EPISODE 2 นอนกับฉันได้มั้ย
L.B. Bar
“เฮ้ย! ไอ้หมอ ทางนี้”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของคนถูกเรียกหันไปทางเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในมุมอับของร้าน
ทิวากรหรือหมอทิว หมอหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปีที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมลงมาจนเห็นแผงอกกับกางเกงยีนขายาวสีซีด เดินมานั่งลงบนโซฟานุ่มตรงข้ามเพื่อน ใบหน้าหล่อเหลา ทว่าเรียบเฉยกลับดูมีเสน่ห์น่าค้นหา จมูกโด่งเป็นสันดูโดดเด่น ริมฝีปากหนาอมชมพู ผิวพรรณขาวสะอาดดูสุขภาพดี เขาเป็นหมอผู้ชำนาญการอยู่แผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง และเพื่อนๆ มักจะเอ่ยแซวว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงทั้งภายนอกและภายใน
“ไปไหนมา พวกกูรอตั้งนาน” รามิล หันไปถามคุณหมอหนุ่ม
รามิล ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เขาเกิดและโตที่ประเทศไทย ผู้มีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ผมสีทองขับผิวขาวๆ ของเขาให้ดูมีออร่า ชายหนุ่มเป็นทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งที่เอาแต่ ดื่ม เที่ยว สนุกกับพวกผู้หญิง เปลี่ยนคู่นอนเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า และมีคติที่ว่ากินแล้วไม่กินซ้ำ
“นานเหี้ยไร ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง” หมอหนุ่มหันไปแหวใส่หนุ่มลูกครึ่งที่กำลังนั่งกระดกเหล้าเข้าปาก
“คุณหมอพูดไม่เพราะเลยนะครับ” ขุนทศตำหนิเพื่อน
ขุนทศ ชายหนุ่มหน้าหวานผมสีควันบุหรี่ดูมีเอกลักษณ์ ตาสีน้ำตาลอ่อนดูละมุน ปากนิดจมูกหน่อยอย่างกับผู้หญิง เขามีนิสัยทะเล้น ทะลึ่ง และหื่นกาม ชายหนุ่มทำธุรกิจร้านอาหารที่มีหลายสาขาร่วมกันกับภรรยาสุดที่รัก เขาสละโสดเป็นคนแรกของกลุ่มและแต่งงานมาได้เกือบสองปี หากรวมระยะเวลาที่ทั้งคู่คบหาดูใจจนแต่งงานปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่เจ็ดพอดี แม้จะดูยาวนานแต่ความรัก ความหอมหวานของพวกเขายังคงเหมือนเดิมตลอดเวลา
“อย่ามาเล่นละคร ไอ้เหี้ยทศ” ทิวากรหันไปมองขุนทศอย่างระอา เพราะนี่มันไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของเพื่อนอย่างมัน
“กูซ้อมพูดเพราะๆ ไว้ก่อนไง เผื่ออยู่ดีๆ ได้เป็นพ่อคน” ขุนทศยักไหล่ด้วยท่าทีสบาย ชายหนุ่มกับภรรยาพยายามมีลูกกันมาสักพักแล้ว
“เดือนนี้มีหวังมั้ยวะ” รามิลหันไปถามขุนทศด้วยความตื่นเต้น
ขุนทศส่ายหน้าแล้วเป่าลมออกจากปากอย่างแรง
“กูบอกมึงว่าให้เก็บเชื้อไว้วันที่เมียไข่ตก โอกาสมันมากกว่า แต่มึงเล่นเอาเมียทุกวัน” คุณหมอหนุ่มพูดแล้วส่ายหัว
“ก็กูหิวนี่นา” ขุนทศเบะปาอย่างเด็กเอาแต่ใจ
