18 มันเป็นเรื่องธรรมชาติ
เมื่อช่วยจนนฤดลได้ปลดปล่อยออกมาแล้วมีนาก็รีบลงจากเตียงของเขาและกลับมายังห้องของตนเอง หลังจากล้างมือที่เลอะไปด้วยคราบสีขาวขุ่นแล้วหญิงสาวก็ล้มตัวลงนอน แต่ใช่ว่าข่มตาหลับลงได้ เพราะภาพความใหญ่โตและใบหน้าของเขายามสุขสมยังคงติดอยู่ในความทรงจำ
มีนาเข้าใจดีว่าเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ต้องปลดปล่อยและเขาก็นอนโรงพยาบาลมานานถึงสองเดือนพอถูกมือเธอกระตุ้นมันก็เลยตื่นตัว แต่สำหรับร่างกายของเธอตอนนี้ไม่ได้มีใครกระตุ้นเลยแต่กลับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะเป็นไข้
กว่าหญิงสาวจะข่มตาลงได้เกือบตีสี่ เช้านี้เธอจึงมีสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
“มีนา เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ ทำไม่เช้านี้ดูเหมือนยังง่วงอยู่” ดลฤดีถามหญิงสาวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว
“ค่ะ เมื่อคืนมีนาฝันร้าย” มีนาตอบพลางหันไปมองต้นเหตุที่นั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ
“วันนี้ดลไม่ต้องออกไปไหน มีนาจะแอบนอนกลางวันก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ฤดี วันนี้มีนาว่าจะขออนุญาตกลับไปหาแม่สักหน่อย”
“ดลมีอะไรจะต้องใช้งานหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณดล มีนาจะรับไปรีบกลับนะคะ”
“สองคนนี่ดูแลกันมาสองเดือนกว่าแต่ทำไมมีนายังเรียกว่าคุณดลอยู่ล่ะ”
“ก็คุณดลเป็นเจ้านายนี่ค่ะพี่วัฒน์”
“พ่อก็ว่าแปลกนะ หรือดลห้ามไม่ให้เรียกว่าพี่”
“ผมเคยห้ามที่ไหน แต่มีนาไม่เรียกเองต่างหาก แล้วผมก็ไม่เห็นมันจะสำคัญยังไง เรียกแบบไหนก็เหมือนกันแหละครับ”
“แม่ว่าไม่เหมือนนะ มันดูห่างเหินกว่าทุกคนเลย มีนาเปลี่ยนมาเรียกพี่ได้ไหมคะ”
“มีนาแล้วแต่คุณดลค่ะ”
“ถ้าอย่างั้นดลก็ต้องแทนตัวเองว่าพี่เข้าใจไหม แม่ฟังทีไรรู้สึกว่ามันขัดหู”
“ครับแม่”
มีนาเดินตามนฤดลมาที่บ้านอีกครั้งเพื่อเอากระเป๋าสะพาย แต่ระหว่างทางเธอก็เอาแต่ก้มหน้า
“มีนาโกรธพี่เรื่องเมื่อคืนใช่ไหม” ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากถาม
“เปล่าค่ะ มีนาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย”
“แต่มีนาไม่มองหน้าพี่เลย เช้านี้ก็ไม่ยอมคุยด้วย พี่ขอโทษนะที่ทำให้มีนาลำบากใจ ถ้ามีนาจะกลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้นะ”
“ถ้าพี่ไล่มีนาก็จะกลับ”
“พี่ไม่ได้ไล่นะ มีนาอย่าเข้าใจผิด” นฤดลรีบเดินเข้ามาประชิดตัวเมื่อเห็นว่ามีนากำลังจะร้องไห้
