บทที่ 4
และอีกไม่กี่นาทีต่อมา ผู้ชมทั่วทั้งสนามโซซิ ออโตโดรม รวมทั้งเดนิคอฟและอีวาน ก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นไบรอันและเจคอบกระโดดลงจากเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ด้วยท่วงท่ากางแขนอย่างสง่างาม ก่อนจะกระตุกให้ร่มผ้าใบกางออก แล้วค่อยๆ ร่อนลงกลางสนามตรงตำแหน่งที่มีการทำจุดกระโดดลงไว้พอดิบพอดี
เดนิคอฟอ้าปากหวอ ถือโทรศัพท์ค้างไว้ ขณะมองสองเสือปลดร่มชูชีพออก ซึ่งแน่นอนว่าร่มผ้าใบของไบรอันและเจคอบ ตัดเย็บสั่งทำเป็นพิเศษ เพราะมีสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็นเสือร้ายของทั้งสองอย่างชัดเจน
พอปลดร่มชูชีพได้แล้ว และกำลังก้าวเดินตรงมาบนอัฒจันทร์ สองเสือร้ายก็เรียกเสียงร้องกรี๊ดได้จากสาวๆ ซึ่งต่างก็ยื่นกระดาษกับปากกาให้ทั้งสองเซ็นชื่อกันให้วุ่น
“คุณเจคอบ คุณไบรอัน เรารักคุณ”
สาวๆ ต่างก็พร้อมใจกันกรี๊ดให้กับสองเสือร้าย มีใครบ้างที่ไม่รู้จักกับไบรอัน เคลย์ตัน กับเจคอบ เนย์สมิธ หากเดนิคอฟร่ำรวยเป็นอภิมหาเศรษฐี สองคนนี้ก็ร่ำรวยและหล่อเหลาไม่แพ้กัน
“ฮอตจนน่าหมั่นไส้”
เดนิคอฟส่ายหน้าราวกับระอา เอ่ยกลั้วหัวเราะ ขณะมองเพื่อนรักทั้งสองกำลังแจกลายเซ็น พร้อมด้วยการแจกจูบให้กับบรรดาสาวๆ เป็นของแถมด้วย
“ไม่ต้องแย่งกันครับสาวๆ ได้ทุกคนครับ”
เจคอบว่าพลางขยิบตาหว่านเสน่ห์เรี่ยราด จนสาวน้อยสาวใหญ่แทบตัวอ่อนระทวยมากองอยู่แทบเท้าพ่อเจ้าประคุณ
กว่าไบรอันและเจคอบจะผ่านด่านสาวๆ มาได้ เดนิคอฟก็ต้องยืนรออยู่หลายนาที และทันทีที่เพื่อนรักทั้งสองเดินล้วงกระเป๋ายิ้มเผล่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เขาก็อดแขวะพ่อเทพบุตรนักรักทั้งคู่ไม่ได้
“จอมขโมยซีน นั่งรถมาสนามแข่งดีๆ ก็ไม่ได้ ต้องล่อเฮลิคอปเตอร์ จะลงทางบันไดก็ไม่เท่ เล่นกระโดดลงจากเครื่องบินให้สาวๆ ร้องกรี๊ดไปทั้งเมือง”
“โอ้...ได้โปรดอย่าอิจฉาในความฮอตของเราทั้งสอง” ไบรอันเอ่ยเรียบๆ แต่ยังมีรอยยิ้มให้เห็นตามประสาเสือยิ้มยาก
“นั่นดิ อะไรที่ทำให้เป็นศูนย์กลางจักรวาลเราก็ทำหมดแหละ อีกอย่างก็ต้องเรียกเรตติ้งบ้างอะไรบ้าง จะปล่อยให้นายฮอตอยู่ในสนามคนเดียวได้ยังไงกัน”
เจคอบเอ่ยอย่างครื้นเครง การกวนประสาทเดนิคอฟช่างเป็นอะไรที่น่าอภิรมย์สำหรับเขายิ่งนัก พอได้ยินเสียงสาวๆ ตะโกนเรียกชื่อของตนเอง ก็หันไปฉีกยิ้มกว้าง ทำท่าส่งจูบให้พวกเธอหัวใจละลายไปอีกรอบ
