3. ไม่ใช่เด็กแล้ว
"มาแล้วเหรอลูก" เสียงกรวิทย์เอ่ยทักบุตรสาวทันทีที่ประตูเปิดก่อนที่รินรดาจะเดินเข้าไป
"อ้าว เดือน มาแต่เช้าเลย" กรวิทย์เอ่ยทักดวงเดือนเมื่อเห็นว่าภรรยาของเพื่อนเดินตามหลังลูกสาวเข้ามา
"จ้ะพี่กร พาตาธันมาเยี่ยมนิราด้วย" ดวงเดือนยิ้มกว้างพลางหันไปดึงแขนลูกชายตัวสูงให้เข้ามายืนเสมอกันกับเธอให้คนในห้องได้เห็นลูกชายสุดหล่อที่เธอตั้งใจจะพานำเสนอในวันนี้
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เป็นปีได้แล้วมั้ง" กรวิทย์เอ่ยทักลูกชายเพื่อน ที่เจอกันครั้งล่าสุดก็น่าจะเป็นตอนที่เขาไปคุยธุระที่ไร่ของทิวภพเมื่อปีที่แล้วและวันนั้นธันวาก็กลับมาบ้านพอดีจึงได้เจอกัน
"สวัสดีครับ สวัสดีครับป้านิรา" ธันวายิ้มอ่อน ๆ เห็นด้วยกับกรวิทย์ขณะที่ยกมือพนมไหว้แล้วจึงหันไปทำความเคารพผู้ป่วยบนเตียงซึ่งตอนนี้มีลูกสาวคนสวยนั่งอยู่ข้างเตียงของผู้เป็นแม่แล้ว
"ก็เพราะไม่เจอกันนานนี่แหละฉันเลยต้องลากตัวมาวันนี้ ไม่งั้นก็ไม่ได้เจอกันสักที" ดวงเดือนพูดกับกรวิทย์แต่คำพูดประโยคหลังดูจะหมายถึงการให้พบกันระหว่างลูกชายตัวเองและลูกสาวของคู่สนทนาเสียมากกว่า
การนำตัวลูกชายมาประเคนให้ลูกสาวของบ้านนี้ ทำให้ธันวาถึงกับดึงหน้าตึงขึ้นมาทันทีพลางถอนหายใจแรง ๆ อย่างเหนื่อยหน่ายกับการพยายามยัดเยียดเขาให้กับผู้หญิงตาโตตรงนั้น ธันวาหันมองไปทางรินรดาก็พบว่าเด็กสาวกำลังปลอกแอปเปิลใส่จานให้แม่ของเธออยู่ ไม่ได้สนใจของประเคนอย่างเขาเลยสักนิด
"งั้นคุยกันไปนะ ขอตัวก่อน จะเข้าไปดูในไร่เสียหน่อย วันนี้มีเก็บส้มล็อตใหญ่ต้องไปคุมไม่อยากให้มีปัญหาอะไรมากไปกว่านี้" กรวิทย์พูดขึ้นอย่างเนือย ๆ เพราะปัญหาที่เจออยู่ตอนนี้ช่างหนักหนาสาหัสแล้ว ถ้าขืนการส่งออกผิดพลาดไปอีกคาดว่าจะไม่มีใครกล้ามาสั่งสินค้ากับเขาอีกแล้ว
ก่อนกรวิทย์จะออกไปเขาได้หันไปหาภรรยาและลูกสาว บอกร่ำลากันทางสายตาแล้วเขาก็ได้รอยยิ้มหวานของทั้งคู่กลับมาเป็นกำลังใจ นั่นก็เพียงพอที่จะให้เขามีแรงสู้ต่อไปได้แล้ว
"ไปนั่งรอตรงโน้นก่อนไป" ดวงเดือนหันไปบอกลูกชายพลางพยักเพยิดหน้าไปทางที่นั่งสำหรับคนมาเยี่ยม ส่วนเธอจะไปนั่งยังเก้าอี้กลมข้างเตียงผู้ป่วยที่ยังว่างอีกด้าน
"ผมขอลงไปซื้อกาแฟได้ไหม?" ธันวาไม่ได้ขยับไปนั่งแต่เขาอยากลงไปซื้อกาแฟดื่มเสียหน่อยเพราะไม่รู้ว่าคุณดวงเดือนจะคุยกับผู้ป่วยนานแค่ไหน
"พอดีเลย ดูสิผลไม้หมดแล้วเนี่ย ข้างโรงพยาบาลมีตลาดอยู่แกไปซื้อมาหน่อย พาหนูรินไปด้วยจะได้เลือกซื้อมาถูก เอามาสักสามสี่อย่างนะ" ดวงเดือนเห็นโอกาสที่จะให้เด็กทั้งสองอยู่กันตามลำพังจึงได้ยัดเยียดหน้าที่ช้อปปิ้งให้เจ้าลูกชายตัวดี
"ไม่เป็นไรหรอก หมดแล้วเดี๋ยวให้รินไปซื้อเองก็ได้" นิราเอ่ยขึ้นเสียงเบาอย่างเกรงใจ
"โอย ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวให้ตาธันไปซื้อให้ ไปหนูรินไปกับพี่เขาไป จะได้บอกพี่เขาว่าแม่หนูชอบกินอะไร" ดวงเดือนเจ้ากี้เจ้าการไปดึงรินรดาให้ลุกขึ้นยืน
รินรดาทำหน้ากระอักกระอ่วนมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างต้องการความเห็น แต่ก็ได้แต่การพยักหน้าเล็กน้อยให้เธอทำตามความต้องการของดวงเดือน
