บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 11คุมขัง

ทางฝั่งเฟิงลี่

นางเองก็เอ่ยคำใดไม่ออกเช่นกัน

เพราะตั้งแต่ช่วงบ่ายหลังจากวิ่งหนีชายผู้นั้นมาไกลโข จวบจนยามนี้ที่ดึกสงัดเต็มที นางก็ยังไม่อาจขยับตัวได้โดยสะดวกแต่อย่างใด

ในหลุมลึกใต้โพรงดินซึ่งมีพุ่มหญ้าแห้งปกคลุมอยู่ด้านบนอย่างแนบเนียนอันคาดเดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นกับดักสำหรับสัตว์ป่า เด็กสาวค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้าระมัดระวังเพื่ออิงแผ่นหลังกับผนังดินอันเย็นเยียบอย่างอ่อนแรง

พอขยับเท้าก็ปวดวูบขึ้นมา เรียวคิ้วยิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม เฟิงลี่รู้สึกเจ็บแปลบตั้งแต่เท้าจนถึงไขสันหลัง คิดว่ากระดูกข้อเท้าคงแตกหรือไม่ก็ร้าวเสียแล้ว

เมื่อเพ่งสายตาอาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์อันไกลโพ้น เพื่อมองสำรวจหลุมลึกแห่งนี้ คาดคะเนความสูงด้วยระยะสายตา ก็ทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างหมดกำลังใจ

ตรงนี้เป็นสภาพป่ารกทึบทั้งรกร้างลับตา เด็กสาวคาดว่าคงไม่มีใครรู้เป็นแน่ว่านางบังเอิญตกลงมาได้ลึกขนาดนี้

เฟิงลี่พยายามขยับตัวอีกคราเพื่อจัดท่านั่งให้สบายตัว ถึงแม้จะหาความสบายใดๆ ในหลุมแห่งนี้ไม่ได้เลยก็ตามที

ยามดึกอากาศชื้นพื้นดินเปียก กระแสไอเย็นเกาะกุมกระดูกสันหลัง ดรุณีนั่งหน้าซีด กลีบปากสั่นระริก เนื้อตัวสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ทั้งร่างหนาวเหน็บจนสะท้านไปหมด

ข้อเท้าที่เจ็บระบมยังผลให้น้ำตาปริ่มๆ อยู่ตรงขอบตา ไม่นานก็ไหลลงอาบแก้มนวลที่เปื้อนฝุ่นดินอย่างช้าๆ

เฟิงลี่ร้องไห้อย่างไร้สุ้มเสียง เนิ่นนานทีเดียวกว่าจะหลับไปอย่างอ่อนเพลียเกินต้านทาน...

สาเหตุที่เฟิงลี่ตกลงมาในหลุมลึกอันเร้นลับ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ช่วงเวลาบ่าย

ยามนั้นเด็กสาวแข่งขันล่าสัตว์กับเจิ้งเซียวเล่อ เมื่อเจอกับจิ้งจอกสีขาวงดงามตัวหนึ่ง เฟิงลี่จึงยกคันธนูขึ้นเตรียมยิง

ทว่าในจังหวะนั้นชายหนุ่มกลับส่งเสียงห้ามปราม มิให้นางยิงเจ้าตัวขนขาวแวววาวตัวนั้น

เฟิงลี่ให้รู้สึกไม่ยินยอมจึงไม่ฟัง ทำท่าจะยิงอย่างมุ่งมั่น เพื่อรู้ผลแพ้ชนะในคราเดียว จะได้จบเรื่องเสียที

เมื่อเห็นคนงามจะยิงสัตว์ต้องห้ามอันอาจจะมีความผิด เจิ้งเซียวเล่อจึงขัดขวางเอาไว้ การทะเลาะกันพลันเกิดขึ้นทันใด

แน่นอนว่าเฟิงลี่ไม่อาจล่วงรู้ถึงกฎระเบียบวังหลวงเกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอกหิมะขนขาวตัวนี้

ยิ่งไม่รู้ว่าอีกคนเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ การล่วงเกินตามอารมณ์แห่งตนอย่างตรงไปตรงมาย่อมต้องมี

แต่กระนั้นเจิ้งเซียวเล่อยิ่งชอบใจ เห็นนางบันดาลโทสะคล้ายแม่เสือสาวตัวน้อย เขาก็ยิ่งยั่วยุนางให้โกรธา

ทั้งสองประมืออยู่หลายกระบวนท่า ฝ่ายสตรีมีฝีมือการต่อสู้เชิงยุทธ์ก็จริง ทว่าไม่อาจเทียบชั้นฝ่ายบุรุษได้

นางสังเกตว่าคนตัวโตออมมือให้ถึงแปดส่วน นางจึงได้ใจ ใส่หมัดส่งเท้าออกไปไม่มีออมแรง

ทว่าเสมือนชกอากาศเตะสายลม เฟิงลี่ที่มีนิสัยใจร้อนวู่วามอยู่แต่เดิมจึงยิ่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางกระโดดโถมร่างนุ่มเข้าใส่เจิ้งเซียวเล่อทั้งตัวอย่างขัดเคือง

การต่อสู้อันเดือดพล่านจึงเป็นไปในท่วงท่าพัวพันพัลวัน เกิดเป็นภาพชายหญิงในลักษณะหมิ่นเหม่ไม่น้อย

ท้ายที่สุดปลายเท้าบุรุษถึงกับสะดุดรากไม้

ทั้งสองเสียหลักล้มลงกลิ้งไปบนพื้นดินทั้งตัว และจบลงตรงท่วงท่าแนบชิดเกินควบคุมได้

ริมฝีปากอ่อนนุ่มของพวกเขาประกบกันราวกับความฝัน

ฝ่ายสตรีชะงักงันเบิกตาโต ทว่าฝ่ายบุรุษกลับชะงักเพียงชั่วครู่จากนั้นยิ่งรู้สึกชอบใจ

เขาจึงทำตามอารมณ์อันมีเลือดลมพลุ่งพล่านรุ่มร้อนของชายวัยหนุ่มแน่นเป็นที่ตั้ง เอาแต่ใจยิ่ง

ริมฝีปากที่บังเอิญประกบพลันเกิดการบดขยี้ซ่านทรวง

เฟิงลี่ถึงกับตัวเกร็งแข็งทื่อ สมองขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ออก มองอะไรไม่เห็น

นางมองเห็นแค่แววตาคมกล้าที่กำลังทอประกายเจิดจ้าดุจเปลวเพลิงของชายเหนือร่างในระยะประชิด

ท่ามกลางผืนป่าเขียวครึ้ม เรือนร่างของสองชายหญิงจมหายไปในพื้นหญ้าเขียวขจี

ใบหน้าของสตรีร้อนผ่าว นางตัวชา หัวใจเต้นโครมคราม เมื่อรับรู้ถึงริมฝีปากนุ่มอุ่นที่บดขยี้ ลมหายใจร้อนระอุที่รินรด

การใกล้ชิดเกิดขึ้นถึงเพียงนั้น แต่นางกลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด ตรงกันข้าม นางยิ่งซึมซับรสสัมผัสอันแปลกประหลาดของเขาเอาไว้ในใจ

เมื่อรู้ตัวอีกทีริมฝีปากจิ้มลิ้มก็แดงก่ำ ช้ำไปหมดแล้ว

เสี้ยวเวลาที่ตั้งสติได้ เฟิงลี่ออกแรงผลักแผงอกกว้างให้ออกห่าง ก่อนส่งเข่าน้อยๆ ใส่หน้าท้องตึงแน่นของเขาเต็มแรง

เสียงพลั่กเกิดขึ้นตรงส่วนสงวนแข็งขึงร้อนผ่าว

เจิ้งเซียวเล่อถึงกับหลบไม่ทัน จุกจนเปล่งเสียงไม่ออก ได้แต่นอนหน้าแดงขบกรามแน่นจมผืนหญ้า

จังหวะนั้นเฟิงลี่ก็วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความตกใจ

หลังจากวิ่งมาไกลโดยไม่รู้ตัว ท้ายที่สุดก็ก้าวเท้าพลาด ตกลงมาในหลุมลึกแห่งนี้จนศีรษะฟาดก้นหลุมแล้วสลบไปทันที

ช่างบัดซบสิ้นดี!

ตื่นมาอีกทีก็พบว่าฟ้ามืดแล้ว ต่อให้ตะโกนก้องขอความช่วยเหลือจนลำคอแตกละเอียด

ใครจะมาได้ยินเล่า!

ในหลุมลึก

ในความโชคร้ายของคนผู้หนึ่งยังมีความใจร้ายของสวรรค์ซ้ำเติมอีกชั้น

เฟิงลี่ทั้งเจ็บทั้งหนาว ท้ายที่สุดก็เป็นไข้นอนซม ยังเจอฝนตกหนักประหนึ่งทวยเทพกำลังช่วยเทน้ำลงมาบนผืนพิภพอย่างเกรี้ยวกราดโกรธา

ฝนที่ตกลงมาทำให้หลุมลึกแห่งนี้กลายเป็นบ่อน้ำทันที นางลอยตัวและพยายามปีนขึ้น กว่าจะตะเกียกตะกายขึ้นมาจากหลุมนั้นได้ก็ระบมช้ำหนักที่ข้อเท้า กระดูกที่เดิมทีแค่ร้าวเล็กน้อยกลับร้าวหนักกว่าเดิม กระทั่งบวมแดงยิ่งขึ้น เดินเหินแทบมิได้ ไข้ก็ยังไม่หายดี

เด็กสาวคิดว่าคงจำต้องใช้เวลารักษาอาการบาดเจ็บที่กระดูกข้อเท้าของตัวเองก่อนค่อยเดินทางต่อก็ได้ ให้เวลาร่างกายได้สมานตัวเองจนมั่นใจว่ากระดูกของนางไม่มีปัญหาในระยะยาว

คงใช้เวลาประมาณสามเดือนกระมัง

เวลาสามเดือนนี้นับว่าไม่นานเท่าใด เมื่อเทียบกับการเติบโตอย่างยากลำบากในหุบเขาเหลิ่งซานนานถึงสิบสี่ปี

ทว่าผ่านไปเพียงสามวัน ข้อเท้าที่ยังบวมเป่งแค่ขยับยังทำมิได้ เฟิงลี่กลับรู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง ลางสังหรณ์บอกนางว่าเรื่องไม่คาดฝันกำลังมาเยือน เมื่อสติของนางจู่ๆ ก็เริ่มเลือนราง จากนั้นความมืดมิดพลันแทรกซึมความสว่างอันน้อยนิดที่มี

ก่อนที่เด็กสาวจะสิ้นสติ กลับได้ยินเสียงทุ้มหนักของบุรุษปริศนาดังขึ้น “ในที่สุดก็เจอตัวเสีย”

อีกคนเอ่ยบ้าง “หัวหน้าของเราให้พานางไปที่ใด?”

“พาไปเรือนพักริมทะเลสาบฝั่งตะวันตกของเมืองหลวงตามคำสั่ง ไป!”

สิ้นเสียงสนทนาปริศนา สติเสี้ยวสุดท้ายของเฟิงลี่ก็ดับลง

เวลาผ่านไปนานเท่าใดก็สุดรู้...

แม่นางน้อยสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ในห้องอบอุ่น เสื้อผ้าถูกผลัดเปลี่ยน บาดแผลตามลำตัวถูกทายาอย่างดี

ข้อเท้าที่กระดูกแตกร้าวบวมเป่งยังมีผ้าขาวพันรอบๆ เอาไว้อย่างแน่นหนา รับรู้ได้ถึงยาที่เคลือบทาไว้อย่างดี

เฟิงลี่ตื่นตะลึง เมื่อรวบรวมสติได้ก็เหลือบตาขึ้นมองรอบๆ พบว่าห้องแห่งนี้มืดทึบแต่มีหน้าต่างเล็กบานหนึ่งอยู่เยื้องกับหัวเตียงเพื่อเปิดอ้ารับอากาศถ่ายเทได้เล็กน้อย

หน้าต่างบานนี้เล็กมาก เพียงยื่นหน้าออกไปได้เท่านั้น

เด็กสาวขยับตัวขึ้นไม่กี่อึดใจก็สามารถเกาะขอบหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกเพื่อสำรวจตามวิสัย

นอกห้องนี้ไร้บ้านเรือนอื่นใดให้เห็น เป็นแม่น้ำโล่งกว้างทั้งเวิ้งว้างเกินจะหยั่ง คล้ายทะเลสาบ กวาดตามองจนแน่ใจจึงรู้ว่านี่คือเรือพักแรม มองไปไกล ๆ เห็นเรือนริมทะเลสาบที่ตั้งตระหง่านกลางทุ่งหญ้าผืนใหญ่ ห้องที่นางอยู่นี้คือชั้นที่สูงมาก เมื่อไล่สายตามองลงไปพบว่าด้านล่างมีชายชุดดำตัวโตหลายคนกำลังยืนถมึงทึงไม่มีขยับ ที่บั้นเอวแต่ละคนมีดาบยาวห้อยอยู่ ลักษณะน่ากรงขามอย่างยิ่ง คล้ายผู้คุมที่คอยควบคุมคนในห้อง เพื่อกักขังเอาไว้มิให้ออกไปได้

เด็กสาวยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่

คุมขังคนในห้อง จะเป็นใครไปมิได้นอกจากนางแล้วล่ะ!

เฟิงลี่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สองมือเล็กที่กอบกุมขอบหน้าต่างเริ่มสั่นสะท้าน นางมีความผิดติดตัวโดยการถูกใส่ร้ายจากพี่จิ่วเม่ย

การถูกจับมาขังเอาไว้เช่นนี้ใช่ความผิดนั้นหรือไม่?

ชั่วขณะความคิดกำลังล่องลอยไปไกล เฟิงลี่รับรู้ได้ถึงลำแสงหนึ่งวาบผ่าน

เดิมทีห้องนี้ค่อนข้างมืดสลัว มีแสงสว่างลอดผ่านจากหน้าต่างน้อยนิด เมื่อมีแสงเพิ่มขึ้นเด็กสาวจึงรีบหันไปมอง

นางเห็นสตรีร่างอวบผู้หนึ่งเปิดประตูเข้าห้องมาพร้อมชามยาร้อนกรุ่นในมือ เมื่อเดินข้ามธรณีประตูก็มีชายชุดดำตัวโตรีบปิดให้จากด้านนอก คล้ายหวาดระแวงว่าคนด้านในจะออกไป

เฟิงลี่เกาะขอบหน้าต่างแน่นขึ้น เห็นหญิงผู้นั้นยิ้มเย็น

“ตื่นแล้วหรือ? ดื่มยาก่อนแล้วกินข้าว จากนั้นก็พักผ่อน นอนหลับให้สบายเถอะ”

แน่งน้อยเลิกคิ้วสูง มองสตรีผู้นั้นนิ่งขึง ครู่หนึ่งจึงก้มมองเนื้อตัวตนเองอีกครั้ง ทั้งแผลทั้งกระดูกข้อเท้าที่แตกร้าวได้รับการทายาและพันผ้าประคองเอาไว้อย่างดี

เฟิงลี่เริ่มลังเลไม่แน่ใจ

คุกคุมขังของเมืองหลวงดูแลนักโทษดีปานนี้?

ทุกวันหลังจากนั้นเฟิงลี่ยิ่งได้รับการ ‘คุมขังอย่างดี’ ภายในเรือขนาดใหญ่ซึ่งลอยอยู่ข้างเรือนริมทะเลสาบแห่งนี้ในลักษณะน่าแปลกใจ

เด็กสาวได้กินอาหารครบทุกมื้อ มีเสื้อผ้าสะอาดสวมใส่ มีน้ำชาดื่ม มีน้ำสะอาดชำระกาย

เดิมทีแค่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตน้อยๆ ของเฟิงลี่ หากแต่นางกลับรู้สึกไม่ชอบเลยสักนิด มันไม่น่าอภิรมย์สักเท่าใด คนพวกนี้ไม่มีใครน่าไว้วางใจ

เพราะพวกเขามิให้นางขยับกายออกนอกห้องแม้ครึ่งก้าว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel