2.1
“นี่ตกลงว่าจะไปส่งมั้ย ถ้าไม่ไป ฉันจะได้กลับเอง”
ฉันตะโกนเรียกคลื่น หมอนั่นเอาแต่มองไปทางอื่นเหมือนกำลังหาใครสักคนอยู่ ก็พอรู้นะว่าใครแต่ตอนนี้ฉันทั้งเหนื่อย ทั้งง่วงและก็เหนียวตัวสุดๆ ไม่มีอารมณ์มาห่วงใครทั้งนั้น
“ถ้านายไม่ไปส่ง ฉันกลับเองก็ได้นะ แต่ขอไปเอาของในรถก่อน”
ถ้าไม่ใช่กระเป๋ากับโทรศัพท์อยู่ในรถหมอนั่นฉันไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่หรอก
“เดี๋ยวไปส่ง”
พูดเสร็จเขาก็เดินนำฉันมาที่รถ ท่าทางไม่กล้าปล่อยฉันกลับเองคงกลัวคะนิ้งว่านั่นแหละ ฉันรู้นะว่าเขาคิดจะจีบเพื่อนฉันแต่คะนิ้งเหมือนจะมีเจ้าของแล้วเนี่ยสิ
เฮ้อ ช่างเถอะ ใครจะอะไรยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก ฉันเดินตามร่างสูงมาที่รถ ตอนแรกจะนั่งเบาะหลังแต่ก็ฉุกนึกได้ว่าเบาะหน้าว่าง เลยเปลี่ยนใจ นั่งเบาะหน้าข้างคนขับเพื่อรักษามารยาท ขวดน้ำที่วางอยู่ช่องวางแก้วสะดุดตาฉันทันที กำลังคอแห้งเลย น่าจะเป็นของคะนิ้ง
ฉันเปิดฝาแล้วกระดกรวดเดียวครึ่งขวด เสียดายไม่เย็นไม่งั้นคงชื่นใจกว่านี้
“เหี้ย!”
เสียงอุทานในลำคออย่างตกใจเกินจำเป็นของคลื่นทำฉันหันไปมอง อะไรวะ กินน้ำแค่นี้ต้องด่าเหี้ยด้วย!?
เขาเปิดประตูเข้ามานั่งในรถแล้วมองขวดน้ำในมือฉันด้วยสายตาเบิกโพลงเป็นพิเศษ
“ทำไม? แค่ดื่มน้ำหรือดื่มไม่ได้”
“ขวดน้ำนั่น อย่าบอกนะว่าเธอหยิบมาจาก...” เขามองขวดในมือฉันสลับกับช่องใส่แก้วที่คอนโซลหน้า
“ก็ ...ตรงนี้ไง ทำไม?”
“เออๆ ดื่มแล้วก็ช่างเหอะ” ใบหน้าแตกตื่นของคลื่นสงบลงในชั่วเวลาสั้นๆ ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่าแต่รู้สึกเหมือนเห็นประกายตาเจ้าเล่ห์จากเขาแวบหนึ่ง
พอได้ยินแบบนั้นฉันดื่มต่อจนหมดขวด คลื่นเหลือบมองฉันทีแรกเขาทำท่าเหมือนจะห้ามแต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร ขับรถต่อไปเงียบๆ นั่นน่ะสิถ้าแค่น้ำดื่มยังหวงก็เค็มเกินไปละ
สักพักใหญ่ๆ ก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ฉันยกมือขึ้นกุมศีรษะ เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าตากแดดนานไปหน่อยก็เลยรู้สึกไม่ค่อยสบาย
เหงื่อผุดขึ้นตามไรผมอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉันเอื้อมมือไปเร่งแอร์จนสุด คลื่นมองสิ่งที่ฉันทำเงียบๆ ก่อนเบือนสายตากลับไปจ้องถนนต่อ
“ทำไมมันร้อนแบบนี้ แอร์เสียหรือเปล่า”
“แอร์ไม่เสียหรอก”
น้ำเสียงนุ่มลึกของคลื่นทำฉันขนลุกแปลกๆ มองหน้าเขาด้วยแววตาสับสน ทำไมนะ.... ทำไมถึงรู้สึกว่าคนข้างๆ หล่อเหลาเป็นพิเศษ ทั้งที่สเป็กฉันชอบคนผิวเข้มตาเฉี่ยวแบบไทยๆ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยปลื้มผู้ชายสูงขาวหน้าโอปป้าแบบนี้เลยสักนิด
ฉันมองสันคางคมๆ ของคลื่นเลยไปถึงลูกกระเดือกที่คอแล้วกลืนน้ำลายอึก ความร้อนพรั่งพรูออกมาจากด้านใน เหงื่อเริ่มชื้นตามตัว รู้สึกว่าเสื้อผ้าชิ้นน้อยที่สวมอยู่มันเกะกะจนอยากจะสะบัดทิ้ง แต่ฉันยังพอมีสติอยู่
ต่อให้รู้สึกรำคาญขนาดไหนก็ไม่บ้าพอจะทำเรื่องน่าอายแบบนั้น
ฉันกำคอเสื้อตัวเองแน่น ลมหายใจอึดอัดขึ้นทุกขณะ ความร้อนไม่ทุเลามีแต่จะระอุขึ้นเรื่อยๆ
นี่ฉันเป็นอะไรเนี่ย
“ร้อนจังคลื่น ...นี่ทำอะไรสักอย่างสิ ฉันร้อน ไม่ไหวแล้วนายเป็นหมอไม่ใช่เหรอ”
“อยากให้ช่วย?” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สายตายังคงมองถนนเบื้องหน้าไม่ไหวติง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววยะเยือก
“อื้อ ไม่ไหวแล้ว”
ฉันพยายามควบคุมลมหายใจเข้าออก ความรู้สึกทุรนทุรายเหมือนตัวจะปริแตกทำให้โน้มตัวข้ามคอนโซลกลางไปคว้าไหล่แกร่งอย่างต้องการความช่วยเหลือ อะไรก็ได้ ช่วยทำให้ฉันหลุดพ้นจากความทรมานนี่สักที
“ใจเย็นก่อน อีกนิดเดียวก็จะถึงคอนโดแล้ว”
“คอนโด?” ฉันชะงัก เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกแต่ก็ลืมแทบจะทันที หน้าอกและสะโพกรู้สึกบิดเกร็งแปลกๆ ช่วงล่างอ่อนไหวมากเป็นพิเศษจนต้องถูขาไปมาเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกหนักอึ้งที่สุมอยู่ด้านใน
“ถึงคอนโดแล้วจะดีเหรอ”
“ดีสิ รับรองเธอได้รู้สึกดีอย่างไม่เคยลองมาก่อนเลยล่ะ”
ชั่วเวลาไม่กี่สิบนาทีที่ต้องทนนั่งอัดอั้นอยู่ในรถฉันรู้สึกเหมือนตกนรก แต่ความรู้สึกทั้งหมดก็เบาลงเมื่อคลื่นขับรถเข้ามาจอดในอาคารจอดรถของคอนโด ฉันรีบเปิดประตูลงไปข้างล่างทันทีเพราะเข้าใจว่าที่ห้องหมอนั่นต้องมียาแก้อาการแปลกๆ นี่ ทันทีที่เหยียบลงบนพื้น ร่างฉันทรุดฮวบลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ระวัง!”
พริบตาที่ฉันกลั้นหายใจคิดว่าต้องเจ็บตัวแน่ๆ วงแขนแข็งแกร่งของคลื่นก็เอื้อมมารั้งเอวฉันเอาไว้ แรงฉุดทำให้ร่างที่อ่อนปวกเปียกของฉันเซไปกระแทกกับเขาอย่างจัง หน้าอกเบียดเข้ากับลำตัวแกร่ง ความรู้สึกวาบหวิวทำฉันเผลอครางเสียงแปลกๆ ออกมาจากลำคอ
“อ๊า~”
แก้มฉันร้อนจัด รีบก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่มองลงมาของคลื่นเลิ่กลั่ก
“ขะขอโทษ อื้อ...คลื่น!?”
ฉันผวาคว้าต้นคอเขาอย่างตกใจ คลื่นช้อนร่างฉันขึ้นอุ้มโดยไม่พูดไม่จามีเพียงสายตาดุดันที่มองลงมา แบบที่ทำให้ฉันไม่กล้าปริปาก อยู่นิ่งๆ ในวงแขนของเขาเหมือนลูกนกที่กำลังหนาวสั่น ไม่สิ สำหรับฉันต้องเรียกว่าร้อนจนสั่นไปทั้งตัวถึงจะถูก
“คลื่น...” ลมหายใจฉันติดขัด สมองเริ่มเบลอ สายตาพร่ามัวมองเห็นจุดขาวโพลนเต็มไปหมด ยิ่งโดนอากาศข้างนอกก็ยิ่งอบอ้าวเหงื่อผุดขึ้นตามรูขุมขนรู้สึกชื้นแฉะไปทั้งตัว
มันทั้งอึดอัดทั้งไม่สบาย กระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก
เขาวางฉันลงในลิฟต์ แต่เพราะขาที่อ่อนแรงทำให้ทรงตัวยังไม่ได้
ฉันทิ้งน้ำหนักตัวลงบนร่างสูง คลื่นเซถอยหลังไปพิงกับผนังลิฟต์ระหว่างเอื้อมมือไปกดปุ่ม
“ขอโทษ...”
