5
“ลุงก็ไม่อยากให้กล้วยไม้จำเรื่องนั้นได้ ลุงขอเพียงได้เข้าใกล้กล้วยไม้ได้เหมือนเดิม ลุงก็พอใจแล้ว”
ธัญญ์มีความคิดเดียวกับเจษฎา พรรณพฤกษาไม่ใช่คนเข้มแข็ง เธออ่อนแอจากการถูกประคบประหงมและการเลี้ยงดูที่เรียกว่า ยิ่งกว่าไข่ในหิน รู้จักโลกภายนอกน้อยมาก ไปไหนมาไหนก็มีคนไปรับไปส่ง หรือไม่ก็ไปกับพ่อแม่ แม้ว่าจะอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ทว่าก็มีพลาดพลั้ง ถูกลักพาตัวจนทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้าย หากวันนั้นเขาไปรับบุตรสาวเร็วกว่านี้ เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น หากพรรณพฤกษาจำเรื่องราวนั้นได้ รับรองว่าอาการช็อคต้องเกิดขึ้นอีกรอบ และอาจจะเลวร้ายลงไปอีก
“บางครั้งป้าก็คิดว่า การที่กล้วยไม้เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องจดจำเรื่องที่ถูกกระทำย่ำยี ขอเพียงแค่ให้พ่อ พี่ชายและเจตต์เข้าหน้าได้บ้าง ป้าก็ดีใจแล้ว ชาตินี้ไม่หวังอะไรอีกแล้ว”
การสนทนาของทั้งสามดูเหมือนจะหยุดลงดื้อๆ เสมือนมีก้อนแข็งๆ อุดตรงลำคอ ไม่สามารถเปล่งเสียงใดออกมาได้ ใบหน้าของแต่ละคนหมองเศร้า ในห้วงจิตใจทุกข์ระทมเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักเป็นเช่นนี้
ตลาดสดชุมพร
ขวัญข้าวกับจ้อยก้าวลงมาจากรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ ก่อนจะเดินไปยังร้านเฮียกวงที่ห่างจากจุดที่จอดรถประมาณหนึ่งร้อยเมตร ขณะที่ทั้งคู่เดินไปคุยไปนั้น หาได้รู้เลยว่า มีชายสามคนเดินตาม หนึ่งในชายสามคนมองบั้นท้ายขวัญข้าวตาเป็นมัน ก่อนที่เจ้าของสายตาคู่นั้นจะเดินแกมวิ่งมาดักหน้าเธอ
“น้องขวัญข้าวจะไปไหนครับ” วินัย ลูกชายวิเศษ คนใหญ่คนโตคับเมืองชุมพรทักสาวสวยที่ตนถูกใจ หมายปองจะเป็นคู่ชีวิตด้วย ตามจีบมาเป็นปีแต่ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ
“จะไปร้านเฮียกวง” คนที่ตอบคือจ้อย
“กูถามขวัญ ไม่ได้ถามมึงเพราะฉะนั้นอย่าเสือก” วินัยตวาดใส่ ปรับน้ำเสียงให้นุ่มลงยามคุยกับขวัญข้าว “ขวัญจะไปร้านเฮียกวงทำไมจ้ะ”
“ไปเอาของให้พี่ช้างจ้ะ”
แม้ว่าขวัญข้าวจะไม่ชอบหน้าและนิสัยของวินัย แต่เธอก็ทำบั้นบึ่งหรือหมางเมินวินัยไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็เป็นบุตรชายของวิเศษ ผู้มีพระคุณของครอบครัวเธอ
“อีกตั้งหลายก้าวกว่าจะถึงร้านเฮียกวง แล้วตอนนี้แดดก็ร้อนมากด้วย ให้พี่อุ้มขวัญไปส่งที่ร้านเฮียกวงดีกว่านะ ขวัญจะได้ไม่เมื่อยไม่เหนื่อย” วินัยขันอาสา เป็นวิธีจีบหญิงอย่างหนึ่งของเขา แต่หารู้ไม่ว่า มันใช่ไม่ได้กับขวัญข้าว
“ไม่ดีกว่าจ้ะ ขวัญเดินไปเองดีกว่าแค่นี้เอง” ขวัญข้าวปฏิเสธเสียงนุ่มนวล “ขอบคุณพี่อาร์มมากค่ะที่กรุณาขวัญ ขวัญขอตัวนะคะ”
ขวัญข้าวเบี่ยงตัวเดินห่างวินัยทันทีที่พูดจบ วินัยเองไม่ได้ตื้อตามต่อ เพราะคิดว่า อย่างไรเสียขวัญข้าวก็ไม่พ้นมือเขา รอให้ปัญญากลับมาจากทำงานให้บิดาก่อน เขาจะให้ผู้เป็นพ่อไปสู่ขอขวัญข้าวกับปัญญา แน่นอนว่า ว่าที่พ่อตาต้องยกให้แต่โดยดี
“พี่อาร์มจะไม่ตามไปเหรอ” เบิ้มถามลูกพี่
“วันนี้ไม่ตาม มึงลืมแล้วเหรอว่าเรามาที่นี่ทำไม ไปทำงานก่อนก็ได้ ยังไงขวัญก็ไม่รอดมือกู” วินัยพูดอย่างมั่นใจ