“แต่พี่บอกว่าให้มีนากลับไปอยู่ที่บ้าน” มีนาถามด้วยเสียงสั่น ความน้อยใจกำลังถาโถมเข้ามา
“พี่หมายถึงกลับไปอยู่ที่บ้านถ้ามีนาลำบากใจจะอยู่ที่นี่ แต่ถ้ามีนาไม่ลำบากใจก็อยู่ที่นี่ อยู่กับพี่” นฤดลดึงให้เธอนั่งลงบนตักเขาสองมือประคองใบหน้างามไว้
“แล้วพี่อยากให้มีนาอยู่ไหม”
“อยากสิ”
“ถ้างั้นมีนาจะรีบไปแล้วรีบกลับ”
“ให้น้าชัยไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมีนานั่งแท็กซี่ไปเอง”
“แน่นะ อย่ารู้ว่าเดินออกไปนั่งรถเมล์”
“ค่ะ”
“มีนาจะไปทั้งวันเลยใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอกำลังใจหน่อยนะ” พูดจบนฤดลก็ก้มใบหน้ามาจนชิด เขากดริมฝีปากหยักลงมาแนบกับริมฝีปากบางสีสวย กดจูบดูดกลืนลมหายใจจนหญิงสาวนิ่งงัน
มันเป็นจูบแรกของหญิงสาวในสาววัยยี่สิบเอ็ดปี จูบของเขาช่างร้อนแรงจนหญิงสาวแทบหลอมละลาย มีนาครางประท้วงจนเขายอมปล่อยริมฝีปากร้อนออกแต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเพราะตอนนี้เขาพลิกให้เธอหันหน้าเขาหา
มือข้างหนึ่งช้อนมากอบกุมท้ายทอย ส่วนอีกมือก็รั้งให้ร่างกายของเธอแนบชิดเขายิ่งขึ้น ก่อนที่จะกดจูบลงมาอีกครั้ง ริมฝีบางถูกเขาบดจูบอย่างรุนแรงจนเธอต้องเผยอออกและเขาก็ใช้โอกาสนี้แทรกปลายลิ้นร้อนเขาไปในโพรงปากเล็ก ใช้ความชำนาญจนหญิงสาวทำตัวแทบไม่ถูก เธอยอมให้เขาเข้าไปกวาดต้อนความหวานในปากอย่างดูดดื่ม
“หวานจังมีนา”
“คุณดล พอเถอะค่ะ”
“มีนาเรียกผิดต้องโดนทำโทษนะรู้ไหม”
เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู ชายหนุ่มไล้จมูกไปมาบนแก้มเนียนก่อนที่ลิ้นร้อนจะลากไล้ไปตากซอกคอหยอกล้อไปใบหู มีนารู้สึกใจเต้นแรงหายใจไม่ทั่วท้องมือเธอจิกไปบนแขนเขาแน่น ขณะที่เขาซุกไซร้ไปตามซอกคอ เธอก็พยายามห่อไหล่หนี
“พี่ดลปล่อยมีนาเถอะค่ะ นะคะพี่ดล” หญิงสาววอนขอด้วยเสียงหวาน เธอกำลังกลัว แต่ไม่ใช่กลัวเขา มีนากำลังกลัวใจตัวเองต่างหาก
“ไม่อยากปล่อยเลย” ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนออกอย่างเสียดาย แต่ถ้าเขารุกหนักไปกว่านี้ก็กลัวว่าเธอจะไม่กลับมาหาตนเองอีก
พอนฤดลคลายอ้อมแขนออกมีนาก็รีบลุกขึ้นและวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว จนไม่สนใจจะหันมามองข้างหลังว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังมองเธอด้วยความเสียดายมากแค่ไหน
มีนานั่งแท็กซี่มายังร้านของมารดา ซึ่งเวลาสายๆ แบบนี้จะยังไม่มีลูกค้าเท่าไหร่ ที่เลือกมาหามารดาวันนี้ก็เพราะรู้จากมารดาว่าตอนนี้กิตติศักดิ์ไปสัมภาษณ์งานที่ต่างจังหวัด
“แม่ขา มีนาคิดถึงแม่จัง”