“มันไม่แฟร์นี่หว่า พวกนายเรียกเรตติ้งด้วยการกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ ส่วนฉันเดินอาดๆ เข้ามาในสนาม แบบนี้ไอ้เดนิคอฟก็ไม่ได้เกิดสิครับ” เดนิคอฟแขวะเพื่อนรักด้วยความหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะร่วนจากสองเสือร้ายได้เป็นอย่างดี
“อ้าว…ไอ้ที่อยู่มาจนแก่ ไม่ได้ผ่านการเกิดหรอกเหรอท่าน” เจคอบลอยหน้ารวนอย่างนึกสนุก
“ไอ้นี่ มันวอนโดนซัดปากจริงโว้ย”
“หยุดกัดกันซักทีเถอะน่า พวกนายนี่มันจริงๆ เลย” ไบรอันปรามขึ้นอย่างรำคาญ
อึดใจต่อมาบุรุษหนุ่มสุดเพอร์เฟ็กต์ที่ต่างเชื้อชาติทั้งสามจ้องมองกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กำหมัดยื่นออกมาชนหมัด ก่อนจะสวมกอดกันแน่น ต่างก็ตบหนักๆ ลงไปบนแผ่นหลังของกันและกัน เป็นการแสดงความรักอันแน่นเฟ้นที่เพื่อนมีต่อกันเสมอมา
“ดีใจที่พวกนายสละเวลาอันมีค่ามาเชียร์ทีมของฉันได้” จะเอ่ยขอบคุณเพื่อนรักทั้งที เดนิคอฟก็ไม่วายแขวะออกมาพร้อมกับการขอบคุณในครั้งนี้
ไบรอันส่ายหน้ายิ้มๆ ตอบกลั้วหัวเราะร่วน “ถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน”
“จะชมดีๆ ก็ไม่ได้ ต้องกัดให้แสบๆ คันๆ ทุกครั้งสิน่า” เจคอบต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก
เดนิคอฟหัวเราะอยู่ในลำคอ รู้ว่าเพื่อนรักทั้งสอง ไม่ได้โกรธที่ถูกเขาแกล้งต่อว่าไปเช่นนั้น
“ก็มันจริงนี่หวา เวลาของพวกนายมีค่าซะยิ่งกว่าทองคำ ไหนจะต้องคอยจัดคิวให้กับบรรดาสาวๆ ที่ยืนรออยู่นอกห้องด้วย ฉันไม่นึกว่าพวกนายจะเจียดเวลามาหาฉันได้”
“คิวยาวแค่ไหนก็ต้องเจียดเวลาอันมีค่ามาให้ได้ ไม่งั้นได้เจอตามคำขู่หลังการ์ดใบนี้แน่”
ต่อว่าเสียงลอดไรฟันแล้ว ไบรอันก็หยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกง ยื่นให้อย่างกระแทกกระทั้นไปบนแผงอกกว้างของเดนิคอฟ
“ถ้าไม่ใช่เพราะคำขู่บ้าๆ นี้ ฉันจะไม่ยอมผละจากร่างอวบอึ๋มสะท้านทรวงมาหานายเด็ดขาด” เจคอบยื่นการ์ดกลับคืนให้เพื่อนรักอย่างเสียไม่ได้
“เอ้า…เอาคืนไป”
ก่อนจะบ่นอุบอย่างนึกฉุนขึ้นมาตงิดๆ เพราะจำได้ดีว่าวันที่คนสนิทของอีกฝ่ายเอาการ์ดไปให้ เขากำลังเล่นรักกับแม่สาวเซ็กส์ซิมโบลคนล่าสุดของอังกฤษอย่างเมามันอยู่
“คราวหน้าคราวหลังถ้าอยากให้คนหล่ออย่างฉันมาสร้างสีสันก็โทรไปเชิญดีๆ ก็ได้ มีอย่างที่ไหนให้ไอ้อีวานโผล่หัวไปตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เสียอารมณ์ฉิบหาย”