'เฮ้อ..' ธันวาลอบถอนหายใจเบา ๆ กับการจับคู่อย่างออกนอกหน้าของผู้เป็นแม่ แต่ก็ช่างเถอะ เด็กรินนี่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร จะพูดให้ถูกคือเธอสวยมากเลยต่างหาก ยอมไปเดินซื้อด้วยของตามความต้องการของแม่หน่อยจะเป็นอะไรไป ดีเสียอีกจะได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันให้มากขึ้นก่อนที่จะร่วมหอลงโลงกัน
'เฮ้ย! แต่เรายังไม่ได้ตกลงจะแต่งงานกับยัยเด็กนี่เลยนี่หว่าทำไมถึงคิดไปไกลถึงขนาดนั้นได้วะเรา' ธันวาเกิดความคิดย้อนแย้งตัวเองในใจ
เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังสับสนชายหนุ่มจึงดึงสีหน้าบึ้งตึงหันขวับเดินออกจากห้องไป ทำเอาคนตัวเล็กที่เดินตามแรงผลักของดวงเดือน ถึงกับหน้าเจื่อนตอนเดินตามออกไป
ณ ร้านกาแฟยี่ห้อดังซึ่งตั้งอยู่ติดกับโรงพยาบาล
"เอาอะไร?" ธันวาเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยืนข้าง ๆ เธอเอาแต่เงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกมาห้องผู้ป่วยจนมาถึงยังร้านกาแฟ เขายังไม่ได้ยินเสียงเธอเลยสักแอะ
"หนูไม่เอาค่ะ พี่ธันซื้อเลย" รินรดาตอบเสียงเกรงใจ
"เอาชาเขียวไหม? เห็นเด็ก ๆ ชอบกินกัน" ธันวาไม่สนใจคำปฏิเสธก่อนจะมองดูเมนูที่วางบนเคาน์เตอร์
"หนูไม่ใช่เด็ก.."
เมื่อได้ยินเสียงหวานแย้งขึ้น ธันวาจึงตวัดสายตาออกจากแผ่นเมนูตั้งใจจะมองหน้าคนพูด แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปเจอกับก้อนอกอวบที่ดันเสื้อจนพุ่งออกมาเด่นกว่าส่วนอื่นเสียก่อน ลมหายใจของเขาเกิดการสะดุดเมื่อเห็นบราเซียร์สีขาวลาง ๆ ด้านใน ที่กะจากสายตาดูเหมือนฟองน้ำห่อหุ้มมันจะใหญ่กว่าอุ้งมือของเขาเสียอีก
'แม่งเอ๊ย! ไม่เด็กจริง ๆ ด้วย'
เสียงสบถดังขึ้นในใจพร้อมกับหัวใจแกร่งที่เต้นระรัว
"ไม่ใช่เด็กก็กิน ๆ ไปเถอะ เอาอเมริกาโนเย็นกับชาเขียวเย็น" ธันวากระแทกเสียงหงุดหงิดกลบการเสียอาการของตนเองใส่เด็กสาวที่บังอาจทำให้หัวใจแกร่งของเขาเต้นผิดจังหวะได้ถึงขนาดนี้ ก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานที่รอรับออร์เดอร์อยู่ จัดการสั่งเครื่องดื่มให้กับเด็กสาวเสร็จสรรพที่ไม่รู้ว่าเธอจะชอบเมนูที่เขาสั่งหรือเปล่า
'ช่วยไม่ได้ ก็ใครใช้ให้มาทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ล่ะวะ' ธันวาคิดโทษคนที่ยืนตาแป๋วทั้งที่เธอนั้นไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลย
"เอาไป" เมื่อพนักงานทำเครื่องดื่มเสร็จแล้วมือหนาก็หยิบมาแล้วส่งให้รินรดาอย่างไม่นุ่มนวลเท่าไรนัก
"ขอบคุณค่ะ" เด็กสาวรับมาแต่โดยดี เธอไม่กล้ามองหน้าดุดันของชายตัวโตที่ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรให้เขาถึงได้โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้
"ไปซื้อของกันได้แล้ว" ธันวาพูดเสียงห้วนจบก็หันหลังกลับเดินออกจากร้านไปโดยไม่ยอมรอคนตัวเล็กที่ขาสั้นกว่า
"เมื่อก่อนไม่เห็นดุ ทำไมตอนนี้ดุจัง" รินรดาพึมพำกับตัวเองขณะที่เร่งเดินตามคนขายาวไป ในหัวคิดไปถึงเหตุการณ์สมัยก่อนที่เธอเคยไปเล่นกวนเขาในไร่ในตอนที่เขาทำงาน พี่ธันวาของเธอเพียงแค่ตักเตือนว่าระวังจะได้รับบาดเจ็บเมื่อเธอปีนต้นไม้เล่นและยังคอยรับในตอนที่เธอปีนลงมา ถึงจะจำหน้าตาของพี่ธันวาตอนนั้นไม่ได้แล้วแต่การดูแลคอยปกป้องนั้นเธอไม่เคยลืม
....................................
กว่าจะได้แต่งงาน คาดว่าอิพี่คงหัวใจวายกับนมน้องก่อน555555
ขอเตือนน้อง พี่ธันวาของหนูไม่ใช่ดุแค่ปากนะ เอวพี่มันก็ดุด้วยเด้อ555555