บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ชะตาอัปมงคล

สายลมพัดโบกสะบัดพัดไปมาจนกิ่งไม้ลู่เอนไปตามแรงลม กลีบดอกเหมยที่อยู่บนต้นจึงได้หลุดร่วงลงมาตกลงสู่ผืนดินกว้างที่ปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าสีเขียวอ่อน กลีบดอกเหมยบางส่วนได้ปลิวลงมาตกลงข้างตัวของสตรีนางหนึ่งที่มีเรือนร่างบอบบาง นางกำลังนอนแผ่หราอยู่บนพื้นหญ้าอย่างคนคิดหนัก ดวงตาคู่สวยหลับตาพริ้มก่อนจะค่อย ๆ ลืมขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง แต่กระนั้นนางก็ยังคงนอนอยู่เช่นนั้นหาได้อาทรร้อนใจไม่

"คุณหนู! คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ฮูหยินเรียกหาคุณหนูเจ้าค่ะ"

สาวใช้ตัวน้อยผู้เป็นบ่าวรับใช้ข้างกายรีบเร่งมาด้วยความร้อนใจ ยิ่งนางได้เห็นสีหน้าของฮูหยินไม่สู้ดีนักก็ยิ่งเป็นกังวลแทนเจ้านายสาว

"ท่านแม่มีเรื่องใดอีกเล่าจื่อลู่"

สตรีผู้ถูกเรียกว่าคุณหนูใหญ่หยัดกายลุกขึ้นนั่ง นางเอียงคอมองมาทางจื่อลู่ด้วยความสงสัย จะมีวันใดบ้างหนอที่ท่านแม่ไม่สั่งให้คนมาเรียกหานาง ไม่ว่าเรื่องใดล้วนเป็นความผิดของนางทั้งสิ้น ทั้งที่นางก็หารู้เรื่องไม่นี่คงเป็นเพราะนางคือบุตรสาวที่น่าเกลียดชังเช่นนั้นหรือ

"ครานี้น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลหวังเจ้าค่ะ บ่าวเห็นท่านพ่อบ้านตระกูลหวังเดินทางมาพร้อมกับถือสัญญาหมั้นหมายของคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ มิรู้ว่าทางตระกูลหวังส่งพ่อบ้านมายกเลิกการหมั้นหมายนี้หรือไม่"

จื่อลู่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก สีหน้าของนางฉายชัดถึงความทุกข์ใจแทนเจ้านายสาว ทั้งที่การหมั้นหมายครั้งนี้เพิ่งผ่านมาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นเอง คราแรกคุณหนูของนางก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่ฮูหยินกลับเห็นดีเห็นงามด้วย การหมั้นหมายครั้งนี้จึงได้เกิดขึ้นโดยที่คุณหนูของนางหาพึงพอใจไม่

"ท่านแม่อยู่ที่ใด?"

"เรือนหลักเจ้าค่ะคุณหนู"

หญิงสาวหูผึ่งทันทีด้วยความยินดี นางรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปยังเรือนหลักด้วยความรีบร้อน นางคิดไว้อยู่แล้วว่า 'หวังหมิง' ผู้เป็นคู่หมั้นของนางจะต้องมาถอนหมั้นนางเป็นแน่ แต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วเช่นนี้ ทั้งที่เขาน่าจะยังไม่กลับมาจากเมืองอู่เฉิงมิใช่หรือ หรือว่าจะมีเรื่องใดอีก นางจะต้องรีบไปดูให้แน่ชัดว่าพ่อบ้านของจวนตระกูลหวังมาที่จวนของนางทำไมกัน

'จางเสี่ยวมี่' สตรีผู้เป็นเจ้าของดวงหน้างดงามหมดจด เรือนร่างบอบบางน่าทะนุถนอมรีบสาวเท้าเข้ามาที่เรือนหลัก อันเป็นที่พำนักของมารดาผู้เป็นฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวของท่านเสนาบดีกรมคลัง สตรีผู้เป็นใหญ่ในเรือนหลังมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินชะตาชีวิตของบุตรสาวและทุกคนที่นี่

"มาแล้วหรือ"

น้ำเสียงห้วนสั้นติดเย็นชาดังขึ้นมาจากทางด้านหน้า เพียงแค่ได้ยินเสียงฝีเท้าของบุตรสาวเดินเข้ามาในห้องโถง 'มู่ฟาง' ก็ตวัดสายตาเย็นชามองบุตรสาวด้วยความกรุ่นโกรธทันที

