4.1
ฉันนั่งเหม่อในห้องเรียน ไม่รู้อาจารย์สอนอะไรบ้าง บทเรียนวันนี้ไม่ซึมซับเข้าหัวฉันเลยสักคำ แต่ละวินาทีที่ผ่านพ้นมีแต่เสียงครางกระเส่ากับภาพวาบหวิวในห้องน้ำหลอนใจไม่หยุด คำขู่ของหมอนั่นทำให้ฉันแอบมองไปที่คะนิ้งบ่อยๆ จนเลโอกระซิบถาม
“มีอะไรหรือเปล่าคุณหนู”
“เปล่าหนิ ไม่มีอะไร”
ฉันหันกลับไปตั้งใจเรียนเงียบๆ กระทั่งคลาสเรียนเลิก ฉันบอกปัดเลโอที่ชวนไปกินข้าวก่อนจะสาวเท้าตามเป้าหมายไป
“คะนิ้ง”
“เหมย? มีอะไรเหรอ”
“รีบกลับมั้ย ไปกินไอติมกัน”
นิ้งทำหน้างงๆ กลับมา ร้อยวันพันปีฉันไม่เคยชวนอะไรแบบนี้เลย
“อื้ม ก็ไม่ได้รีบนะ ไปกินก็ได้”
ยัยนั่นพยักหน้ารับมึนๆ เหมือนอยากรักษาน้ำใจฉันมากกว่า ไม่ได้ระแคะระคายเรื่องแผนการของฉันเลย นี่ฉันทำถูกหรือเปล่านะที่มาหลอกคะนิ้งเพื่อเอาตัวรอด
“อ้าวเหมยไปสิ ยืนเหม่ออะไรอยู่เนี่ย”
“เอ๊ะ?”
“ไปกินไอติมไม่ใช่เหรอ”
“อะอื้ม”
“ไปเร็ว”
ฉันแทบไม่มีเวลาได้คิดต่อ เกือบจะเปลี่ยนใจอยู่แล้วเชียวแต่คะนิ้งกลับกวักมือเรียกฉันด้วยท่าทางกระตือรือร้น ฉันยิ้มเจื่อนๆ ให้เธอด้วยความรู้สึกผิดในใจ
ภายในร้านไอติมหวานหน้ามหาวิทยาลัย G
“นึกไงเนี่ยชวนมา”
“หิวอะ ไม่รู้จะชวนใคร คนอื่นก็มีธุระกันหมด”
“แล้วเลโออะ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นไปไหนด้วยกันเลย”
“หมอนั่นมีแฟนแล้ว กำลังเห่อแฟนใหม่อยู่น่ะ”
ฉันไม่ได้โกหกเรื่องเลโอหมอนั่นมีแฟนจริงๆ แต่เรื่องเห่อนี่คงไม่ใช่ เพราะถึงจะมีแฟนก็ยังคอยรับใช้ฉันเหมือนตลอดเวลาที่ผ่านมา
คะนิ้งไม่พูดอะไรอีก ต่างฝ่ายต่างสนใจของกินตรงหน้า สักพักประตูร้านก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมการปรากฏตัวของร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาที่เห็นแล้วทำเอาแทบสะอิดสะเอียน
“คลื่น?”
ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร ยัยคะนิ้งก็สะดุ้งไหวทันทีที่เจอหมอนั่น
“อ้าว...คะนิ้ง”
แล้วไอ้เวรนั่นก็ตีหน้าใสซื่อกลับมาทำเนียนเหมือนบังเอิญเจอ เดินไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์แล้วกลับมาที่โต๊ะของเราสองคน
“ไง เมื่อวานไม่ตอบไลน์เลยนะ”
ฉันสะดุ้ง นึกว่าเขาคุยด้วยแต่สายตาหมอนั่นกับจ้องไปทางคะนิ้ง ตั้งแต่มาคลื่นยังไม่มองฉันตรงๆ สักครั้ง ฉันรู้สึกร้อนที่แก้มเบาๆ ทั้งเคืองทั้งหมั่นไส้สุดชีวิต
“โทษทีพอดีมันวุ่นๆ เลยไม่ได้ดู”
“ทีหลังทักไรไปก็ตอบหน่อยนะเป็นห่วง”
ฉันฟังที่สองคนนั้นคุยกันแล้วเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินแถมยังรู้สึกเจ็บที่ใจแปลกๆ ด้วย ไม่ได้อ่อนไหวหรือเสียดายไอ้สารเลวคลื่นนะ แค่หงุดหงิดที่มันเล่นละครได้เนียนก็เท่านั้น สีหน้าของคลื่นดูไม่ออกเลยว่าทำเรื่องเลวทรามแบบนั้นเอาไว้ ถ้าไม่เจอกับตัวฉันเองก็คงคิดไม่ถึงเหมือนกัน
คนเรานี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ฉันลุกขึ้นทันทีที่หมดหน้าที่แม่สื่อ
“อ้าวเหมย ไปไหน”
“ปวดท้อง ขอตัวนะ”
“เป็นไรมากเปล่า”
“ไม่หรอก น่าจะเป็นวันนั้นน่ะ”
ฉันแสร้งทำเป็นตะขิดตะขวงใจที่ต้องคุยเรื่องผู้หญิงๆ ต่อหน้าคลื่น แต่ความจริงฉันอยากถอดรองเท้ามาตบกบาลมันให้เละคามือไปเลย
Line! ~
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงข้อความก็เด้งขึ้นในไลน์กลุ่ม
คะนิ้ง : ไปเที่ยวกันเถอะทุกคน
เค้ก : วันไหน?
