บทที่ 6 พันธะร้ายพ่ายรัก : สืบประวัติ
พันธะร้ายพ่ายรัก : ตอนที่ 6
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ดังปลุกให้หญิงสาวที่พึ่งจะนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมงรู้สึกตัว ร่างบางควานหาโทรศัพท์ก่อนจะหรี่ตามองหน้าจอโทรศัพท์
เห่อ....วิเวียนถอนหายใจเบาๆก่อนจะกดรับสาย
"อีวิมึงยังไม่โอนเงินมาให้กูกับพ่อมึงอีกหรอ น้องมึงจะเอาตังจากไหนไปเรียน เจ้าหนี้ก็จะมายึดบ้านอยู่แล้ว ได้ดีแล้วจะถีบหัวพวกกูส่งหรอ" ทันทีที่เธอกดรับสาย ปลายสายก็แว๊ดๆใส่เธอมาไม่ยั้ง
"หนูพึ่งโอนให้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเองนะแม่" วิเวียนตอบผู้เป็นแม่ไป เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น มันเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เธอยังอยู่ที่ต่างจังหวัด
"อีนี่ กูเป็นคนเลี้ยงมึงมาได้ดีทุกวันนี้นะ คนแถวนี้เขาพูดกันให้แซ่ดว่ามึงขาย Hee แลกเงิน กูก็แก้ข่าวให้ คนที่มึงควรสำนึกบุญคุณคือพวกกู"
"เท่าไหร่?" วิเวียนรีบตัดบทเพราะประโยคนี้เธอจะได้ยินทุกครั้งเวลาโดนด่า
"หนึ่งล้าน"
"ห๊ะ!!! อะไรนะแม่ หนูจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน เดือนๆนึงหนูก็ใช้จ่ายค่าห้องค่ากินเหมือนกันนะแม่" เธอตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
"ก็มึงส่งเงินมาให้พวกกูไม่พอใช้ กูก็ต้องไปกู้นอกระบบมาดิวะ เงินต้นบวกดอกเบี้ยแล้วรวมของกินของใช้ของกูของพ่อและของน้องมึงก็รวมๆแล้วหนึ่งล้านพอดี มึงก็ใช้ความสวยจับเสี่ยรวยๆสักคนสิ่วะอีโง่ ไหนๆก็ขายหะ....เอ้ย ไหนๆก็ทำงานกลางค่ำกลางคืนได้เงินดีแล้ว"
"แม่ แต่เงินขนาดนั้นหนูจะหามาจากไหน แล้วทำไมกู้มาเยอะขนาดนั้น"
"ฮึก ฮือ มึงไม่คิดจะช่วยเหลือครอบครัว ฮึก อึก ที่เลี้ยงมึงมาเลยใช่ไหม มึงอยากให้ ฮึก พวกกูต้องเป็นคนเร่ร่อนหรอไง อีลูกอกตัญญู" ปลายสายร้องไห้โฮออกมาไม่หยุด พร้อมกับคำพูดด่าทอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"หนูก็ไม่รู้จะหาเงินขนาดนั้นมาจากไหนเหมือนกัน ขอเวลาหนูคิดก่อนได้ไหม ยังไงเดี๋ยวหนูโทรกลับนะจ๊ะ" วิเวียนไม่รอให้ปลายสายตอบกลับเธอกดวางสายทันที ดวงตากลมโตมองเงินในซองขาวนั้น ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาไม่หยุด เธออยากจะใช้เงินก้อนนี้หนีไปอยู่ต่างประเทศ ไปหางานใหม่ทำที่โน้นเอาเอง ไม่อยากรับรู้ปัญหาของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว
ชีวิตเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว แต่เป็นครอบครัวของป้าที่รับเธอมาเลี้ยง ตอนแรกก็รักเธอเหมือนลูกแท้ๆเพราะเธอมีมรดกจากพ่อแม่แท้ๆของเธอให้ไว้ก้อนหนึ่ง เงินทุกบาททุกสตางค์เธอให้ไว้กับผู้เป็นป้าที่เธอเรียกว่าแม่ด้วยเพียงเพราะเชื่อใจ พอเงินก้อนนั้นหมดโดยที่เธอแทบไม่ได้ใช้ ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร ชีวิตเธอไม่ต่างจากคนใช้คนนึง ทำทุกอย่างทั้งงานบ้าน ทำสวนทำไร่ และยิ่งแย่ไปกว่านั้นน้องสาวเธอที่พึ่งมาเกิดเป็นลูกแท้ๆของแม่(ป้า) เธอต้องเหนื่อยคูณสองทั้งเลี้ยงน้องที่แถมเอาแต่ใจและมีแต่ความเกลียดชังให้เธอ เธอกลายเป็นคนรองรับอารมณ์ของคนในบ้านจนสุดท้ายเธอทนไม่ไหวแอบหนีออกจากบ้านเข้ากรุงด้วยเงินติดตัวแค่ไม่กี่บาท โชคดีที่ได้มาเจอเจ๊ซูซี่ที่รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูก จนเธอเริ่มทำงานและมีเงินจำนวนหนึ่งพอที่จะไว้กินไว้ใช้ได้บ้าง