"ท่านแม่เรียกหาข้าหรือเจ้าคะ"

จางเสี่ยวมี่คารวะผู้เป็นมารดาตามธรรมเนียม นางยืนนิ่งอยู่ตรงกลางห้องโถงโดยหาได้สนใจสีหน้าที่แสนเย็นชาของมารดาไม่ เพราะนางนั้นชินชากับการปฏิบัติของมารดาเสียแล้ว

"ใช่! เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตอนนี้ชื่อเสียงของตระกูลจางได้ถึงคราวเหม็นโฉ่ไปทั่วแคว้นอวี้แล้ว มันเป็นเพราะเจ้าคนเดียวที่ทำให้ตระกูลจางต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าไม่น่าให้กำเนิดบุตรสาวเช่นเจ้าออกเลย!"

มู่ฟางชี้นิ้วด่าทอบุตรสาวอย่างไม่ไว้หน้า นางนั้นแสนจะชิงชังบุตรสาวผู้นี้นัก

"ท่านแม่ยังไม่ได้บอกข้าว่าเกิดสิ่งใดขึ้น พอข้ามาถึงท่านแม่ก็ต่อว่าข้าเช่นนี้เลยหรือเจ้าคะ"

"เจ้าก็ดูเสียให้เต็มตา!"

มู่ฟางโยนหนังสือสัญญาถอนหมั้นใส่หน้าบุตรสาวเต็มแรง แต่จางเสี่ยวมี่ที่ระวังตัวอยู่แล้วจึงถอยหลังหลบได้ทัน นางก้มหน้าลงไปหยิบหนังสือฉบับนั้นขึ้นมาอ่าน ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับรายละเอียดที่เขียนเอาไว้

"เห็นหรือยังว่าเจ้ามันคือตัวอัปมงคล เจ้ามันคือหญิงกาลกินี คุณชายใหญ่ตระกูลหวังเพิ่งหมั้นหมายกับเจ้าไม่ทันไร เขาก็ต้องมาประสบกับเคราะห์กรรมจนต้องจบชีวิตลงเช่นนี้ ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพราะเจ้าคนเดียวเท่านั้น เพราะเจ้ามันเป็นคนดวงซวยอย่างไรเล่า! ผู้ใดที่อยู่ใกล้เจ้าก็ต้องมีอันเป็นไป ดูอย่างข้าสิที่ต้องทนทุกข์กับโรคร้ายก็เพราะให้กำเนิดเจ้าออกมาอย่างไรเล่า ยังดีนะที่สวรรค์ยังเห็นใจข้าอยู่บ้างจึงได้ส่งอาหย่งมาให้แก่ข้า มิเช่นนั้นตระกูลจางคงต้องได้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้"

สตรีผู้เป็นฮูหยินใหญ่พ่นคำด่าทอออกมายาวเหยียด นางตวัดสายตาเย็นชามองบุตรสาวด้วยความเกลียดชัง หากแม้นว่านางไม่ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนเล็กออกมา ป่านนี้นางคงต้องได้ทุกข์ใจตายเพราะต้องกล้ำกลืนฝืนทนให้สามีรับสตรีอื่นเข้ามา และต้องมาทนมองดูสตรีผู้นั้นให้กำเนิดบุตรชายเพื่อเป็นประมุขตระกูลสืบต่อไปเป็นแน่

ช่างโชคดีเหลือเกินที่สวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งนาง มิเช่นนั้นนางคงได้ตรอมใจตายไปแล้ว!

จางเสี่ยวมี่มองดูมารดาผู้ให้กำเนิดราวกับมองอากาศธาตุ นางไม่แม้แต่จะปริปากพูดสิ่งใดออกมา ในสายตาของนางมีแต่ความเศร้าเสียใจที่หวังหมิงนั้นอายุสั้นเกินไป เขาเป็นบุรุษที่อ่อนโยนและสุภาพ ใบหน้าของเขามักประดับด้วยรอยยิ้มเสมอ ความคิดความอ่านของเขาก็ฉลาดล้ำกว่าคนในยุคนี้มากโดยเฉพาะเรื่องทำการค้า

ครานั้นนางแค่พูดคุยกับเขาสั้น ๆ ชี้แนะไปแค่ประโยคเดียว เขาก็สามารถนำไปปรับใช้กับกิจการของตนได้ และเพราะเหตุนี้เองเขาจึงได้ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอนาง คราแรกนางปฏิเสธหัวชนฝาว่ามิอาจแต่งงานกับเขาได้ เพราะนางคิดกับเขาเป็นแค่สหายคนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะท่านแม่อยากกำจัดนางให้พ้นหูพ้นตาไปเสียจึงตอบตกลงทันที

