5. โมโหหิว
ฤกษ์แต่งงานของธันวาและรินรดาคือสามสัปดาห์ถัดมา เป็นเพราะเจ้าบ่าวโดนครอบครัวคลุมถุงชนเขาเลยไม่ได้บอกเพื่อน ๆ ให้รู้เรื่องงานมงคลสมรสนี้ เพราะกลัวว่าเจ้าเพื่อนสามคนนั้นจะเอาเรื่องของตนไปล้อยันลูกบวชว่าพ่อเพลย์บอยต้องมาตกม้าตาย สิ้นความลอยชายเพราะโดนพ่อแม่จับแต่งงาน
ถึงงานแต่งในครั้งนี้จะไม่ใช่การรักใคร่ของคู่บ่าวสาว แต่ดวงเดือนผู้เป็นแม่ย่านั้นก็ไปหาฤกษ์งามยามดีตามประเพณีไทยให้กับทั้งคู่ เพราะใจนั้นไม่อยากให้เกิดการหย่าร้างนั่นเอง
การแต่งงานในครั้งนี้ ได้มีการส่งบัตรเชิญบริษัทคู่ค้าของทั้งสองครอบครัวมาร่วมงานด้วยเพื่อที่จะได้รับรู้การรวมครอบครัวของสองบริษัท
งานมงคลสมรสถูกจัดที่โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด เชิญแขกเหรื่อมามากหน้าหลายตาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพื่อให้มาเป็นสักขีพยานการใช้ชีวิตคู่ของบ่าวสาว
และแน่นอนว่าเรือนหอของทั้งคู่ก็มีตามประเพณีเช่นกันด้วยการจัดการของดวงเดือนนั่นเอง ซึ่งสถานที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นเรือนหอนี้ก็คือบ้านขนาดย่อมของธันวา
บ้านหลังนี้ธันวาสร้างไว้ในบริเวณบ้านของทิวภพและดวงเดือน ระยะห่างจากบ้านใหญ่ประมาณสามร้อยเมตรได้ เพราะไม่อยากจะรบกวนท่านในตอนที่เขานั้นกลับเข้าบ้านเวลาดึก ๆ ดื่น ๆ ในยามที่ออกเที่ยวยามค่ำคืน ใจหนึ่งคือไม่อยากให้ผู้เป็นแม่ตื่นมาบ่นให้เขานั่นเอง
บ้านหลังนี้เขาสร้างมาได้สามปีได้แล้ว บ้านหลังไม่ใหญ่เท่าบ้านหลังใหญ่ของบิดามารดาแต่สิ่งอำนวยความสะดวกมีครบถ้วน เผลอ ๆ อาจจะมากกว่าบ้านหลังใหญ่ที่มีแต่ผู้สูงอายุเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาได้สร้างห้องสตูดิโอไว้ดูหนัง ห้องคอมพิวเตอร์เอาไว้เล่นเกมยามอยากผ่อนคลายตามประสาชายโสด ห้องออกกำลังกายที่มีเครื่องออกกำลังกาย 4-5 ชนิดไว้ออกกำลังกายในทุก ๆ เช้าถ้าหากว่าสภาพอากาศในวันนั้น ๆ ไม่เป็นใจให้ออกไปข้างนอก
ในห้องหอ สองหนุ่มสาวในชุดวิวาห์ยืนคู่กันเพื่อให้ผู้ใหญ่ให้พรและแนะนำในการใช้ชิวิตคู่ซึ่งไม่น่าจะต้องมีพิธีนี้ด้วยซ้ำแต่ทิวภพและดวงเดือนอยากให้มีเพื่อเป็นการต้อนรับและให้เกียรติลูกสะใภ้คนสวยของเขา ไม่อยาจจะให้เจ้าสาวรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งเมื่อพิธีการทั้งหมดผ่านพ้นไป
"พักผ่อนกันนะลูก" ทิวภพเอ่ยทิ้งท้ายหลังจากการส่งคู่บ่าวเข้าห้องหอโดยบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยดีแล้ว
และการมาส่งเข้าหอนี้ก็ทำให้กรวิทย์ได้มาเห็นห้องของสาวซึ่งได้ถูกจัดแยกจากห้องของธันวาจริง ๆ ตามที่ทิวภพได้บอกเอาไว้ ไม่ได้รังเกียจที่ได้ธันวามาเป็นลูกเขย หากแต่ว่ากลัวมากกว่าเพราะชื่อเสียงรักสนุกของเขา เป็นเพราะทั้งคู่ไม่ได้รักกันจึงไม่อยากให้ลูกสาวต้องเสียตัวเสียใจเพราะความเพลย์บอยของชายหนุ่ม หากว่าหลังจากนี้ลูกเขยยังใช้ชิวิตเหมือนเดิมจนรินรดาเอ่ยปากอยากหย่าขาด เขาก็พร้อมจะรับลูกสาวกลับเข้าอ้อมอกไม่สนใจหากว่าบริษัทจะล้มละลาย