“ปากหวานมาเลยเชียว กินอะไรมาหรือยังล่ะลูก”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ไปอยู่ที่บ้านนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ เล่าให้แม่ฟังหน่อยไหม”
“คุณๆ ที่บ้านนั้นใจดีกับมีนามากเลยค่ะ มีนามีหน้าที่ดูแลคุณดลแล้วก็ทำความสะอาดบ้านในวันหยุด แต่ถ้าวันไหนต้องออกไปทำงานข้างนอกก็จะมีคนอื่นมาทำงานบ้านแทนค่ะ”
“แล้วคุณดลยังไม่หายอีกเหรอลูก”
“แขนหายดีแล้วค่ะ ยังเหลือข้อเท้าที่ลงน้ำหนักไม่ได้ ส่วนแผลที่หัวไหล่ก็เกือบจะหายแล้วค่ะ”
“สองเดือนกว่าแล้ว แผลยังไม่หายอีกเหรอมีนา”
“ค่ะ แม่ แผลใหญ่มาก เท่าฝ่ามือเลยค่ะ ช่วงแรกๆ ใช้เวลาทำแผลนานมาก มีนาเห็นแล้วสงสารเลยค่ะ”
“คงเป็นแผลเป็นใหญ่สินะ”
“ค่ะ พี่วัฒน์สามีพี่ฤดีแนะนำให้คุณดลไปหาหมอพลาสติกค่ะ เผื่อจะแก้ไขให้มันเล็กลงได้หรืออาจจะปลูกถ่ายผิวหนังแต่คุณดลบอกว่าไม่อยากเจ็บอีกแล้วก็เลยไม่ยอมไปทำค่ะ”
“โชคดีที่เขาเป็นผู้ชายไม่ต้องใส่เสื้อเปิดไหล่ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคงแย่”
“มีนาก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ เห็นครั้งแรกมีนายังตกใจ แต่พอเห็นบ่อย ทำแผลทุกวันก็เริ่มชินค่ะ”
“ลูกสาวแม่เก่งมากจ้ะ แล้วมาหาแม่วันนี้คิดถึงแม่หรือมีธุระอย่างอื่นด้วยล่ะลูก”
“มีนาจะมาขออนุญาตแม่ไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนๆ ที่คณะค่ะ ไปกันหลายคนเลยค่ะ เหมารถตู้ไป” เรื่องนี้มีนาเคยเกริ่นกับมารดาไว้นานแล้ว แต่พอจะไปจริงๆ ก็เลยมาขออนุญาตอีกครั้ง
“แม่ไม่มีปัญหาหรอก แต่หนูอย่าลืมขออนุญาตคุณท่านด้วยนะลูก อยู่บ้านท่านจะไปไหนมาไหนก็ต้องบอกท่านด้วย”
“มีนามาขอแม่ก่อนแล้วค่อยไปขอท่านค่ะ”
“จะไปวันไหนล่ะ แล้วมีเงินหรือเปล่า”
“อาทิตย์หน้าค่ะ เรื่องเงินแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มีนามีพอใช้ค่ะ”
“หนูรับเงินค่าจ้างมาเหรอลูก”
“มีนาไม่รับจากคุณฤดีค่ะ แต่คุณดลให้มีนา เขาบอกว่าไม่อยากได้รับความสงสาร เขาจ้างมีนาเดือนละสามหมื่น แต่ถ้ามีนาไม่เอาเงินเขาจะไปจ้างคนอื่น เดือนละห้าหมื่น มีนาก็เลยต้องรับ แต่มีนายังไม่ได้ใช้เงินเขาสักบาทเลยนะคะ คิดว่าถ้าเขาหายดีแล้วมีนาจะคืนให้เขา”
“แล้วไม่กลัวเขาโกรธเหรอ”
“ไม่รู้สิคะ แม่ว่าควรคืนเงินเขาไหม”
“ถ้าเขาเต็มใจให้มีนาก็ควรรับไว้ แล้วทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี เงินแค่นี้สำหรับเรามันดูมาก แต่สำหรับคนรวยๆ มันไม่ได้มากอะไรเลย”
“ถ้าอย่างนั้นมีนาจะเก็บเอาไว้ เผื่อเรียนจบแล้วมีนาจะเรียนต่อปริญญาโท แม่ว่าดีไหมคะ”
“ดีจ้ะลูก”