“แต่ฉันว่านะพี่ พี่ตีตราจองขวัญไว้ก่อนก็ดีนะ ขวัญสวยปานเทพธิดา มีหนุ่มๆ มาวอแวก็เยอะ เผื่อหลุดมือไปจะยุ่งนะพี่” มะแซเตือนลูกพี่ด้วยความหวังดี
“มันก็จริงตามที่มะแซมันพูดนะพี่ ตอนนี้พ่อกับพี่ชายขวัญไม่อยู่ด้วย ทางโปร่ง จับมาทำเมียก่อนค่อยแต่งก็ได้นี่พี่” เบิ้มออกความคิดเห็น และเป็นความคิดที่ถูกอกถูกใจลูกพี่จอมชั่ว
“เออก็น่าสนแฮะ” วินัยใช้ปลายนิ้วถูปลายคาง ใบหน้าครุ่นคิด “เอาไว้ทำงานเสร็จก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีรวบหัวรวบหางขวัญ”
“ได้เลยลูกพี่ ฉันสองคนจะช่วยพี่คิดเอง” เบิ้มสนับสนุนเรื่องชั่วของวินัยเต็มที่
“เออ ตอนนี้ไปทำงานก่อนดีกว่า กูไม่อยากถูกพ่อเตะ”
ทั้งสามพากันเดินไปยังหลังตลาด เพื่อทำงานตามได้รับมอบหมาย รอเสร็จงานนี้ก่อน รับรองว่า ขวัญข้าวจะต้องมาอยู่ข้างกายวินัยตลอดกาล ชายอื่นอย่าได้หวัง
อีกด้านหนึ่ง
“หมั่นไส้ไอ้อาร์มนัก มันนึกว่ามันใหญ่โตมาจากไหนวะ ถึงได้เบ่งขนาดนี้” จ้อยพูดหลังจากเดินห่างวินัย
“ช่างเขาเถอะพี่จ้อย ต่างคนต่างอยู่ก็สิ้นเรื่อง เขาทักมาเราก็ทักตอบ จะได้ไม่มีปัญหากัน”
“แต่วันนี้มันแปลกนะ ปกติจะตื้อขวัญ วันนี้กลับไม่ตื้อแฮะ”
ทุกครั้งที่วินัยเจอขวัญข้าวในตลาดหรือในสถานที่อื่นๆ วินัยมักตามติดขวัญข้าวแจ ราวกับเป็นเด็กติดแม่ก็ว่าได้ ไม่ว่าเธอจะไปไหน วินัยตามไปตลอด ขายขนมจีบตลอดเวลา ทว่าวันนี้กลับปล่อยให้ขวัญข้าวเดินหนีโดยง่าย จ้อยจึงผิดสังเกต
“มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอพี่จ้อย ถ้าเผื่ออาร์มตามมา มีหวังเราสองคนปวดหัวแน่ ไม่ต้องมีอันต้องทำอะไร คอยแต่หาวิธีชิ่งหนี” ขวัญข้าวไม่คิดอะไรกับเรื่องที่จ้อยตั้งขอสงสัย สำหรับเธอ ห่างวินัยให้มากที่สุดคือสิ่งที่ต้องการ
“มันก็จริงนะ แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้ สงสัยว่ามันต้องไปทำเรื่องชั่วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นไม่ปล่อยขวัญหรอก” แต่ก็ไม่วายตั้งข้อสันนิษฐาน ขวัญข้าวไม่พูดโต้ตอบเพราะถึงที่หมาย เธอเดินเข้าไปในร้านเฮียกวงอย่างคุ้นเคย
“เฮียกวงคะ พี่ช้างให้มาเอาของค่ะ” ขวัญข้าวบอกจุดประสงค์กับเจ้าของร้าน ที่รีบนำของสิ่งนั้นมาให้เธอ
“ช้างไปไหนล่ะ ทำไมไม่มาเอาเอง” เฮียกวงถาม
“พี่ช้างไปทำงานต่างจังหวัดค่ะ ก็เลยให้ขวัญมาเอาของแทน” เธอตอบขณะที่เก็บกล่องกระสุนปืนลงในกระเป๋าสะพาย
“ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอก พอดีอั๊วได้ยินข่าวไม่ดีมา ว่าจะเตือนช้างซะหน่อย” คำพูดของเฮียกวง เรียกความสนใจให้ขวัญข้าวกับจ้อยทันที มีหรือที่คนสงสัยจะไม่ถาม
“เรื่องอะไรเหรอเฮีย” จ้อยเป็นคนถาม
“ก็เรื่องตำรวจย้ายมาใหม่ไงล่ะ เขาว่ากันว่าเฮี้ยบน่าดู ตรงฉินซะด้วย ไม่เอาเงินใครทั้งนั้น ใครผิดว่าไปตามผิด ได้ยินข่าวมาว่า ทางการส่งมาปราบวิเศษกับพวกโดยเฉพาะ เมื่อคืนนี้ก็ไปทลายบ่อนเจ๊ณีซะราบเลย”
เฮียกวงคือสายข่าวคนหนึ่งของวิเศษ เขาได้ข่าวอะไรมามักจะบอกปัญญาและคชาเสมอ วันนี้เขาคิดว่า คชาจะมาเอาของเอง จะได้บอกข่าวนี้ให้ล่วงรู้ แต่ในเมื่อไม่มาเฮียกวงก็บอกผ่านขวัญข้าวแทน