เรื่องนี้แม้แต่บิดายังไม่เห็นด้วย แต่เมื่อตอบตกลงอีกฝ่ายไปแล้วจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไป

"เป็นอย่างไรเล่า เจ้าเห็นหรือยังว่าเจ้าทำให้บุรุษที่ดีคนหนึ่งต้องจบชีวิตลงเพราะชะตาอัปมงคลของเจ้า เช่นนี้ยังจะมีบุรุษใดกล้ามาสู่ขอเจ้าที่ทำให้ว่าที่คู่หมั้นตายอีก ตระกูลจางของข้าที่มีชื่อเสียงอันดีงามมานานนับร้อยปีต้องมาด่างพร้อยเพราะเจ้าแท้ ๆ เชียว"

มู่ฟางยังคงต่อว่าจางเสี่ยวมี่อย่างไม่ลดละ ยิ่งเห็นว่าบุตรสาวยืนนิ่งไม่พูดสิ่งใดนางก็ยิ่งต่อว่ารุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

"เรื่องการแต่งงานของข้าไม่ต้องให้ท่านแม่เข้ามายุ่งวุ่นวายหรอกเจ้าค่ะ เพราะข้าจะไม่ขออยู่ที่จวนตระกูลจางอีก ต่อไปนี้ท่านแม่จะได้สบายตาสบายใจที่ไม่ต้องมาทนมองหน้าบุตรสาวเช่นข้าอีก!"

จางเสี่ยวมี่มองตรงไปทางมารดาอย่างไม่หลบเลี่ยง นางเกินจะทนรับไหวกับความผิดที่นางไม่ได้ก่อนี้ได้อีกแล้ว ต่อให้เป็นมารดาแล้วอย่างไร ในเมื่อนางเองก็หาใช่บุตรสาวแท้ ๆ ไม่!

"โอหังนัก! เช่นนั้นเจ้าก็เก็บข้าวเก็บของแล้วไสหัวออกไปเลย ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีกต่อไป"

มู่ฟางพลันบังเกิดโทสะที่เห็นท่าทีแข็งกระด้างของบุตรสาว

"เช่นนั้นลูกขอลาเจ้าค่ะ"

จางเสี่ยวมี่ค้อมกายคารวะแล้วเดินจากไปพร้อมกับหนังสือยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย นางกำหนังสือฉบับนั้นแน่นแล้วเดินจากมาพร้อมกับหยาดน้ำตาไหลรินลงมา การตายของหวังหมิงเป็นสิ่งที่นางไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลย นางรู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ตระกูลหวังต้องมาสูญเสียบุตรชายผู้เก่งกาจเช่นเขาไป และตัวนางเองก็ต้องสูญเสียสหายที่ดีคนหนึ่งไปเช่นกัน...

ทันทีที่ 'จางอี้อิน' ผู้เป็นเสนาบดีกรมคลังทราบความจากพ่อบ้านว่าฮูหยินกับบุตรสาวมีปากเสียงกันอีกแล้ว และครั้งนี้ยังลุกลามใหญ่โตเสียจนฮูหยินถึงกับเอ่ยปากขับไล่บุตรสาวคนเดียวออกจากตระกูลไป ตัวเขาผู้เป็นคนกลางรู้สึกปวดใจยิ่งนัก

"ฮูหยิน เจ้าเอ่ยปากขับไล่มี่เอ๋อร์ออกไปหรือ"

บุรุษในวัยกลางคนตรงเข้ามาพูดคุยกับภรรยาของตน แม้เขาจะรักภรรยามากแต่บุตรสาวคนโตเขาก็รักนางมากเช่นกัน อย่างไรนางก็คือบุตรสาวที่เกิดจากเขาและภรรยา

"เจ้าค่ะ ท่านพี่ได้ยินมิผิดหรอกเจ้าค่ะ"

"เหตุใดเจ้าถึงได้จงเกลียดจงชังมี่เอ๋อร์นักเล่า เรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้วนะ อีกอย่างสุขภาพของเจ้าตอนนี้ก็ดีมากแล้ว ทั้งหมดหาได้เป็นความผิดของมี่เอ๋อร์ไม่ ฮูหยินลืมเรื่องนั้นไปเสียเถิด"