แต่ด้วยความคิดที่ว่าไม่อยากเป็นเด็กอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่เลี้ยงเธอมาจนโต เธอจึงเอาเงินจำนวนหนึ่งส่งไปให้ทางบ้านและได้ให้เบอร์ติดต่อไว้เมื่อเดือดร้อนให้โทรหาเธอ ถ้าเธอช่วยได้เธอจะช่วย แต่แล้วความอัปยศก็กลับมาทำร้ายเธออีกครั้ง ไม่เคยมีคำว่าพอในครอบครัวนี้จริงๆ ไม่ต่างจากเจ้าหนี้ขูดเลือดขูดเนื้อเธอกับเหตุผลที่ว่า ผู้มีพระคุณ ผู้มีบุญคุณ
ตื้ด ตื้ด ตื้ด มือบางกดโทรศัพท์โทรหาคนที่คิดจะช่วยเธอได้
"ฮะ ฮัลโหลวิ โทรหาเจ๊แต่เช้าเลย มีอะไรหรือเปล่า" ปลายสายรับด้วยน้ำเสียงงัวเงียบ่งบอกว่าเธอโทรเข้ามาขัดจังหวะเวลานอน
"ขอโทษนะเจ๊ซูซี่ที่วิโทรมารบกวนเวลานอน เอ่อ....เดือนนี้พอจะมีลูกค้าซุปเปอร์วีวีไอพีจองโต๊ะที่ผับเราบ้างไหม" วิเวียนถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะการที่ลูกค้าระดับนี้จะเข้าผับต้องมีการจองล่วงหน้า และคนที่รู้เรื่องที่สุดก็ไม่พ้นเจ๊ซูซี่ที่คอยจัดงานให้เด็กๆในผับ
"ก็พอมีอยู่ เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกว่าพวกปลิงโทรมาขอเงินอีกแล้ว" ปลายสายพูดกลับมาอย่างรู้ทัน
"อืม หนึ่งล้าน" วิเวียนเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เจ๊ซูซี่ฟัง ไม่แปลกที่เจ๊ซูซี่จะเดาทางได้ เพราะเมื่อก่อนเวลาเธอเดือดร้อนและต้องใช้เงินเจ๊ซูซี่ก็จะดันเธอให้ได้งาน
"หนึ่งล้าน!!!! นี่มันคิดจะดูดกันให้หมดตัวเลยหรอไง" ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงโมโหอย่างเหลืออด
"ทำไงได้ละเจ๊ พวกเขาเป็นคนเลี้ยงวิมา ถ้าไม่ได้พวกเขา ตอนนี้วิก็ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง"
"วิเอ๊ย ถ้าแกไม่เด็ดขาดกับพวกนั้น ก็จะยิ่งสูบเลือดสูบเนื้อแกอยู่แบบนี้ และนี่ตั้งหนึ่งล้านก็มีแต่เงินของคุณคาไลน์เท่านั้นที่ช่วยแกได้ ถ้าให้เจ๊เอาแขกเอสวีวีให้แก มีหวังอีพวกยัยนารามันไม่ยอมแน่ อีกอย่างต้องรับแขกกี่คนถึงจะได้เงินขนาดนั้นวิก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรอลูก" เจ๊ซูซี่พูดใส่เธอรัวๆ
"....." เธอได้แต่คิดตามที่เจ๊ซูซี่บอก มันก็จริงทุกอย่าง มีทางเดียวคือเงินก้อนนั้น และไม่มีใครยอมให้เธอตัดหน้าแขกรับงานคนเดียวเป็นแน่
"ทำไมชีวิตแกต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากคนพวกนี้สักที"
"เห่อ...ชั่งเหอะเจ๊ ถ้าคิดอย่างนั้นก็ยิ่งทุกข์ใจเปล่าๆ งั้นวิไม่กวนเจ๊ละ นอนต่อเถอะ"
หลังจากวางสายร่างบางนอนคิดอยู่บนเตียงเงียบๆ "ทำไมวิจะไม่อยากหลุดพ้นละเจ๊" วิเวียนพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว
-1 ชั่วโมงผ่านไป-
ร่างบางประทินโฉมอยู่หน้ากระจกเงาภายในห้องนอนเล็กๆ เธอกำลังแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างเบาบางลงบนใบหน้าหวาน วิเวียนอยู่ในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีขาวดูสะอาดตา ไม่เน้นโชว์เรือนร่างมากนัก ซึ่งสไตล์การแต่งตัวจะต่างกับชีวิตในการทำงานของเธออย่างสิ้นเชิง จากสาวเซ็กซี่ในตอนกลางคืนเป็นสาวหวานในตอนกลางวัน
วันนี้เธอตั้งใจจะเอาเงินจำนวนหนึ่งไปเข้าธนาคารและโอนให้ที่บ้าน สุดท้ายแล้วเธอก็ตัดสินใจอย่างที่เจ๊ซูซี่บอก เพราะไม่มีทางที่ใครจะกล้าให้เงินเธอยืมเป็นแน่
“หวังว่าโชคชะตาคงไม่เล่นตลกอะไรกับชีวิตฉันอีกนะ แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” วิเวียนพูดกับตัวเองผ่านกระจกเงา ดวงตากลมโตมองภาพสะท้อนของตัวเอง ชีวิตเธอไม่เคยมีคำว่าสุขสบาย ความสุขที่แท้จริงเป็นแบบไหนเธอยังไม่เคยได้สัมผัส
“วันนี้สิบเอ็ดโมงตรงมีงานฉลองครบรอบสี่สิบปีของห้างxxxครับ แล้วหลังจากนั้นไม่มีตารางนัดหมายแล้วครับ” เป็นเรื่องปกติที่ทุกวันซีโน่จะเข้ามาบอกตารางงานให้เจ้านายหนุ่มได้รับทราบภายในห้องทำงานที่คฤหาสน์พันล้านของเขา ถ้าวันไหนที่ไม่ได้เข้าบริษัท คาไลน์จะตื่นเช้าทุกวันเพื่อมาออกกำลังกายและหลังจากนั้นก็จะขลุกตัวเองอยู่ในห้องทำงาน ต่อให้เขาไปดื่มมาหนักแค่ไหน คาไลน์ไม่เคยทิ้งงานและไม่เคยปล่อยตัวเองให้โทรม เขาจึงหมั่นออกกำลังกายและดูแลตัวเองเป็นพิเศษ
“อืม” คาไลน์ส่งเสียงครางในลำคอ สายตาคมยังคงจับจ้องที่เอกสารตรงหน้าไม่ละสายตาไปไหน
“นายจะรับกาแฟดำเลยหรือให้ผมเตรียมใส่แก้วเก็บความร้อนไว้ดื่มในรถระหว่างทางครับ”
“เอาใส่แก้วและไปรอกูที่รถได้เลย” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอกลูกน้องคนสนิท
“ได้เรื่องที่กูให้ไปสืบหรือยัง” คาไลน์เงยหน้ามาถามซีโน่
“นี่ครับ วิเวียน เป็นเด็กสาวต่างจังหวัด พ่อแม่แท้ๆเสียหมดแล้วครับ มีลุงกับป้าที่นับถือเป็นพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงรับช่วงต่อดูแล ทั้งคู่มีลูกตัวเอง 1 คน แต่เท่าที่รู้มาเธอจะค่อยเป็นคนรับใช้มากกว่าลูกบุญธรรม คนแถวนั้นบอกว่าเธอหนีออกจากบ้านเพื่อมาขายตัวในกรุงเทพครับ” ซีโน่ส่งภาพถ่ายของหญิงสาวใบหน้าสะสวยให้กับเจ้านายหนุ่มได้เห็น ก่อนจะพูดประวัติที่เขาไปสืบมาตามคำสั่ง เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายของเขาถึงอยากรู้เรื่องเธอ
คาไลน์ปลายตามองภาพถ่ายของเธอด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ใบหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงความรู้สึกแต่อย่างใด
“อืม ออกไปได้” ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งหลังจากลูกน้องคนสนิทออกไปแล้ว คาไลน์เคาะโต๊ะเบาๆพรางใช้ความคิด
“เด็กใจแตกงั้นหรอ” สายตาของเขามองรูปนั้น
@ห้างสรรพสินค้า
“ทำไมวันนี้คนเยอะจัง แค่สิบแอดโมงเอง” วิเวียนพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นผู้คนมากมายหลั่งไหลกันเข้ามาในห้างจนแทบล้นทะลักออกนอกห้าง
ร่างบางเดินไปเรื่อยๆก็เจอกับกลุ่มคนจำนวนมหาศาลยืนมุงดูกิจกรรมจัดแสดงของห้าง
“คนอะไรหล่ออย่างกับเทพบุตร”
“พ่อของลูกเลยจริงๆ”
“พ่อไมโครเวฟของฉัน”
คำพูดของสาวเล็กสาวใหญ่ต่างพูดไปในทิศทางเดียวกัน
“ขนาดนั้นเลยหรอ เป็นคนไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆอยู่แล้วสิ ขอมองผ่านหน่อยละกัน” วิเวียนพึมพำกับตัวเอง และก้าวขาเรียวยาวฝ่าฝูงชนเข้าไปดูให้เห็นชัดๆ
“ทางห้างของเรารู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับ ที่ได้คุณคาไลน์มาเป็นประธานตัดริบบิ้นครบรอบสี่สิบปีห้างxxxของเรา” พิธีกรพูดผ่านไมค์เสียงดังไปทั่วห้าง จนคนที่กำลังฝ่าคนจำนวนมากเพื่อแทรกตัวเองเข้าไปถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่อที่เธอคุ้นเคย