"ครับ" ธันวาตอบรับ ปรายตาไปมองคนตัวเล็กที่ยืนข้าง ๆ ก็พบว่าดวงตาหวานมีแววหวาดหวั่นที่โดนครอบครัวทิ้งให้อยู่ตามลำพังกับเขา ถึงจะเป็นการแต่งงานตบตาแต่ดวงเดือนก็ไม่ยอมให้เป็นการแต่งงานแค่ผ่าน ๆ แม่ของเขาบังคับให้เจ้าสาวต้องอยู่ที่เรือนหอนี้หนึ่งคืนในวันแต่งงานนั่นสร้างความพอใจให้กับลูกชายอย่างเขาเป็นอย่างมาก
"พวกเราก็ต้องกลับไปพักผ่อนเหมือนกัน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" ดวงเดือนพูดขึ้นอย่างต้องการให้คู่บ่าวสาวได้อยู่กันสองต่อสองเสียที ก่อนจะจับแขนผู้เป็นสามีเดินออกจากห้องไป ทำให้กระวิทย์และนีราต้องเดินตามออกไปอย่างขัดไม่ได้ ทำให้ไม่ได้เห็นแววตาลูกสาวที่มองปรอย ๆ ตามหลังไป
"ได้อาบน้ำเสียที เหนียวตัวชะมัด" ธันวาพูดเสียงห้วน ร่างใหญ่เดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อปลดนาฬิกาเรือนหรูออกจากข้อมือวางไว้ ล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าข้างของกางเกงมาวางคู่กัน เสร็จแล้วก็เดินขยับเนคไทเข้าห้องน้ำไป ไม่ได้สนใจอีกคนในห้องว่าเธอควรจะทำตัวอย่างไรดีหลังจากที่ไม่เจอหน้ากันมาตลอดสามสัปดาห์ก่อนที่จะมาเจอกันในงานมงคลสมรส ทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับงานนี้ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งเป็นผู้จัดเตรียมให้หมดทั้งสิ้น
"เฮ้อ.." รินรดาถอนหายใจออกมาเมื่อรู้สึกผ่อนคลายที่คนตัวโตหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ตลอดเวลาที่ยืนคู่กันในงานแทบจะนับคำพูดที่พูดกันของเขาและเธอได้ เลยไม่ได้ทำให้รู้สึกสนิทกันเลยจริง ๆ
ร่างบางยืนคว้างอยู่กลางห้องนอนใหญ่ที่ถูกเป็นห้องหอ แล้วเธอก็คิดได้ว่าควรจะกลับห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดเหมือนกันจึงได้ลอบออกจากห้องนอนห้องใหญ่นี้เงียบ ๆ เจ้าของห้องก็คงไม่อยากให้เธออยู่ในห้องนี้นานเหมือนกัน เธอคิดในใจ
ธันวาเข้าห้องน้ำไปนานไปประมาณสิบนาที เขาออกมาในสภาพเอวหนามีเพียงผ้าขนหนูผืนใหญ่ไว้ผืนเดียวอวดเรือนร่างแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงลอนสวย มือหนาเสยยีผมหมาดน้ำขึ้นลวก ๆ เพื่อหาความสบายผ่อนคลายให้หนังศีรษะหลังที่ถูกจัดเชตเรียบมาทั้งวัน
"ไปไหนแล้ววะ" ธันวาพึมพำกับตัวเองเมื่อไม่เห็นเจ้าสาวในชุดสวยฟูฟ่องอยู่ในห้องของตัวเองหลังจากที่คาดไว้ว่าออกมาคงจะเห็นเมียเด็กนั่งจุ้มปุ้กรออยู่ที่ริมเตียง เขารีบเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบชุดเสื้อยืดแขนสั้นกางเกงผ้ายืดขายาวซึ่งเป็นชุดนอนของเขาเองแล้วจึงเดินออกจากห้องมุ่งหน้าไปยังห้องนอนเล็กห้องข้าง ๆ
ก๊อก ก๊อก
"รินรดา" ธันวาเรียกคนห้องเสียงเข้ม เมื่อยืนรอสักพักไม่มีเสียงตอบรับเขาจึงเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดก็พบว่าถูกล็อกจากด้านใน เสียงลมหายถูกพ่นออกจากจมูกโด่งแสดงถึงอาการหงุดหงิดก่อนจะยกมือเคาะประตูหนักแรงขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แกร่ก..
รอไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับหน้าตาตื่นของสาวน้อยที่อยู่ในชุดที่ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไรเนื่องจากเธอเพิ่งออกมาจากห้องน้ำนั่นเอง
ร่างบางอยู่ในผ้าขนหนูกระโจมอกปิดทับด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กคลุมไหล่ มือน้อยจับขยุ้มชายผ้าที่เนินอกทำให้สายตาว่องไวได้เห็นร่องขาวใต้มือน้อยวับ ๆ แวม ๆ ให้ใจตัวเองสั่นเล่น ด้านบนศีรษะนั้น ผมยาวเปียกน้ำของเธอถูกพันไว้ลวก ๆ ทำให้เห็นหยดน้ำหยดลงมาที่ไหล่บางดูเซ็กซี่สำหรับผู้พบเห็นไม่ใช่น้อย
"พี่ธันมีอะไรเหรอคะ?" รินรดาถามเสียงตื่น เพราะได้ยินเสียงเคาะประตูรัว ๆ ทำให้เธอต้องออกมาเปิดประตูทั้งที่ยังอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อย
"ยังจะมาถาม หนีออกจากห้องหอแบบนี้ได้ยังไง คืนแต่งงานต้องอยู่เฉพาะในห้องสิ" ไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้ธันวาเอ่ยถึงจารีตประเพณีออกไปอย่างนั้นทั้งที่ตัวเองไม่ได้สนใจเลยสักนิด หรือจะเป็นเพราะผิดหวังที่ไม่ได้เป็นผู้ถอดชุดวิวาห์เปิดไหล่โชว์เนินอกขาวผ่อง ที่เขย่าหัวใจเขามาตลอดทั้งวันก็ไม่รู้เลยทำให้เขาหงุดหงิดแบบนี้
"พี่ธันเคร่งครัดขนาดนั้นเลยเหรอคะ?" รินรดาขมวดคิ้วถามเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าเคร่งขนาดนี้ ทั้งที่เขาก็ไม่ได้สนใจการแต่งงานครั้งนี้เลย
"แต่งงานทั้งทีก็ต้องทำตามสิวะ! ไม่สนใจก็ได้แต่ตอนนี้โคตรหิว" ธันวาเสียงดังใส่เด็กสาวเพราะถูกเธอย้อนกลับอย่างรู้ทัน ขณะที่พูดนั้นสายตาคมไม่ได้มองใบหน้าสวยเลยเพราะมัวแต่มองเนินเนินอกขาวที่เคลื่อนขึ้นลงตามลมหายใจของเธอ
ตอนที่คนตัวเล็กอยู่ในชุดวิวาห์ปาดไหล่ แต่เพราะต้องโปะแป้งโปะเครื่องสำอางหนาเตอะเลยทำให้ไม่เห็นความขาวกระจ่างใสนี้ไม่ชัด แต่ตอนนี้เธอได้ล้างสารเคมีเหล่านั้นออกไปหมดแล้วจึงทำให้สายตาดุจเสือเห็นความขาวเนียนชัดเจนแม้ว่าจะมีกำปั้นน้อยที่คอยจับชายผ้าคลุมไหล่ปิดอยู่เหนือเนินเนื้อ แต่ในสายตาเขากลับเห็นชัดเจน
"หิว..หิวอะไร?" รินรดามองตามสายตานั้นอย่างหวาดระแวง เท้าเล็กขยับถอยหลังเข้าไปในห้องอย่างคนระวังอันตรายจากผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายที่บอกว่าไม่สนใจเธอแต่ตอนนี้สายตาแวววับทำให้เธอไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเขาเท่าไรแล้ว
"หิวโนะ.. หิวข้าว! ไปแต่งตัวเร็ว ๆ แล้วไปทำอะไรให้กินหน่อย" ธันวาเผลอตอบความในใจเสียงเบาก่อนจะรีบกลับคำเป็นเสียงห้วนดุ เขาออกคำสั่งกับเจ้าสาวป้ายแดงของตนเองแล้วหันหลังกลับเดินตึงตังลงบันไดไปยังชั้นล่างอย่างหัวเสีย ไม่รู้อาการที่เกิดอยู่นี้ เป็นเพราะความโมโหหิวอะไรกันแน่เขาก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน
......................................
นั่นน่ะจิ ลุงแกโมโหหิวข้าวหรือโมโหหิวนมอุ่น ๆ