เดนิคอฟรับการ์ดทั้งสองใบมาถือไว้ พลางหัวเราะร่วน ไม่ได้พลิกอ่านตัวอักษรด้านหลังการ์ด นั่นเป็นเพราะรู้ดีว่าตนเองเขียนขู่สองเสือไว้ว่าอย่างไร
‘ถ้าไม่มา เจอกระทืบจมดิน’
นี่คือถ้อยคำที่เขาข่มขู่ ซึ่งเขารู้ดีว่าสองเสือไม่ได้หวาดกลัวกับคำขู่ของเขาจนต้องทิ้งงานทุกอย่าง เพื่อมาพบเขาในวันนี้ แต่ไบรอันและเจคอบมาพบเขา เพราะความต้องการของเขา เช่นเดียวกัน หากสองเสือต้องการพบเขาในวันไหน เวลาใด แม้ติดงานสำคัญมากเพียงไร เดนิคอฟก็พร้อมทิ้งงานทุกอย่างเพื่อไปพบเพื่อนรักทั้งสองคนทันที
“ว่าเราสองคนเว่อร์ นั่งเฮลิคอปเตอร์มาสนามโซซิ นายก็เว่อร์ซะไม่มี นั่งเชียร์ธรรมดาๆ ไม่ได้ ต้องมีแชมเปญดื่มเคล้าอารมณ์ด้วย” เจคอบเหน็บเพื่อนรักเบาๆ
“แล้วจะดื่มไหม ไอ้คุณเจคอบ” เดนิคอฟแขวะกลับคืนบ้าง ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ เพื่อนรักทั้งสอง
เจคอบรับแชมเปญมาจากอีวาน กระดกลงคอรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะตอบโต้กลั้วเสียงหัวเราะ
“อีโธ่…พูดแทงใจดำแค่นี้ทำเป็นหวงของ แต่อย่างว่าล่ะนะ ของฟรีใครๆ ก็ชอบ”
“ไอ้ตะกละ” เดนิคอฟด่าลอดไรฟัน
ทางด้านของไบรอันรับแก้วแชมเปญมาคลึงเล่น ก่อนจะเอ่ยออกมาลอยๆ ตามประสานักรัก “ถ้าได้สาวๆ มานวดไหล่ นวดบ่าด้วยก็คงดีไม่น้อย”
“เดี๋ยวคืนนี้ป๋าจัดให้”
เดนิคอฟยักคิ้วใส่ไบรอัน พร้อมเสมอสำหรับการทำตามความต้องการของบรรดาเทพบุตรนักรัก
“เออ…เดนิคอฟ นายจัดการเรื่องรุกกี้คนเก่าเรียบร้อยหรือยัง” เจคอบเอ่ยถามเมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ และวินาทีถัดมาก็ถูกไบรอันตุ้ยท้อง ถลึงตาใส่ พร้อมกับกระซิบด่าลอดไรฟัน
“เจคอบ นายจะถามทำซากอะไรวะ เดนิคอฟมันพยายามลืมๆ เรื่องนี้อยู่นะโว้ย”
เจคอบนิ่วหน้าเพราะจุกไปทั้งตัวกับการถูกซัดด้วยหมัดหนักๆ ของไบรอัน และเมื่อหันไปมองเดนิคอฟ ก็เห็นอีกฝ่ายขบกรามแน่นจนเห็นเส้นเลือด
“โทษทีว่ะพวก ฉันมันปากพล่อยไปหน่อย”
เดนิคอฟพยักหน้ารับ พยายามฝืนยิ้มให้กับเจคอบ “ไม่เป็นไรเพื่อน เรื่องมันผ่านมาหลายเดือนแล้ว ฉันลืมไปหมดแล้วล่ะ”
ปากบอกเพื่อนรักทั้งสองไปเช่นนั้น ทว่าในใจยังถูกรบกวนด้วยภาพที่เขาไม่อาจลืมได้ชั่วชีวิต
“การแข่งเริ่มแล้ว พวกนายช่วยลุ้นให้ทีมของฉันเข้าเส้นชัยด้วยนะโว้ย”