บทที่ 3 ประธานกรรมการ
บทที่ 3 ประธานกรรมการ
รุ่งเช้าวันต่อมา รพีพงษ์ล้างจานเสร็จก็ขับรถคันเก่าๆ ของที่บ้านไปยังอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์
หน้าอาคารสำนักงานอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ หลังจากเขาจอดรถไว้ข้างทางเรียบร้อย เขาก็เดินเข้าไปข้างใน อสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์เป็นบริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาชุมชนหรูหรา โครงการที่พวกเขาได้พัฒนาล้วนเป็นโครงการเกี่ยวกับคฤหาสน์วิลล่าทั้งสิ้น คนที่มาซื้อที่อยู่อาศัย ถ้าไม่ใช่คนรวยก็คือคนใหญ่คนโต
ยังเดินไม่ทันถึงหน้าประตูสำนักงาน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมเครื่องแบบพนักงานแต่งหน้าหนา เดินเข้ามาหาเขา เธอมองประเมินเขาแล้วถามขึ้นว่า “หยุดก่อน นายคือคนที่มาซ่อมท่อประปาใช่ไหม นายเข้าไปทางประตูที่อยู่ด้านหลังนั่น ทางนี้คือทางที่เข้าไปยังห้องโถงที่ใช้ในการซื้อขายของเรา”
รพีพงษ์มองเธอด้วยสายตากระอักกระอ่วนแล้วพูดขึ้นมาว่า “ผมมาหาคนที่นี่ ไม่ได้มาซ่อมท่อประปา”
ผู้หญิงคนนั้นมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นเขาสวมเสื้อผ้าแผงลอย ก็แค่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป เธอแสดงแววตาดูถูกออกมา
ขณะนั้นเอง หญิงสาวก็เบิกตาโพลง แล้วพูดด้วยความตกใจว่า “รพีพงษ์?นายคือรพีพงษ์เหรอ”
เขาอึ้งไปแล้วมองไปยังหญิงสาว จากนั้นจึงถามออกไปว่า “คุณรู้จักผมเหรอ”
ผู้หญิงคนนั้นรีบยิ้มทันที “ฉันคือราศรี เพื่อนสมัยมัธยมปลายของนายไง นายลืมแล้วเหรอ”
รพีพงษ์คิดอยู่ครู่ใหญ่ ก็มีภาพคนคนหนึ่งลอยเข้ามาในสมอง ก็พูดออกมาว่า “ฉันจำได้แล้ว ราศรี ตอนนั้นเรายังนั่งข้างๆ กัน”
ที่แท้คนที่อยู่ตรงหน้าคือเพื่อสมัยมัธยมปลายของเขา แค่พวกเขาไม่ได้เจอกันหลายปี อีกอย่างเธอก็แต่งหน้า แล้วก็สวยขึ้นอีกด้วย เขาจึงจำเธอไม่ได้
หลังจากที่ราศรีจำเขาได้ ท่าทางของเธอก็แปรเปลี่ยนไปทันที จากท่าทีดูถูกก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นท่าทีเยาะเย้ย
ในตอนนั้นเธอเยาะเย้ยว่าเขาเป็นเด็กกำพร้ามาโดยตลอด ต่อมาเขาได้แต่งเข้าไปในตระกูลฉัตรมงคล ก็กลายเป็นที่ล้อเลียนของคนในเมืองริเวอร์ เธอมักจะนำเรื่องนี้ไปพูดเป็นเรื่องตลกกับเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ
เธอมองรพีพงษ์แล้วพูดขึ้นว่า “ได้ยินว่านายเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าไปในบ้านผู้หญิง เหอะ ฉันเคยว่าแล้วว่านายคงจะทำอะไรไม่ได้ความ ไม่คิดว่าจะพูดถูกจริงๆ ตอนนี้นายโด่งดังในเมืองริเวอร์มากเลยนะ ขนาดเพื่อนร่วมงานของฉันยังรู้ว่านายเป็นไอ้สวะเต็มตัว น่าตลกสิ้นดี”