เลโอ : เที่ยวไหน
คะนิ้ง : ผับๆ
เค้ก : OoO
แม็ก : อะไรเนี่ย คะนิ้งชวนเที่ยว
คะนิ้ง : ก็เห็นช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันเลย ไปมั้ย ไม่ได้สนุกนานแล้ว
เลโอ : ได้สิ ไม่มีปัญหา
แม็ก : ไปๆ คนอื่นว่าไง เหมย นิก เทียน ยิปโซ ทิว นาย เงียบเลย
หลังจากแม็กทักมาเป็นรายคนแบบนั้น ข้อความก็เด้งขึ้นเป็นพรวน ฉันผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะพิมพ์ตอบไปแบบยังไงก็ได้ คุยกันไปคุยกันมาท่าไหนไม่รู้ทุกคนถึงนัดมารวมตัวกันที่ห้องฉัน ฮึ่ย คนยิ่งรู้สึกไม่ดีอยู่ด้วย
ที่คะนิ้งชวนเที่ยวต้องเป็นฝีมือหมอนั่นแน่...
พอได้เวลาก็มานั่งอัดกันในรถเลโอ (ก็รถที่บ้านฉันนั่นแหละ) ไปที่ผับดังกลางเมือง คะนิ้งเป็นคนเลือก เป็นผับที่แพงแต่ไม่หรูเกินไป พวกวัยรุ่นหน้าตาดีชอบมากัน เราเลือกโต๊ะนั่งที่คิดว่าดีที่สุด เปิดเหล้าสั่งกับแก้มกันตามปกติ สักพักพวกผู้ชายก็ออกลวดลายลงไปเต้นที่ฟลอร์ให้ท่าผู้หญิงมั่วไปหมด
“ไงสนุกมั้ย”
กำลังมองพวกนั้นเต้นเพลินๆ บุคคลที่ไม่เป็นมิตรต่อสายตาก็ปรากฏกายออกมา คลื่นเดินเข้ามาโอบไหล่คะนิ้งจากด้านหลัง ต่อหน้าต่อตาฉันเลย
“คลื่น....” คะนิ้งหันไปมองด้วยท่าทางตกใจ แก้มแทบจะชนกับปากเน่าๆ ของหมอนั่นอยู่แล้ว ฉันอยากจะตรงเข้าไปกระชากไอ้เวรนั่นออกมาใจแทบขาด แต่ติดตรงที่ไม่มีสิทธิ์ ถ้าฉันพุ่งเข้าไปแบบนั้นได้ถูกสงสัยแน่
“ไปเต้นกัน”
มันหันไปชวนคะนิ้ง
“ฉันเต้นไม่เป็น”
“มาน่าเดี๋ยวสอน”
“อ๊ะ คลื่น!”
หมอนั่นลากเพื่อนฉันออกไปโยกย้ายส่ายสะโพกที่กลางฟลอร์ จับคะนิ้งกอดคลอเคลียสุดฤทธิ์ เห็นแล้วเหมือนคู่รักกันไม่มีผิด แต่มันผิดที่ไม่ใช่ไง
ฉันกำหมัดแน่น ไม่รู้สิ... เห็นแล้วรู้สึกทนไม่ได้อย่างบอกไม่ถูก ผุดลุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจนเพื่อนๆ ที่โต๊ะหันมามองเพราะตกอกตกใจ
“มีอะไรเหมย?”
“เอ่อ จะเข้าห้องน้ำ”
“อ่อ ตกใจหมดนึกว่ามีเรื่องอะไร”
พวกนั้นคลายสีหน้าหวั่นๆ ลงแล้วหันไปสนุกกันต่อ ฉันเดินออกมาทันทีแต่ยังไม่ทันถึงสามก้าวก็ได้ยินเสียงขวดแตกดังขึ้นมา
โครม!
“กรี๊ดดดดด”
ตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายและเสียงกรีดร้องเอ็ดตะโรของผู้คน ฉันรีบสาวไปดูอย่างหวาดหวั่น
“ริกกี้!”
เสียงตะโกนนั่นของคะนิ้งฉันจำได้... ฉันมองไม่เห็นว่าข้างในเกิดบ้าอะไรขึ้นเพราะคนเยอะไปหมด รู้เรื่องอีกทีก็ตอนที่เห็นคะนิ้งถูกใครสักคนลากออกไปที่ประตูทางออก
อ๊ะ! นั่นมันผู้ชายคนเดียวกับที่เจอวันงานเรซควีน?
แล้วคลื่นละ... ฉันหันกลับมายังจุดเกิดเหตุ คนมุงแน่นไปหมด ฉันไม่ได้เป็นห่วงมันนะแค่อยากรู้ว่ามันเป็นยังไงบ้าง โดนกระทืบตายหรือยังแค่นั้น
สักพักสถานการณ์ก็คลี่คลาย การ์ดพูดไกล่เกลี่ยให้ทุกคนสลายตัว เพลงในผับถูกเปิดอีกครั้งสถานการณ์ปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันเห็นเงาคนเดินไปที่ประตูทางออก รีบตามไปอย่างไม่สงสัยสักนิด แค่แผ่นหลังก็จำได้ทันทีว่าเป็นไอ้สารเลวนั่น
◇ ◆◇ ◆◇ ◆