นั่น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนรวยจึงให้ทิปหนัก ส่วนช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ก็จะรีบเคลียร์งานที่ได้รับจากอาจารย์ เสร็จแล้วก็จะออกไปขับรถส่งอาหาร ตกเย็นก็ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเหมือนเดิม วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน
จนกระทั่ง…
“ยายจ๋า ยายเป็นอะไร ฮึก ยายจ๋า ยายได้ยินหนูไหม” เสียงสั่นเครือร้องเรียกผู้เป็นยายพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงอาบแก้มเป็นสาย
ขณะที่ชะเอมกำลังจะออกไปเรียน และในทุกวันยายก็มักจะเดินมาส่งที่หน้าประตูบ้าน แต่วันนี้จู่ ๆ ก็เป็นลมล้มพับไป เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เธอรู้สึกตกใจกลัว มือที่สั่นเทาเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรเรียกรถพยาบาล
เนื่องจากบ้านที่สองยายหลานพักอาศัยมีค่าเช่าถูกกว่าบ้านหลังอื่น จึงเป็นบ้านที่หลังไม่เล็กไม่ใหญ่และอยู่ซอยในสุด ทำให้ห่างไกลผู้คน ถ้าจะตะโกนเรียกให้คนช่วยก็คงไม่มีใครผ่านมาได้ยิน
และพอไปถึงโรงพยาบาล เธอก็แทบล้มทั้งยืนกับประโยคที่หมอออกมาแจ้ง
“คนไข้มีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ต้องได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจโดยด่วนครับ ตอนนี้หมอทำได้เพียงรักษาด้วยยาประคับประคองอาการไปก่อน”
*****
@ SA9 Pub and Restaurant
ชะเอมกลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากยายเข้าโรงพยาบาลได้สองวัน
เนื่องจากหมดเวลาเข้าเยี่ยมยายของเธอ ชะเอมจึงทำได้เพียงตั้งสติและกลับมาทำงานหาเงิน เธอยังพอมีความหวัง ขอแค่หาเงินได้มากพอก็จะสามารถพายายไปปลูกถ่ายหัวใจกับโรงพยาบาลเอกชนได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเข้าคิวรอโดยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้รับหัวใจดวงใหม่ทันเวลาหรือเปล่า
“พี่จีจี้คะ หนูอยากหาเงินหนึ่งล้านให้ได้เร็วที่สุด พอจะมีวิธีช่วยหนูไหมคะ”
ชะเอมถามสาวรุ่นพี่ด้วยสีหน้าที่คิดไม่ตก และจีจี้ก็คือรุ่นพี่ที่ฝากเธอให้เข้ามาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่เอสเอไนน์
“ไอ้วิธีหาเงินมันก็พอมีอยู่หรอก แต่ว่าเราจะทำเหรอ”
“ทำค่ะ ไม่ว่างานอะไรหนูก็ไม่เกี่ยง หนูอยากได้เงิน ให้ไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนหนูก็ยินดี”
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า ช่วงนี้สีหน้าชะเอมดูเครียด ๆ นะ”
“ยายหนูต้องรีบผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจน่ะค่ะ แต่พี่ก็รู้ว่าถ้าเข้าคิวรอรับหัวใจจากผู้บริจาคก็อาจจะไม่ได้ผ่าตัด หนูไม่อยากรอ หนูอยากพายายไปโรงพยาบาลเอกชน”
จีจี้เห็นสาวรุ่นน้องเป็นห่วงยายก็เกิดสงสารจับใจ รู้จักกันมาก็สามปีตั้งแต่ชะเอมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก เธอเป็นเด็กเรียบร้อย เอาการเอางาน และกตัญญูรู้คุณ แต่งานที่จะแนะนำให้มันไม่เหมาะกับหญิงสาวที่บริสุทธิ์ทั้งกายและใจอย่างชะเอมเลย
“ช่วยหนูหน่อยนะคะ หางานอะไรก็ได้ให้หนูทำ หนูอยากหาเงินให้ได้เร็วที่สุด”
ชะเอมคว้ามือของสาวรุ่นพี่มากอบกุม ดวงตากลมเอ่อคลอไปด้วยน้ำสีใส กลางอกของเธอรู้สึกจุกเมื่อนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นยายที่ยังนอนอยู่โรงพยาบาล
“งานที่ได้เงินเร็วน่ะไม่ต้องไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนหรอก ดูอย่างพวกอีพริ้งสิ” จีจี้ยกตัวอย่าง
และนั่นก็ทำให้ชะเอมเข้าใจในทันที พริ้งคือสาวรุ่นพี่ที่ทำงานเป็นสาวนั่งดริงและมักจะรับบริการไซด์ไลน์ไปต่อกับลูกค้าข้างนอก
“งานสบาย รายได้ดี แต่เปลืองตัวจะทำรึเปล่า”
“มันได้ครั้งละเท่าไหร่คะ”
“อย่างอีพวกนั้นก็ได้คืนละสองพันถึงหนึ่งหมื่น ถ้าโชคดีหน่อยได้เสี่ยเลี้ยงก็เปย์ไม่อั้น ได้ทั้งเงิน ทั้งรถ ทั้งบ้าน ชีวิตสุขสบายไปทั้งชาติ คนที่มันทำแล้วได้ดีก็ออกงานกันไปตั้งหลายคน แต่ก็อย่างว่าถ้าคนมันโชคดีนะ ถ้าโชคร้ายก็กลายเป็นเมียน้อย โดนเมียหลวงตามทำร้ายร่างกายและประจานกันอย่างในข่าว”
ชะเอมฟังมาถึงตรงนี้ก็นิ่งงันอย่างใช้ความคิด ถ้าใช้เรือนร่างของเธอหาเงินได้เร็วขนาดนั้นมันก็น่าลองเสี่ยง แค่กลั้นใจทำเพียงไม่กี่ครั้งให้พอได้เงินมารักษายายก็จะเลิกทำ
ศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิง แลกกับชีวิตของผู้เป็นยาย ถ้าต้องให้เลือกเธอก็คงจะเลือกอย่างหลัง
“ตกลงค่ะ หนูจะทำ”