ฉันเอ่ยอย่างรู้สึกผิด พยายามดันตัวออกห่าง แต่แรงสัมผัสที่เสียดสีของร่างกายมันชวนเคลิบเคลิ้มเสียจนไม่อยากถอยออกมา ระหว่างที่ฉันกำลังต่อสู้กับอารมณ์ชั่ววูบคลื่นกลับเชยคางฉันขึ้น ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในตาฉันราวกับจะสะกดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดนิ่ง ระยะห่างลดลงเรื่อยๆ พร้อมกับแรงลมหายใจที่เป่ารดบนผิวหน้า
ริมฝีปากของเราทั้งคู่ประกบกันราวกับแม่เหล็กคนละขั้วที่ถูกดึงดูด สัมผัสที่แนบสนิทสร้างความปั่นป่วนให้กับร่างกายฉันอย่างยากจะทานไหว หัวใจฉันเต้นแรง แตกตื่นกับจูบที่กะทันหันของคลื่น
คำถามมากมายไหลเข้ามาในหัว แต่จูบที่เร่าร้อนของคนตรงหน้าก็ทำให้ฉันลืมเหตุผลทั้งหมดไป
ฉันซุกตัวเข้าหาร่างแกร่ง แอ่นหน้ารับสัมผัสที่ชวนหวามไหวของคลื่นด้วยความเสน่หา ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแต่มันรู้สึกเหมือนจะขาดใจให้ได้ถ้าต้องเบือนหน้าหนีริมฝีปากหวานฉ่ำของเขา
ติ้ง~
เสียงประตูลิฟต์เปิด ฉันรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่ถูกฝ่ามือหนาผลักไหล่ออกห่าง
“คลื่น...”
ฉันส่งสายตาเรียกร้องไปให้ ไม่สนว่าประตูลิฟต์จะเปิดหรือปิด แต่คนตรงหน้าดันส่งสายตาเซ็กซี่กลับมาทรมานฉันเล่น
“ตรงนี้ไม่ได้นะคนสวย”
“อ๊ะ”
ฉันรู้สึกร้อนที่แก้มไปจนถึงใบหู คำพูดหวานหูของคลื่นทำฉันอ่อนระทวยไปทั้งตัวและหัวใจ
คลื่นดึงฉันออกจากลิฟต์ ความรู้สึกหวามไหวแทรกแซงอยู่ทั่วอณูผิวหนังเพียงแค่ถูกสัมผัสก็แทบเปล่งเสียงครางหวิวชวนอับอายออกมา
คลื่นผลักฉันเข้ามาในห้อง วูบหนึ่งที่เซไปชนกับโซฟา ฉันก็นึกอะไรได้
“ยาล่ะคลื่น ขอยาให้ฉันทีนะ ไม่ไหวแล้ว”
ฉันทรุดลงนั่งกอดตัวเองบนพื้น ลมหายใจหอบกระเส่า ลำคอแห้งผาก ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้คนตรงหน้า
“ยาเหรอ อยากได้ก็ลองขอร้องฉันด้วยร่างกายที่สั่นระริกของเธอดูสิ”
ทำไมคลื่นพูดแบบนั้นล่ะ สายตาชั่วร้ายของเขาทำฉันจังงันไปชั่วขณะ คว้าเรียวขายาวมากอดเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาอ้อนวอน
“ขะขอร้อง คลื่น... ฉันทรมาน ไม่ไหวแล้ว คลื่น...”
“ถ้าบอกว่ามีวิธีแก้ที่ดีกว่านั้นล่ะ”
“เอ๊ะ....”
คลื่นย่อตัวลง บีบคางฉันแล้วดึงเข้าไปมองใกล้ๆ รู้ตัวอีกทีริมฝีปากอ่อนนิ่มก็ทาบทับลงมาอีกครั้ง หัวใจฉันสะท้านไหว ความร้อนรุ่มทำเอาร่างกายปั่นป่วนไปหมด ฉันดันตัวเข้าหาร่างสูงยกมือขึ้นโอบรอบคอคลื่นแน่น เวลาที่ร่างกายสัมผัสกันมันทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ฉันขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักคลื่นตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ ได้ยินแต่เสียงดูดลิ้นกันไปมาดังจ๊วบแจ๊บ ทั่วทั้งผิวหน้าร้อนจัด สะโพกถูกบีบเคล้นอย่างมีชั้นเชิง ฉันส่งเสียงครางลอดช่องว่างของริมฝีปากออกมาไม่หยุด
“ไม่ไหวแล้วคลื่น อื้อ~”
ฉันกัดริมฝีปากแน่น แอ่นคอด้วยความสยิวเมื่อคลื่นซุกหน้าลงมาจูบไซ้ซอกคอ เขาทำให้ฉันรู้สึกราวกับจะหลอมละลาย
“ไปที่เตียง”