“เอาน่า อย่าไปคิดมาก เดี๋ยวหลานพวกกูก็มา” ทิวากรหันไปให้กำลังใจเพื่อน เขารู้ดีว่าคู่รักที่พยายามมีลูกจะอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้ได้ง่าย และมักจะเกิดความร้าวฉานขึ้นในครอบครัว เขาได้แต่หวังว่ามันจะไม่เกิดกับขุนทศ
“ใช่ๆ บางทีอาจจะมาสองคนเลยก็ได้นะเว้ย” รามิลให้กำลังใจเพื่อนเช่นเดียวกัน
“พวกมึง ห้ามมีลูกก่อนกูนะ ไม่งั้นกูไม่ยอมจริงๆ ด้วย” ขุนทศพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“ไม่มีวัน! เพราะแด๊ดดี้เดียวที่กูอยากเป็นคือ แด๊ดดี้ของสาวๆ” รามิลยักคิ้วส่งให้เพื่อนอย่างกวนๆ
“ระวังไว้เหอะมึง เดี๋ยวพลาดแล้วกูจะหัว” ทิวากรกระตุกรอยยิ้มหยัน
“มึงไม่มีทางได้หัว กูมั่นใจ” รามิลยืดอกอย่างมั่นใจ
“ไง หรือมึงเป็นหมัน” ขุนทศหันไปมองรามิลอย่างจับผิด
“ไม่ใช่เว้ย เออนี่ ผู้หญิงคนเมื่อกี้น่าสงสารวะ” อยู่ดีๆ รามิลก็นึกถึงเหตุการณ์ของผู้หญิงที่พวกเขาเจอที่โรงแรม
“ป่านนี้คงไปเมาเละเทะแล้วมั้ง” ทิวากรคาดการณ์จากสภาพที่เขาเห็น
“ผู้ชายคนนั้น แม่ง ไม่ธรรมดา” ขุนทศพูดตามที่คิด
“ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ก็เหี้ยเหมือนๆ กันนั่นแหละ รวมถึงตัวกูเองด้วย” รามิลพูดพร้อมกอดอก
“กูก็ด้วย” ทิวากรรู้ว่าตนเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมายหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง
ติ๊ง ติ๊ง
“เมียตามแล้วอะดิ” ทิวากรถามพ่อบ้านใจกล้าคนเดียวของกลุ่ม
ขุนทศมองรูปสุดเซ็กซี่ที่ภรรยาสาวส่งมาแล้วนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว หญิงสาวใช้วิธีนี้เพื่อให้ชายหนุ่มกลับบ้านเร็วขึ้นและมักจะได้ผลเป็นประจำ
“กูอยู่ต่ออีกแค่ชั่วโมงเดียวนะ” ขุนทศหันไปบอกเพื่อนๆ
“กลัวเมียนี่หว่า” รามิลเอ่ยแซว
“กูต้องรีบกลับเพราะเมียรอให้ Porn อยู่” ขุนทศหัวเราะออกมาเสียงดัง
“มึงนี่กูยอมจริงๆ” ทิวากรมองเพื่อนแล้วกลั้นขำ
“ก็คนมันรักเมียอะคร๊าบ” ขุนทศพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นแล้วนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
สามหนุ่มเพื่อนสนิทนั่งพูดคุยกันต่อสักพักก็ถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ว่าจะต้องแยกย้าย ทั้งสามเดินออกมาโดยมีทิวากรเดินตามหลัง ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่อยู่ในชุดแสนคุ้นเคย เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางยีนขายาวรัดรูปและรองเท้าส้นสูงปรี๊ดสีครีม กำลังฟุบหน้าแน่นิ่งอยู่กับโต๊ะ
“พวกมึงไปก่อนเลย” ทิวากรบอกเพื่อน
“เออๆ ขับรถกันดีๆ” รามิลหันไปบอกเพื่อนๆ เช่นกัน
ทิวากรเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้เธอพร้อมกับใช้มือแตะไหล่เบาๆ