จางอี้อินพยายามพูดจาหว่านล้อมภรรยา ด้วยหวังว่าความเกลียดชังภายในใจของนางและความทุกข์ระทมเรื่องในคราวนั้นจะทุเลาลงบ้าง

"ท่านพี่อาจจะลืมสิ่งที่นางทำลงไปได้ และคิดว่านางยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยไร้เดียงสา แต่ข้ามิอาจลืมได้หรอกนะเจ้าคะว่านางมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตตั้งแต่อายุยังน้อยเพียงใด ยิ่งนางเติบโตขึ้นมาจิตใจของนางก็ยิ่งหยาบช้าแข็งกระด้าง ท่านพี่จำไม่ได้หรือเจ้าคะว่าท่านนักพรตผู้นั้นเคยกล่าวไว้ว่านางคือสตรีที่มีชะตาต้องสาป ผู้ใดที่อยู่ใกล้นางล้วนต้องมีอันเป็นไปทั้งสิ้น นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านางเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ดวงชะตาของนางเป็นอัปมงคลต่อผู้อื่นจริง ๆ เจ้าค่ะ"

มู่ฟางยังคงยึดมั่นในความคิดของตน ไม่ว่าจะผ่านมานานกว่าสิบปีนางก็มิอาจลืมเรื่องที่บุตรสาวทำเอาไว้ได้เป็นอันขาด!

"พี่เข้าใจความรู้สึกของฮูหยินดีว่าเรื่องนั้นเจ้าต้องเจ็บปวดมากเพียงใด แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว อีกอย่างมี่เอ๋อร์ก็ทำตัวว่านอนสอนง่าย นางไม่ได้มีนิสัยเช่นนั้นหรอก"

"ท่านพี่อาจจะคิดว่านางคือบุตรสาวตัวน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดู แต่สำหรับข้านั้นไม่ใช่เจ้าค่ะ แม้ท่านพี่จะสามารถลืมเลือนความเจ็บปวดในครั้งนั้นได้ แต่ทุกครั้งที่ข้าเห็นหน้าของนางมันก็ทำให้ข้านึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทุกครั้ง ข้าผิดหรือเจ้าคะท่านพี่?"

มู่ฟางมองสามีของตนแล้วร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจตาย นางเองก็ไม่ได้อยากให้ความสัมพันธ์แม่ลูกต้องย่ำแย่เช่นนี้ แต่นางเองก็ไม่สามารถมองหน้าจางเสี่ยวมี่แล้วคลี่ยิ้มออกมาได้จริง ๆ นางไม่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้!

"เช่นนั้นพี่จะส่งมี่เอ๋อร์ไปอยู่ที่เมืองอู่เฉิง เช่นนี้เจ้าก็ไม่ต้องทนเห็นหน้านางแล้ว ส่วนเรื่องคุณชายตระกูลหวังพี่จะไปพูดคุยกับท่านเสนาบดีหวังเอง ทางเราเองก็ต้องแสดงความเสียใจกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวดองกันแล้ว แต่อย่างไรความสัมพันธ์ของสองตระกูลก็ไม่ควรจะต้องมาระหองระแหงกันด้วย"

"เจ้าค่ะ คงมีแต่หนทางนี้เท่านั้นเพราะอย่างไรชื่อเสียงของนางก็ด่างพร้อยไปเสียแล้ว ตอนนี้คงไม่มีคุณชายตระกูลใดในเมืองหลวงกล้าสู่ขอนาง บางทีการที่นางได้ไปเยือนเมืองอู่เฉิงคงจะหาบุรุษที่ดีได้บ้าง"

มู่ฟางแสดงความคิดเห็นออกมาบ้าง นางยังคงคิดเผื่อบุตรสาวในเรื่องของคู่ครองเสมอ

ทุกคนอาจจะเข้าใจว่านางเกลียดชังบุตรสาวเพราะการให้กำเนิดในครั้งนั้นทำให้สุขภาพของนางทรุดโทรม แต่นางรู้ดีที่สุดว่ามันไม่ใช่แค่นั้น อย่างไรจางเสี่ยวมี่ก็เป็นบุตรสาวที่นางตั้งใจให้กำเนิดออกมา แค่การต้องแลกเพราะเรื่องสุขภาพนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่ที่นางเอาแต่พร่ำบ่นเรื่องนั้นก็เพราะไม่ต้องการให้ผู้ใดสงสัยว่าเพราะเหตุใดนางถึงเกลียดชังบุตรสาวมาก เรื่องนี้มีแค่นางกับสามีเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel