บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 ไม่ถูกที่และไม่ถูกใจ

ธีรวัฒน์เหยียบคันเร่งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ผู้หญิงคนนั้นอ้างสิทธิ์ความเป็นเมียอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่อย่าคิดว่ามีทะเบียนสมรสไว้นอนกอดแล้วจะหยุดเขาได้ ถ้าไม่เป็นเพราะถูกผู้ให้กำเนิดบังคับให้จดทะเบียนในวันแต่งงานแล้วล่ะก็ ไม่ว่าหน้าไหนก็ไม่มีวันกักขังตนเอาไว้ได้ ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนคิดจะมาเรียกร้องอะไรมากมาย แค่ทุกวันนี้ก็มากเกินพอแล้ว

“ลูกพีช ออกไปกินข้าวกัน” ชายหนุ่มเอ่ยชวนอดีตคนรักโดยไม่แคร์ว่าใครจะคิดและมองยังไง

“แล้วเมียวินจะไม่โกรธเอาเหรอคะ?” พิชญดาแสร้งจีบปากจีบคอถาม ทั้งที่กำลังดีใจจนเนื้อเต้น นี่คือคำตอบได้ดีแล้วว่าเขาแคร์ใครมากกว่ากัน

“ผมไม่สน ผู้หญิงที่ทำท่าใสซื่อเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เวลาอยู่กับผมกลับทำตัวอีกอย่าง” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำ ผู้หญิงเสแสร้งแบบนั้นอย่าคิดว่าจะมองไม่ออก

“จริงสินะคะ เมื่อวันแต่งงานเธอยังว่าลูกพีชอยู่เลย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองราวกับกำลังสมเพชตนเอง

“พูดอะไร ทำไมคุณไม่บอกผม”

“ตอนที่ลูกพีชขอคุยกับเธอน่ะค่ะ เธอพูดว่าคนอย่างลูกพีชไม่ปัญญาท้องได้ แต่วินอย่าถือสาเลยนะคะ ลูกพีชเข้าใจว่าคนกำลังท้องอารมณ์อาจจะอ่อนไหวเป็นธรรมดา” พิชญดาเหยียดยิ้มบริเวณมุมปาก แค่ใส่ไฟนิดๆ หน่อยๆ ยังไงผู้ชายตรงหน้าย่อมเชื่อเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่น

“กล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง กลับไปเมื่อไหร่ได้เห็นดีกันแน่!” แนวกรามคมบดเบียดเข้าหากันจนเป็นสันนูนด้วยความโกรธ เขาจะสั่งให้เธอได้รู้สำนึกบ้างว่าโทษฐานกล้าพูดจาล่วงเกินคนรักของตนจะได้รับผลตอบแทนยังไง แม้จะเป็นการล่วงเกินทางวาจาก็ตาม

“ขอบคุณนะวินที่ยังเห็นใจลูกพีช ลูกพีชคิดว่าวินจะไม่เชื่อซะแล้ว” หญิงสาวแสร้งตีหน้าเศร้า นึกดีใจที่อดีตคนรักให้ความสำคัญและเห็นตนในสายตา

“ทนหน่อยนะลูกพีช ผมสัญญาว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกออกมาเมื่อไหร่ผมจะเลี้ยงลูกเองแล้วหย่าทันที” คำมั่นสัญญาที่คนฟังแทบกรีดร้องออกมาดังๆ ด้วยความดีใจ อยากให้อีกฝ่ายมาได้ยินเหลือเกินว่าระหว่างตนเองกับผู้หญิงไร้ค่าแบบมัน ใครสำคัญกว่ากัน

“อีกหลายเดือนเลยนะวิน ลูกพีชกลัวว่าวินหลงผู้หญิงคนนั้นจนไม่กลับมาหาลูกพีชแล้ว”

“จะไม่มีวันนั้นแน่” คนใจร้ายเน้นเสียง คนอย่างเขาน่ะหรือจะรักผู้หญิงชืดแบบนั้นได้ลง

“ลูกพีชรักวินนะ” ริมฝีปากอิ่มกดลงมาบริเวณปลายคางสากเป็นการตอบแทนในความรักที่คนรักมีให้ เธอไม่อายและไม่สนใจหากใครจะมองว่าทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก ในเมื่อเธอมาก่อน นังผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นต่างหากที่แย่งคนรักตนไป

เวลาเกือบตีสอง ภัทรสรยังคงนั่งรอสามี ระหว่างนั้นหญิงสาวหยิบหนังสือเกี่ยวกับแม่และเด็กมาอ่านฆ่าเวลา เธออยากเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด

เสียงลูกบิดประตูห้องนอนถูกเปิดออก ตามด้วยร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาด้วยอาการที่บ่งบอกว่าหน้าแดงก่ำเหมือนคนเพิ่งผ่านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มา หมาดๆ โชคยังดีที่สามารถขับรถกลับมาถึงบ้านได้

