บทที่ 1. ผู้ชายของแม่เลี้ยง
เมวีก้าวฉับๆ เข้าไปในบ้านหลังงามใหญ่โตโอ่อ่าที่แวดล้อมด้วยสนามหญ้าเขียวขจีและต้นไม้ดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งได้งดงามลงตัวพร้อมสระว่ายน้ำและฟิตเนสทันสมัย หญิงสาวมองแม่บ้านวัยห้าสิบเศษซึ่งอยู่ที่นี่มานานกับสาวใช้หน้าตาเด๋อด๋าซึ่งออกมาต้อนรับเธอด้วยร่อยยิ้มตื่นเต้นดีใจผิดกับเจ้านายสาวที่ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว คุณหนูเมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีแน่นอนและเธอก็พร้อมจะพาลเกเรกับทุกคน...
“คุณทัศยาอยู่ไหน”
“เอ่อ...” ดาวเรืองสาวใช้หน้าตาบ้านๆ วัยเฉียดเลขสามเงอะงะพูดติดๆ ขัดๆ ท่าทางดูมีพิรุธจนเมวีนึกเคือง และพาลคิดไปว่าทุกคนในบ้านอาจจะรู้เห็นเป็นใจกับแม่เลี้ยงของเธอกับผู้ชายคนใหม่ หรือไม่ก็ไม่กล้าบอกเธอว่าคุณทัศยาอยู่ที่ไหนเพราะกลัวว่าเธอจะเห็นภาพที่ไม่งาม แต่จะอะไรก็ตามแต่เธอกำลังโกรธ...
“คุณหนูมาเหนื่อยๆ ป้าว่าคุณหนูขึ้นไปพักผ่อนก่อนดีมั้ยคะ”
“ไม่ค่ะ หนูเมจะหาคุณยา ป้าอ้อยไม่ต้องมาเบี่ยงเบนประเด็นนะคะ บอกมาว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน”
“ตอนนี้คุณยาเธอไม่สบายค่ะ พักผ่อนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นกับ...”
“กับผัวใหม่ใช่มั้ย ป้าบอกหนูเมมานะ” ไม่ทันที่ป้าอ้อยแม่บ้านผู้อารีจะพูดจบเมวีก็พูดสวนขึ้นมาด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผู้ที่เป็นพี่เลี้ยงคุณหนูเมมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน…
“คุณหนูเม ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ พูดไม่เพราะเลย อ้าวคุณหนูขา กลับมาก่อนค่ะ โอ๊ย เด็กสมัยนี้... อกอีอ้อยจะแตก เอิ๊กกก...”
ป้าอ้อยร้องเรียกคุณหนูของตนอย่างตำหนิแล้วทำท่าจะเป็นลมล้มพับหากดาวเรืองไม่เข้ามาประคองให้นางไปนั่งที่บันไดหินอ่อนหน้าบ้าน...
“นี่พวกคุณกำลังทำอะไรกัน...” เมวีแผดเสียงลั่นเมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่นกว้างขวางซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนที่เธอชอบที่สุดของบ้านนอกจากสระว่ายน้ำนั้นเธอเห็นแม่เลี้ยงของตนกำลังกกกอดอยู่กับชายหนุ่มซึ่งเธอมั่นใจว่าเขาคือคนเดียวกันกับในรูปที่บารมีเอาให้เธอดูเมื่อตอนกลางวัน แม้เธอจะเห็นเขาแค่เพียงแผ่นหลังกว้างแกร่งนั่นก็ตาม...
ส่วนคนที่กำลังกอดกันกลมนั้นหันมามองเธอเหมือนเป็นสิ่งแปลกประหลาด ซ้ำเมื่อผู้ชายของแม่เลี้ยงเธอหันมาเขาก็มองเธอด้วยแววตาเหมือนจะขบขันและเหยียดหยันอยู่ในทีซึ่งมันทำให้สาวมั่นอย่างเมวีแทบอยากจะเข้าไปตะกุยหน้าหล่อๆ นั่นให้สาสมแก่ความแค้นใจ แต่ดูเหมือนคนที่กอดกันกลมในบ้านของเธอกลับไม่มีท่าทางตกใจที่โนเธอจับได้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันที่ไม่ดีไม่งามในบ้านของเธอ
ออสการ์ ดาซิลวา มอริสซิโม มองหญิงสาวในชุดรัดรูปสีสดใสที่เน้นสัดส่วนของวัยสาวอย่างชัดเจนนั้นด้วยแววตาเหยียดหยัน เมวี หรือคุณหนูเมที่ทุกคนในบ้านหลังนี้กล่าวถึงว่าน่ารักอ่อนโยนเป็นเด็กดีที่ทุกคนต่างรักใคร่เอ็นดูเธอราวแก้วตาดวงใจ แม้แต่คุณทัศยาผู้เป็นแม่เลี้ยงเองก็รักเธอราวกับลูกแท้ๆ และพูดเรื่องของเมวีให้เขาฟังอยู่เสมอ แต่พอเจอตัวจริงเสียงจริงออสการ์มีความรู้สึกเดียวให้กับเธอนั่นก็คือ รังเกียจ ผู้หญิงที่แต่งตัวยั่วยวนผู้ชายไปวันๆ งานการไม่รู้จักทำรู้จักแค่ใช้เงินอย่างเดียวเช่นเมวี...
“อ้าวหนูเม ไหนว่าจะกลับมาเดือนหน้าล่ะคะ แล้วนี่กลับมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
คุณทัศยา ถามอย่างตื่นเต้นดีใจ ร่างผอมบางของนางลุกขึ้นจากโซฟาเบดตัวใหญ่เดินมาหาเธอด้วยความคิดถึง แต่สำหรับเมวีเธอกลับคิดว่าผู้สูงวัยเสแสร้งมากกว่า เธอจึงปัดมือบางที่กำลังจะเอื้อมมาจับตัวตนออกอย่างแรงด้วยความรังเกียจคนที่ทรยศความรักที่บิดาของเธอมีให้
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน เอามือสกปรกของคุณออกไปห่างๆ ตัวฉัน...” เมวีแผดเสียงใส่จนคุณทัศยาสะดุ้งด้วยความตกใจและเซน้อยๆ เหมือนจะล้มเพราะแรงปัดของเมวี ชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากนางนักจึงถลาเข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วงท่าทางที่เขาแสดงออกต่อคุณทัศยานั้นช่างอ่อนโยนและเอาใจใส่ยิ่งทำให้เมวีเดือดดาล
“มันจะมากเกินไปแล้วนะเมวี...” ชายหนุ่มกล่าวด้วยภาษาไทยชัดเจน น้ำเสียงแข็งกระด้างเย็นชารวมไปถึงดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มภายใต้คิ้วหนาเรียวยาวของเขาก็กร้าวไม่ต่างกันแต่หญิงสาวกลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ก็ผู้หญิงคนนี้เสือกจะมาจับตัวฉันทำไมล่ะ ฉันไม่คิดจะให้มือสกปรกๆ ของผู้หญิงแพศยามาแตะต้องตัวฉันหรอกนะ รู้เอาไว้ด้วย...”
“คุณหนูเม!!!” ป้าอ้อยซึ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ว่าจะเป็นไปอย่างไรพูดขึ้นพร้อมกันกับคุณทัศยาที่มองหญิงสาวซึ่งนางรักเหมือนลูกแท้ๆ อย่างเจ็บปวดและเสียใจ
“มานี่เลยค่ะคุณหนูเม ทำไมพูดอย่างนี้ขอโทษคุณยาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ไม่อย่างนั้นป้าอ้อยจะลาออกจากที่นี่”
“นี่ป้าอ้อยก็เข้าข้างผู้หญิงคนนี้เหรอคะ ทั้งๆ ที่เขาพาผู้ชายมากกถึงในบ้านของหนูเม หยามน้ำใจคุณพ่อของหนูเม หรือว่าตอนนี้ทุกคนไม่รักหนูเมแล้ว...”
เมวีกล่าวอย่างน้อยใจมองป้าอ้อยอย่างตัดพ้อ ซึ่งพอเจอแววตาที่คลอๆ ด้วยน้ำใสๆ ของคุณหนูที่นางรักปานดวงใจป้าอ้อยก็นึกสงสารแต่สิ่งที่คุณหนูของนางทำก็ไม่ถูกและไม่น่ารักเอาเสียเลย...
“ป้าอ้อยพาคุณหนูเมไปพักผ่อนเถอะจ้ะ ฉันไม่เป็นไรหรอก ออสการ์พาแนนนี่ขึ้นข้างบนที”
“แต่ว่า...”
“อย่าถือสาคุณหนูเมเลย เราไปกันเถอะ...” คุณทัศยาบอกอย่างอ่อนเพลียและเห็นว่าแม้จะอธิบายอะไรไปในตอนนี้เมวีก็คงไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น ชายหนุ่มพาคุณทัศยาเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างเสียไม่ได้หากแต่ชายหนุ่มก็หันกลับมามองหญิงสาวที่กอดอกเชิดหน้ามองเขาอย่างท้าทายและเหยียดหยันอย่างหมายใจไว้ว่าเขาจะทำให้เธอรู้สึกนึกว่าอย่าแตะต้องคนที่เขารักไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการกระทำ...