สีหน้าของรพีพงษ์หม่นลงทันที เขาไม่คิดว่าการที่ได้เจอหน้าเพื่อน เรื่องที่อีกฝ่ายทำเป็นสิ่งแรกคือการเยาะเย้ยเขา
“ใช่สิ นายมาทำอะไรที่นี่เหรอ นายอย่าบอกฉันนะว่าจะมาซื้อบ้าน พวกเราขายแต่คฤหาสน์อะไรทำนองนั้น ระดับนาย ถึงแม้จะพยายามทั้งชีวิต ก็ยังไม่พอให้ซื้อกระเบื้องปูพื้นเลย” เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าคือคนที่ขึ้นชื่อว่าสวะอย่างรพีพงษ์ เธอก็พูดอย่างไม่มีความเกรงใจ
“ฉันมาหาผู้จัดการใหญ่ของคุณ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ราศรีแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “พอเถอะ นายอย่ามาแสร้งทำเป็นที่นี่อีกเลย นายยังไม่หยุดพูดยกยอตัวเอง มันเป็นพฤติกรรมที่น่าเอือมระอา แถมยังอยากพบผู้จัดการใหญ่”
“ฉันว่านายคงจะไม่เคยเห็นอะไรหรูๆ สินะ ถึงอยากมาดูบ้านหรูๆ ในบริษัทของเรา ฉันจะบอกให้นะ คฤหาสน์ที่นี่ นายดูไปก็ซื้อไม่ได้หรอก กลับกันมันจะยิ่งทำให้นายรู้ว่าตัวเองมันไร้ค่าแค่ไหน ฉันว่านายรีบกลับไปเถอะ แค่ดูสภาพนาย รปภ.จะมาลากนายออกไปนะ”
“ฉันต้องเข้าไปทำงานแล้ว ขี้เกียจคุยกับคนไร้ค่าอย่างนาย”
พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปข้างใน
รพีพงษ์พูดอะไรไม่ออก การที่เขามาที่นี่ก็เพื่อมาพบผู้จัดการใหญ่ของอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ อีกทั้งยังมาดำเนินการส่งมอบ ไม่คิดว่าจะโดนราศรี ดูถูกแบบนี้ เธอไม่ให้โอกาสเขาได้พูดด้วยซ้ำ
ช่างเถอะ เขาก็ไม่อยากสนใจผู้หญิงแบบนั้น สรุปแล้วสถานะที่ต่างกัน วิสัยทัศน์ก็ต่างเช่นกัน
ราศรีเดินออกไปไม่นาน ชายสวมสูทที่ดูฉลาดและมีความสามารถก็เดินผ่านมา เมื่อเขาเห็นรพีพงษ์ เขาก็รีบลุกลี้ลุกลนเข้ามาทำความเคารพ “คุณรพี”
“คุณคงจะเป็นคุณรพีสินะครับ ขอโทษที่ให้รอนานครับ ผมชื่อนรธีร์ เป็นผู้จัดการใหญ่ของอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ เรียนเชิญคุณไปที่ห้องทำงานเลยครับ”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเดินตามนรธีร์ เข้าไปในอาคารสำนักงานโดยผ่านทางเดินเฉพาะของผู้มีตำแหน่งสูง
ในขณะที่ขึ้นลิฟต์ นรธีร์เหลือบมองรพีพงษ์ เขาพบว่าคนหนุ่มคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น เสื้อผ้าที่สวมก็ดูไร้ราคา
แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าดูถูกรพีพงษ์แม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขาคือคนที่กุมอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์เอาไว้
วันนั้นตอนที่ชายชราคนนั้นมาและใช้เงินสองเท่าในการซื้อที่นี่โดยไม่เจ็บใจแม้แต่นิด เขาซื้อที่นี่เพียงเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับคุณชายของเขาเท่านั้น