“คุณ”
เมื่อเห็นว่ายังคงนิ่งเขาก็รีบเขย่าตัวเธอ จนหญิงสาวรู้สึกตัวแล้วทรงตัวนั่งอีกครั้งพร้อมกับใช้มือปัดผมยาวลอนที่ปิดหน้าอยู่ออก
มิลินที่อยู่ในอาการเมาเงยหน้าแดงก่ำและดวงตาบวมเป่งมองคนที่มารบกวนการนอนแล้วคิดว่าเป็นชายหนุ่มที่เธอกำลังคิดถึง
“วายุเหรอ มารับลินใช่มั้ย” เธอถามคนที่ยืนอยู่เสียงยาน
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรแล้วช้อนร่างเธอให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ลากออกมาจากบาร์ไปยังลานจอดรถที่มีรถคันหรูของเขาจอดอยู่
“บ้านคุณอยู่ที่ไหน” ทิวากรถามขึ้นเพราะปล่อยให้เธอกลับไปเองสภาพนี้ เช้ามาอาจมีข่าวใหญ่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์
“วายุลืมบ้านของเราแล้วเหรอ” หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่พยุงเธออยู่
“ผมถามว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน”
“นายไม่ใช่วายุนี่ แล้ววายุไปไหน” หญิงสาวพยายามสลัดตัวเองออกจากคนที่กำลังพยุงอยู่ ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
มิลินล้มลงไม่เป็นท่า เมื่อไม่มีที่ยึดเกาะร่างอ่อนปวกเปียกของตนเอง
“โอ๊ะ ไม่เห็นเจ็บเลย” เธอนอนราบลงกับพื้นคอนกรีตแล้วพึมพำออกมาเบาๆ
“หรือเพราะความเจ็บมันไม่ได้อยู่ตรงนี้” เธอยกมือที่มีแผลของตัวเองมาดูแล้วหลับตาลงพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง
“แม่ง! เมาเหมียนหมาแล้วยังอวดเก่ง น่าปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้จริงๆ” ทิวากรเห็นสภาพคนที่นอนอยู่กับพื้นแล้วสบถออกมาอย่างหัวเสีย
จากนั้น เขาตัดสินใจพาเธอมาเปิดห้องนอนที่โรงแรมใกล้ๆ เมื่อเข้ามาในห้องเขาก็โยนหญิงสาวลงบนเตียงอย่างแรง ด้วยความรู้สึกเหนื่อยแล้วพูดกับตัวเอง
“กูมาทำอะไรอยู่เนี่ย”
“อื้อ ร้อน” หญิงสาวที่นอนอยู่เริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองออกทีละชิ้น เหลือแต่ชุดชั้นในลายลูกไม้สีขาวบนเรือนร่าง ชายหนุ่มยืนมองเธอพร้อมกับใช้มือกุมขมับ
“เดี๋ยวเร่งแอร์ให้ ใจเย็นหน่อยสิวะ” ชายหนุ่มรีบเร่งเครื่องปรับอากาศแล้วใช้ผ้าห่มคลุมปิดร่างกายเธอไว้
หญิงสาวดึงผ้าห่มออกแล้วนอนเหยียดขาตรง หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่แล้วพูดเสียงหวาน
“มานอนนี่มา” เธอตบที่ว่างข้างกายเบาๆ
คุณหมอหนุ่มมองใบหน้าเธอแล้วใช้สายตาไล่ลงไปเรื่อยๆ ยังเรือนร่างขาวเนียนและโคตรเซ็กซี่ของหญิงสาว จากนั้นพยายามสลัดความคิดไม่ดีออกไปจากหัว
“ผมต้องกลับแล้ว” ชายหนุ่มปิดไฟในห้องแล้วเปิดไฟหัวเตียงให้เธอ จากนั้นก็หันหลังเตรียมจะเดินออกไป
หญิงสาวรีบลุกขึ้นสวมกอดเขาทางด้านหลังโดยทิ้งน้ำหนักทั้งหมดไปไว้ที่คนสูงแล้วพูดขึ้น
“นอนกับฉันมั้ย?”