“โอ๊ยๆ ป้าอ้อยขา หนูเมเจ็บนะคะ” เมวีร้องออกมาด้วยความเจ็บและแสบนิดๆ เมื่อป้าอ้อยผู้ที่เธอรักเหมือนแม่คนที่สองบิดต้นแขนเรียวอย่างลงโทษ ซึ่งเมวีเองก็ไม่ปัดป้อง หากเป็นคนอื่นเธอก็คงไม่ยอมและอาจจะสวนกลับไปแล้วแต่นี่เพราะป้าอ้อยเป็นคนที่เธอรักและเคารพมาเสมอ ทั้งนางก็ดูแลเธอมาอย่างดีตั้งแต่มารดาเสียชีวิตตอนนั้นเธอเพิ่งอายุสิบขวบ ก่อนที่บิดาจะแต่งงานใหม่เมื่อเธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย
“ก็คุณหนูทำตัวไม่น่ารักเลยนี่คะ พูดแบบนั้นกับคุณยาได้อย่างไรกัน”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะในเมื่อคุณยาคนดีของป้าเขาพาผู้ชายมากกกันหยามคุณพ่อของหนูเมนะคะ...” เมวียังเถียงไม่ลดละ เพราะสิ่งที่เธอรับรู้มามันทำให้เธอโกรธจนไม่ฟังเหตุผลหรือคำพูดของใคร
“แล้วคุณหนูได้ข่าวมาจากไหน หรือใครบอกล่ะคะว่าคุณออสการ์เธอเป็นผู้ชายของคุณยา”
“ก็... เอ่อ คือหนูเม...” เมวีอึกอักทำให้ป้าอ้อยส่ายหน้ากับความใจร้อนวู่วามของเจ้านายสาว เมวีเป็นหญิงสาวที่สวย เก่งฉลาดและรวยมาก ตามสูตรของสาวไฮโซ แต่นิสัยที่เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีของเธอก็ทำให้ป้าอ้อยอยากได้เด็กหญิงหนูเมคืนมา แต่นางก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณหนูของนางคงไม่ใช่คนโง่จนมองไม่ออกหรอกว่าใครที่หวังดีกับเธอใครที่คิดร้ายกับเธอเพียงแต่ตอนนี้เมวีอาจจะกำลังโมโหจนไม่ฟังอะไรมากกว่า...
“ว่าไงล่ะคะ ไปฟังใครเขามา” ป้าอ้อยคาดคั้น
“โธ่.. ป้าขา หนูเมจะฟังหรือรู้มาจากใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่หนูเมเชื่อว่าสองคนนั่นต้องมีอะไรเกินเลยกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะค่ะดูแค่ท่าทางก็รู้...” หญิงสาวเริ่มงอแงและไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆ ก็คิดว่าเธอมองคนผิด...
“ทำไมคุณหนูมองคนแค่ภายนอกล่ะคะ หากมีใครสักคนว่าคุณหนูกับผู้ชายคนนั้นมีอะไรเกินเลย ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเหมือนผู้หญิงข้างถนน เป็นผู้หญิงแพศยาแย่งสามีคนอื่นล่ะคะ คุณหนูจะว่าอย่างไร จะโกรธคนที่พูดมั้ย...” ป้าอ้อยกล่าวด้วยการยกตัวอย่างที่เป็นจริงบางเรื่องขึ้นมาโดยที่เมวีไม่ทันได้สังเกตตอนนี้เธอมองเห็นเพียงบารมีเท่านั้นที่ดีกับเธอ
“ถ้าผู้ชายคนนั้นที่ป้าหมายถึงพี่บิ๊กล่ะก็ หนูเมยังไม่เคยปล่อยตัวไปกับเขานะคะและเขาก็ยังไม่มีลูกไม่มีภรรยาด้วย ใครจะมากล่าวหาหนูเมแบบนั้นได้ล่ะคะ”
“มันเป็นสิ่งที่ฟังแล้วทำให้ป้าเหลือความภาคภูมิใจในตัวคุณหนูอยู่มากเลยค่ะ” ป้าอ้อยพูดเหมือนประชดกรายๆ
“ป้าอ้อยน่ะ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ หนูเมขอโทษก็ได้ที่ทำตัวไม่น่ารัก ป้าอ้อยอย่าโกรธหนูเมนะคะ หากป้าอ้อยไม่รักหนูเมแล้วใครจะรักหนูเมล่ะคะ...”
เมวีรู้ตัวว่าทำให้คนที่รักเสียใจจึงเข้ามาโอบกอดร่างอวบๆ ของป้าอ้อยไว้ เธอก็เหมือนเด็กที่ขาดความอบอุ่น ขาดมารดาที่คอยรักและเอาใจใส่ แต่ป้าอ้อยคือคนที่เธอยึดติดแทนมารดามาตลอดชีวิตและนางก็รักเธอเหมือนลูกแท้ๆ เพราะป้าอ้อยไม่มีลูกหรือสามีซึ่งป้าอ้อยคือคนที่เธอเกรงใจมากรองมาจากบิดาผู้ล่วงลับ
“ป้าอ้อยน่ะรักคุณหนูมากนะคะ และป้าก็อยากให้คุณหนูเป็นคนดี และมีความสุขอยู่ในโลกใบนี้ได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีป้าคุณหนูก็จะได้ไม่ลำบาก”
“โธ่.. ป้าขาอย่าพูดแบบนี้ไม่เอาหนูเมไม่ให้พูดแบบนี้” หญิงสาวกอดนางแน่นเข้าไปอีกซบคางมนกับบ่าของป้าอ้อยอย่างออดอ้อนแสนรัก...