เอาธุรกิจเป็นของขวัญเนี่ยนะ นรธีร์เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาไม่สามารถจินตนาการถึงความน่ากลัวของชายชราคนนั้นได้เลย
และรพีพงษ์ก็คือคุณชายที่ชายชราคนนั้นพูดถึง แม้เขาจะดูธรรมดาทั่วไป นรธีร์ก็ไม่กล้าสบประมาทเขา
ทั้งสองเข้ามาในห้องทำงาน นรธีร์เอาเอกสารสองสามฉบับให้เขาเซ็น จากนั้นก็ยื่นกุญแจให้กับเขา แล้วพูดว่า “คุณรพี ต่อจากนี้ไป คุณก็คือประธานกรรมการของอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์แล้ว นี่คือกุญแจของวิลล่าฟ้าอนงค์ เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงสถานะของคุณ โปรดเก็บเอาไว้ให้ดี”
รพีพงษ์รับกุญแจเอาไว้แล้วพยักหน้า “หลังจากนี้คุณก็ช่วยผมดูแลที่นี่ต่อไป ผมมาที่นี่เพื่อจะบอกคุณว่า หลังจากนี้ตระกูลฉัตรมงคลจะมาซื้ออาคารสำนักงานที่นี่ เมื่อถึงตอนนั้นคุณแค่ทำตามที่ผมบอก อย่าสะเพร่าเป็นพอ”
นรธีร์รีบยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านประธานวางใจได้เลยครับ ผมจะจำเรื่องนี้เอาไว้ให้ขึ้นใจ ถ้าเป็นความต้องการของประธาน เราสามารถให้อาคารสำนักงานกับพวกเขาได้อย่างไม่มีปัญหา”
รพีพงษ์ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถให้อาคารสำนักงานกับอารียาได้จริงๆ แต่เขาไม่มีความคิดแบบนี้ ครั้งนี้เขาอยากให้คนอื่นเปลี่ยนวิธีการมองอารียา ดังนั้นเขาจึงจะช่วยเรื่องนี้อย่างเงียบๆ
“ประธานอยากให้ผมพาไปดูห้องโถงการซื้อขายของที่นี่ไหมครับ ที่นั่นมีคฤหาสน์แบบใหม่ล่าสุด ถ้าคุณชอบ คุณสามารถไปอยู่ที่นั่นตอนไหนก็ได้” นรธีร์เอ่ยขึ้นมา
รพีพงษ์คิดสักพัก เขาก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องทำอยู่แล้ว ไปเรียนรู้สภาพการทำงานของที่นี่ไว้คงจะดี เขาจึงตอบตกลงนรธีร์
ทั้งสองมาถึงชั้นหนึ่ง ขณะนั้นเองนรธีร์ก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน เขาพูดกับรพีพงษ์ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน จากนั้นก็รีบวิ่งไปห้องน้ำ ปล่อยให้รพีพงษ์เดินเข้าไปดูในห้องโถงก่อน
รพีพงษ์ไม่ได้ว่าอะไร เขาเดินเข้าไปดูในห้องโถง แล้วมองโมเดลจำลองสิ่งก่อสร้างพวกนั้น
ที่อยู่อาศัยและคฤหาสน์ของที่นี่สร้างได้สวยงามเป็นอย่างมาก วิลล่าฟ้าอนงค์เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของเมืองริเวอร์ โมเดลจำลองสิ่งก่อสร้างวิลล่าฟ้าอนงค์ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโถง
รพีพงษ์ก้าวเข้าไปตรงกลางห้องโถง ขณะนั้นเองคนที่ยืนอยู่ในห้องโถงอย่างราศรีเห็นเขา เธอขมวดคิ้วขึ้นทันที จากนั้นเธอก็ตะโกนออกมาอย่างไร้มารยาท “รพีพงษ์ ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือไงให้นายรีบออกไปจากที่นี่ ที่นี่ไม่เหมาะกับคนไร้ค่าอย่างนาย ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”