บทที่ 6 พูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือ
บทที่ 6 พูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือ
เมื่ออารียาเดินเข้ามาในห้องรับแขก เธอก็รู้สึกถึงความเยือกเย็นอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ในใจรู้สึกแปลกเล็กน้อย
สมาชิกทั้งสี่ของครอบครัวไปยืนอยู่อีกด้านในห้องรับแขก ทุกครั้งที่มีประชุมตระกูล มีเพียงแค่ครอบครัวของเธอที่ต้องยืน
“ในเมื่อมากันครบแล้ว อย่างนั้นก็เริ่มการประชุมตระกูลเลยแล้วกัน การที่เรียกพวกเธอมาก็ไม่ใช่เรื่องอื่นไกล เป็นเรื่องการซื้ออาคารสำนักงาน”
“ตอนนี้ตระกูลฉัตรมงคลของเราก็นับว่าเป็นตระกูลที่พัฒนาได้ค่อนข้างดี ที่ตั้งสำนักงานของบริษัทจะดูโทรมเหมือนอย่างที่เป็นในตอนนี้ไม่ได้ ฉันได้ไปดูอาคารสำนักงานที่อสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ อยากจะซื้ออาคารนี้ พวกเธอมีใครอยากจะจัดการเรื่องนี้หรือเปล่า”
นภทีป์กวาดสายตามองไปยังทุกคน
ทุกคนต่างพากันก้มหน้า เพราะกลัวจะสบตากับชายชราแล้วจะโดนสั่งให้รับผิดชอบเรื่องนี้
ตระกูลฉัตรมงคลอยู่ในระดับใด พวกเขารู้อยู่แก่ใจ ฝ่ายนั้นเขาดูถูกเรา ในบรรดาพวกเขาก็เคยโดนฝ่ายนั้นทำเมินเฉยใส่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากรับผิดชอบเรื่องนี้
“หึ ตอนที่เป็นเรื่องไร้สาระพวกแกรีบตอบกันแทบไม่ทัน นี่พอเป็นเรื่องจริงจังพวกแกกลับเงียบเป็นเป่าสาก ทำไม พวกแกคิดว่าตระกูลเราจะซื้ออาคารสำนักงานของอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ไม่ได้หรือไง” นภทีป์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทุกคนต่างพากันก้มหน้าลงไปอีก
อารียาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปตามอำเภอใจ แม้ว่าเธออยากซื้ออาคารสำนักงานให้บริษัท แต่เธอก็รู้ดีว่ามันยากแค่ไหน ตอนนี้เธอได้แต่คิดเงียบๆ ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงมือทำนอกจากเธอทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่งั้นก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย
จู่ๆ ธายุกรก็เหลือบไปมองอารียา เขาเผยรอยยิ้มร้ายกาจ แล้วพูดเสียงดังว่า “คุณปู่ วันนั้นผมได้ยินมาว่าอารียามีวิธีที่จะซื้อตึกสำนักงานมาจากอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ อย่างนั้นเรื่องนี้ก็ให้เธอรับผิดชอบสิ”
อารียาเบิกตาโพลง คิดไม่ถึงว่าธายุกรจะพูดแบบนั้นออกมา
เธอกำลังจะปฏิเสธ ชรินทร์ทิพย์ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ใช่ค่ะคุณปู่ วันนั้นอารียาพูดออกมาเอง เธอพูดว่าแค่เธอออกโรง ก็สามารถซื้อตึกนั่นมาได้แน่นอน อีกทั้งยังสามารถทำให้อสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ลดครึ่งราคาให้เราอีกด้วย”
นภทีป์ตาเป็นประกาย เขาเป็นคนที่ชอบมีหน้ามีตาแต่ตระหนี่ ถ้าอารียาสามารถซื้ออาคารสำนักงานได้ แถมพวกเขายังลดครึ่งราคาให้อีก นี่มันเป็นเรื่องที่ดีมาก
“อารี ที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” นภทีป์เอ่ยปากถาม
อารียารีบอธิบาย “คุณปู่ หนูไม่เคย…”
ชรินทร์ทิพย์พูดแทรกขึ้นมา “พี่ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก วันนั้นพวกเราได้ยินสิ่งที่พูดกับหูตัวเองเลยนะ”
พอพูดจบเธอก็ส่งสายตาไปให้ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคล คนพวกนั้นรู้ทันทีว่าเธอต้องการสื่ออะไร พวกเขาเริ่มพูดเสริมทันที
“ใช่ มันเป็นเรื่องจริง วันนั้นพวกเราก็ได้ยินสิ่งที่อารีพูด”
“ในเมื่ออารียาสามารถซื้อตึกนั่นได้ในราคาห้าล้าน อย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงจะต้องยกให้เธอรับผิดชอบแล้วล่ะ”
“ใช่ ตระกูลฉัตรมงคลเลี้ยงเธอจนโตมาขนาดนี้ ถึงเวลาที่เธอต้องตอบแทนตระกูลแล้วล่ะ พูดแล้วคืนคำไม่ได้นะ อย่างนั้นก็ให้เธอจัดการเรื่องนี้เลยแล้วกัน”
……
อารียาโดนโจมตีจากคำพูดของทุกคนจนทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก ขณะนั้นเองเธอก็เห็นรอยยิ้มเย็นยะเยือกบนใบหน้าของธายุกร เธอรู้ทันทีว่ามันเป็นแผนการของเขา
ศศินัดดากับศักดาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนพวกนี้จะให้อารียาซื้อตึกนั่นในราคาห้าล้าน ทั้งสองรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
เธอหันไปมองรพีพงษ์ เขากลับมีท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว ราวกับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้
ศศินัดดาเห็นท่าทีของเขาแล้วก็รีบต่อว่าขึ้นมาทันที “เพราะแกมันเป็นตัวซวย ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก”
นภทีป์มองอารียาแล้วพูดขึ้นมาว่า “อารี ในเมื่อเธอมั่นใจ อย่างนั้นเรื่องนี้ก็ยกให้เธอจัดการแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะให้คนเอาเงินมาให้ ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ ฉันมีรางวัลให้เธอแน่นอน”
ธายุกรและชรินทร์ทิพย์ได้ยินสิ่งที่ชายชราพูด ก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ยิ้มอย่างคนที่สมคบคิดกันทำชั่ว
อารียาขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “คุณปู่ตึกนั่นราคาปกติคือสิบกว่าล้าน หนูกลัวว่าห้าล้านคงจะ…”
“อารียา แต่เธอพูดออกมาจากปากเองนะว่าสามารถทำให้อสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ลดราคาให้เธอได้ ตอนที่เธอคุยกับเราก็ดูมั่นใจมากนิ ทำไมพอมาอยู่ต่อหน้าคุณปู่ เธอกลับไม่ยอมรับ หรือว่าเธอจะหลอกเอาเงินคุณปู่เหรอ” ชรินทร์ทิพย์รีบพูดขึ้นมา
ศศินัดดาเห็นว่าลูกสาวอธิบายไม่ได้ จึงยิ้มแล้วพูดว่า “เจน เธออาจจะได้ยินมาผิดนะ แคลร์จะคุยโอ้อวดขนาดนั้นได้ยังไงกัน พวกเธอก็รู้ว่าแคลร์ไม่ใช่คนที่ชอบคุยโอ้อวด อย่าทำให้เธอลำบากใจเลย”
“อาสะใภ้พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ตอนที่อารียาพูดเรื่องนี้พวกเราก็อยู่ที่นี่กันทั้งหมด เราได้ยินมันอย่างชัดเจน ตอนนี้พวกคุณกลับปฏิเสธ เป็นไปได้ไหมว่าอารียาจะใช้ประโยชน์จากคุณปู่ และไม่จัดการเรื่องนี้แทนคุณปู่” ธายุกรถามซักไซ้
ศศินัดดาช็อกจนพูดอะไรไม่ออก
นภทีป์ก็หมดความอดทนกับคำแก้ตัวของอารียา ชายชรามีสีหน้าเย็นชา แล้วพูดออกมาว่า “ในเมื่อทุกคนได้ยิน ทำไมอยู่ต่อหน้าฉันแกถึงไม่ยอมรับ”
“หรือว่าแกจะเป็นอย่างที่ธายุพูด จะใช้ประโยชน์จากตระกูล แต่ไม่สามารถทำอะไรให้ตระกูลได้”
อารียารีบเอ่ยปากพูด “คุณปู่ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฉันยอมทำเพื่อตระกูล แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร ในเมื่อแกยอมทำเพื่อตระกูล ก็ไม่ต้องหาข้ออ้างอะไรมาอีก เรื่องซื้อตึกนั่นแกก็รับไปจัดการซะ ถ้าแกไม่เต็มใจทำ แกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันไม่เลี้ยงคนที่เลี้ยงแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร” ชายชราพูดขึ้น
อารียารู้สึกลำบากใจไปหมด ในสถานการณ์แบบนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ว่านภทีป์ให้แค่ห้าล้าน ฝ่ายนั้นก็ดูถูกเราอยู่แล้ว มีแต่คุณปู่เท่านั้นที่ทะนงตนว่าตระกูลฉัตรมงคลเป็นตระกูลที่ดีเลิศ ตอนนี้เขาคิดว่าสามารถซื้อตึกนั่นได้ในราคาห้าล้าน ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
“คุณปู่ หนูรับปากที่จะจัดการเรื่องนี้ แต่ว่าการที่จะซื้อตึกในราคาห้าล้าน มันไม่พอหรอกค่ะ คุณปู่ให้เงินหนูเพิ่มสักหน่อยได้ไหมคะ แล้วหนูจะคิดวิธีไปคุยกับอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์” อารียาเอ่ยขึ้นมา
“นี่พี่กล้าต่อรองเรื่องเงินกับคุณปู่เหรอ” ชรินทร์ทิพย์พูดอย่างหงุดหงิด
นภทีป์เหลือบมองอารียา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้เงินเธอเพิ่มแม้แต่บาทเดียว ในความคิดของเขา การที่เขาซื้อตึกนั่น ก็ทำให้อสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ได้หน้าแล้ว การที่ฝ่ายนั้นลดราคาให้ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
ในขณะที่อารียากำลังกระวนกระวาย รพีพงษ์ก็ก้าวขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงดังว่า “ห้าล้านก็ห้าล้าน อารีจะต้องซื้อตึกนั่นมาได้แน่นอน”