“คุณวิน” หญิงสาวรีบตรงไปประคองสามีที่มีสภาพไม่ค่อยจะมั่นคงนัก

“ไม่ต้องยุ่ง” ธีรวัฒน์สะบัดตัวออก ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจมาให้ “อยู่กับฉันแค่สองคนไม่จำเป็นต้องเสแสร้งก็ได้นี่ เผยธาตุแท้เธออกมาสิ”

“คุณหมายถึงอะไรคะ?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อสาร

“ฮึ! เก่งจริงๆ นะเรื่องแสดงละคร” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“คุณวินเมามากแล้วนะคะ ไปนอนเถอะค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยความหวังดี พูดจากับคนเมารังแต่จะเปล่าประโยชน์

“เธอคงไม่รู้สิว่าคนเมาชอบพ่นความจริงออกมา อยากเป็นเมียฉันจนตัวสั่นไม่ใช่เหรอ...ได้” สิ้นเสียงเจ้าของคำพูดก็ย่างสามขุมเข้าหาชนิดที่ว่าไม่ตรงทาง พอเดินมาถึงมือหนาก็คว้าร่างของผู้หญิงเสนอหน้าเข้าหา ซุกไซ้ใบหน้าลงไปยังซอกคอขาวเนียนอย่างไม่ปราณีราวกับต้องการสั่งสอน

“คุณวิน แนนเจ็บนะคะ” เสียงหวานร้องประท้วงออกไป

“อยากได้เบาๆ แบบที่คุยกับหมอวันนี้หรือเปล่าล่ะ ฉันจะจัดให้” พูดจบก็เปลี่ยนพื้นที่มายังริมฝีปากอิ่ม บดจูบลงไปด้วยความนุ่มนวลและเริ่มขยี้รุนแรงขึ้นเมื่อผู้หญิงอวดดียังคงปิดปากสนิทไม่ยอมให้รุกล้ำเข้าไปง่ายๆ จากต้องการแกล้งกลายเป็นอารมณ์เตลิดไปไกลเมื่อได้สัมผัสกับความหอมหวาน ริมฝีปากหยักไล่ต่ำลงไปยังบริเวณเนินอกอิ่ม ทว่ายังไม่ทันได้ทำในสิ่งที่ต้องการ น้ำเสียงสั่นๆ ก็ปลุกคนเมาไม่ได้สติให้ตื่นจากภวังค์

“พะ...พอเถอะค่ะคุณวิน แนนกลัว”

“ทำเป็นเล่นตัว คิดว่าฉันพิศวาสเธอนักหรือไง แค่อารมณ์ค้างมาจากลูกพีช” นัยน์ตาแดงก่ำจ้องมองมาพร้อมกับพ่นคำพูดใส่อย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ

“ทำไมต้องพูดจาดูถูกแนนตลอดเวลาคะ แนนไปทำอะไรให้คุณนักหนา” ดวงตากลมมองผู้เป็นสามีซึ่งทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างอย่างหมดสภาพ สองมือเล็กเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายออก พยายามจัดแจงให้เขาได้นอนในท่าที่สบายก่อนจะผละไปหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้

“ภัทรสร ฉันเกลียดเธอ” เจ้าของเสียงทุ้มละเมอออกมาโดยไม่รู้ตัว ทว่าบาดลึกเข้าไปในจิตใจของคนฟัง สองเท้าที่กำลังก้าวเดินชะงักอยู่กับที่ หยาดน้ำใสกลิ้งลงมาจากดวงตาคู่สวย ความรักที่เธอมีให้ไม่เคยส่งไปถึง แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความเกลียดชังที่ถูกหยิบยื่นมาจากผู้ชายใจร้ายเช่นเขา

“แนนไม่เคยหวังให้คุณมารักแนนหรอกค่ะ ขอแค่วันนี้แนนได้ยืนอยู่ข้างๆ คุณก็พอ”

แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอนปลุกให้คนหลับลึกมาตลอดทั้งคืนเปิดเปลือกตาขึ้น ร่างสูงใหญ่ยันกายลุกจากเตียงเพื่อสะบัดศีรษะไล่ความงุนงง ดวงตาคมก้มลงมองชุดนอนที่ตนเองสวมใส่ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเมียนอกหัวใจนั่น

“อ้อย คนบ้านนี้ไปในกันหมด” ธีรวัฒน์เดินลงมายังชั้นล่างพร้อมตะโกนเรียกหาสาวใช้ในบ้านเสียงดัง

“คุณท่านกับคุณวีวี่ออกไปบริษัทแล้วค่ะคุณวิน ส่วนคุณแนนกำลังทำข้าวต้มอยู่ในครัว” อ้อยรีบกุลีกุจอมาให้คำตอบเจ้านายซึ่งรู้กิตติศัพท์ในเรื่องอารมณ์กันเป็นอย่างดี

“อืม….หาอะไรมาให้กินหน่อย” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ปวดหัวจนคิดว่ายังไงวันนี้คงไปทำงานไม่ไหวแน่

“เอ่อ...ทานข้าวต้มก่อนสิคะคุณวิน แนนเพิ่งทำเสร็จ กำลังร้อนๆ เลยค่ะ” เจ้าของร่างบางเดินตรงเข้าพร้อมกับถ้วยข้าวต้มในมือ ไอร้อนที่พวยพุ่งออกมาเสมือนต้องการยืนยันคำว่าเพิ่งตักขึ้นจากหม้อ

“ฉันสั่งหรือไง ไม่ต้องมาทำดีให้ฉันเห็นใจหรอกนะ” ปากพูดแต่สายตากลับไม่แม้แต่จะเหลือบมองมาสักนิด

“แนนทราบดีค่ะว่าคุณวินไม่ได้สั่ง แต่ได้ทานอะไรร้อนๆ น่าจะรู้สึกดีขึ้น” ภัทรสรตอบกลับไปเสียงเบา เธอคงผิดตั้งแต่เกิดมาเป็นคนให้เขาย่ำยีแล้ว

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ ฉันจะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกที่ไหน มันเกี่ยวอะไรกับเธอ!” น้ำเสียงตะคอกจากคนไร้เหตุผลดังขึ้นอีกครั้ง ไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกขวางหูขวางตาไปหมด

“ถ้าคุณวินไม่อยากทานก็ไม่เป็นไร แนนวางไว้ตรงนี้แล้วกันค่ะ เผื่อคุณจะหิว”

“ไม่ต้อง ฉันบอกแล้วไงว่าไม่กิน อยากลองดีนักใช่ไหม” พูดจบคนผีเข้าผีออกก็เดินเข้ามาหยิบถ้วยข้าวต้มที่ผู้เป็นภรรยาเพิ่งวางไว้บนโต๊ะขึ้นมาเทใส่ถังขยะซึ่งอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นต่อหน้าอย่างไม่คิดจะไยดี

“คุณวิน” ภัทรสรเรียกชื่อคนตรงหน้าพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าอึ้งๆ เธอทำผิดร้ายแรงขนาดนี้เลยหรือ

“ถ้าไม่ได้สั่ง ไม่ต้องยุ่ง” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ว่าที่คุณแม่ก็หันหลังกลับวิ่งออกไปบนห้อง ทำไมเขาต้องทลายความหวังดีของเธอจนหมดสิ้น วงหน้าสวยซุกลงกับหมอนระบายความอัดอั้นในอก ปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาเป็นการตอกย้ำให้รับรู้ว่าสิ่งที่ทำไร้ค่าไร้ความหมายในสายตา

‘ทำเกินไปหรือเปล่าวะ’ ดวงตาคมเข้มมองตามร่างบางไปด้วยความคิดที่สับสนและไม่เข้าใจตัวเอง แต่สุดท้ายความรังเกียจก็กลับเข้ามาครอบงำก่อนจะตะโกนเรียกสาวใช้อีกครั้งเสียงดังลั่น “อ้อย อ้อย”

“ขาคุณวิน”

“บอกให้ไปหาอะไรมาให้กินหน่อยไง” ธีรวัฒน์ย้ำคำสั่งหลังจากตอนนี้ลำไส้เริ่มส่งเสียงร้องประท้วง

“คือ...ตอนนี้ไม่มีอะไรเลยค่ะคุณวิน” อ้อยตอบเจ้านายหนุ่มเสียงอ้อมแอ้ม

“จะไม่มีอะไรได้ยังไง” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย

“ป้าจิตออกไปตลาดอยู่ค่ะ อีกอย่างหมูสับที่เหลือติดตู้เย็นคุณแนนก็เอามาทำให้คุณวินทานแล้ว แต่...” อ้อยให้คำตอบพร้อมเหลือบสายตาไปตรงจุดที่วางถังขยะเป็นเชิงบอกให้รับรู้ว่านั่นคือตัวเลือกสุดท้ายก่อนจะถูกเททิ้งไป

“เออ...โธ่โว้ย ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่ได้เรื่องสักอย่าง” คนพาลระเบิดอารมณ์ออกมาเสียงดัง มือหนายกขึ้นมาเสยผมลวกๆ แล้วเดินไปด้านนอกด้วยอาการที่บ่งบอกว่า โมโหหิวสุด ๆ

“คุณวินนี่ท่าจะแปลก ก็เมียตื่นมาทำข้าวต้มให้อย่างดีกลับเทลงถังขยะซะอย่างงั้น ไม่อยากทานก็บอกอ้อยสิคะ หน้าตาน่ากินขนาดนั้น” อ้อยอดบ่นตามหลังผู้เป็นเจ้านายไม่ได้ สงสารคุณผู้หญิงของบ้านที่ต้องมารองรับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของอีกฝ่าย แต่สาวใช้อย่างตนไม่อาจก้าวก่ายเรื่องของเจ้านาย ความคิดมาพร้อมกับการเดินเลี่ยงไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel