ตอนที่4หานชิงหลินคนใหม่2
หลังพุ่มไม้ริมลำธาร ซึ่งห่างออกมาไกลพอควรจากตัวบ้านไม้ไผ่ที่มีรอยถูกไฟไหม้เสียหายไปหลายส่วน
สายน้ำเย็นใสไหลเอื่อยเฉื่อยสะท้อนแสงตะวันแผดกล้า บุรุษหนุ่มหลังค่อมสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบทั้งเก่าทั้งขาด นั่งตกปลาอย่างเงียบงัน ท่าทางเคร่งขรึมเย็นชา แผ่กลิ่นอายแห่งราชันย์ออกมา
เยื้องไปทางข้างกายด้านซ้ายของเขา คือชายชุดดำกำลังค้อมศีรษะ ประสานมือ คุกเข่าหนึ่งข้างอยู่อย่างเงียบเชียบ
ภายใต้หนวดเครารุงรังเต็มไปด้วยริ้วรอยแผลเป็นอันปิดบังรูปโฉมหล่อเหลาจนเผยเพียงความน่าเกลียดน่ากลัวออกมา กำลังมีแววตาเย็นเยียบทวีความหงุดหงิดอย่างรุนแรง สืบเนื่องจากเรื่องราวอันแสนจะอัปยศเมื่อคืนวาน
ถังจ้าวเหว่ย คือนามที่แท้จริงของเขา
น้ำเสียงแหบพร่าฟังดูแปล่งหูทว่ากลับแฝงความทรงอำนาจเอาไว้ เริ่มเอ่ยคำออกมาจากริมฝีปากได้รูปที่ถูกหนวดสากระคายปกคลุมจนมิด
“เมื่อคืนข้าถูกวางยาปลุกกำหนัด หาไม่คงมิทำเรื่องหยาบช้าเช่นนั้นกับนางเป็นแน่!”
บุรุษชุดดำสะดุ้งสุดตัว นึกตระหนกกับความผิดของตน ที่เจ้านายถูกวางยาแต่ไม่อาจช่วยเหลือ เขาเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า
“เพื่อความแนบเนียนในการซ่อนเร้นตัวตนที่แท้จริงของพระองค์ กระหม่อมจึงไม่อาจขัดขวางแผนการบ้านหานพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวเหว่ยปรายตามองอย่างเยือกเย็น แม้ว่ารูปร่างยามนี้จักมีกระดูกโค้งงอผิดรูปจนอัปลักษณ์ หากแต่สายตาคมกล้าภายใต้เรียวคิ้วกระบี่เข้มหนากลับแผ่บารมีกดข่มรุนแรงออกมา
ชายชุดดำข่มกลั้นอาการไหล่สั่นหนาวสะท้าน ค่อยๆ เหลือบตามองเจ้านายหนุ่ม เอ่ยอย่างระมัดระวังอีกว่า
“ยามนี้พระองค์จำต้องเป็นกงหนิว ชายอัปลักษณ์พิการหลังค่อมแสนโง่เขลาที่ผู้คนคุ้นชินไปก่อน ใช้ชีวิตสามัญมิอาจแตกต่างจากคนทั้งหมู่บ้าน ทั้งไม่อาจให้เรื่องราวไร้สาระลุกลามใหญ่โตไปถึงทางการ อันอาจจะนำพาให้คนร้ายล่วงรู้ตัวตนพระองค์ งานแต่งนี้ยังมีพยานเป็นชาวบ้านมากมาย ทั้งยังไม่แน่ว่าอาจมีสายลับแฝงตัวมาด้วย หลายคนยังยืนอยู่รอบห้องหอตามประเพณี การหยุดยั้งมิอาจกระทำ”
เขากลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก กลั้นใจเอ่ยต่อ
“อีกอย่าง...หากกล่าวกันตามจริง แค่รับสตรีอุ่นเตียงสักคนมิใช่เรื่องใหญ่ ได้แต่งงานด้วยซ้ำนับเป็นเรื่องดี สตรีนางนั้นก็เป็นคนของพระองค์แล้ว แค่หญิงชาวบ้านผู้หนึ่ง ไม่นับว่าเป็นอะไร การปรนนิบัติรับใช้ยิ่งสมควร ได้ปลดปล่อยตัวตนไม่ต่างจากครั้งอยู่ในวังบูรพา พระองค์จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าหอคณิกา นางเองก็งดงามมิใช่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ”
จบคำก็ยกยิ้มเอาใจนายเหนือหัว คิดว่าตนเองคงได้รางวัลที่รู้ใจเป็นแน่แท้
ทว่านอกจากมิได้คำชมจากปากบุรุษตรงหน้า ยังได้เห็นเพียงสายตาเย็นชา สีหน้าเย็นเยียบ และปราณอันตรายแผ่ซ่าน องครักษ์อู๋เจี๋ยคนสนิทรีบก้มหน้าหยุดวาจาทันที
อันที่จริง ...เขาพยายามปลอบใจองค์รัชทายาทผู้สูงส่งหยิ่งทะนงอย่างสุดความสามารถ หาใช่ดูแคลนหญิงชาวบ้านไม่
เพราะสายตารังเกียจของสตรีนางนั้นต่างหากที่เป็นปัญหา มิใช่ศึกบนเตียงนอนยามเข้าหอเพราะถูกวางยา
ชายชุดดำกำลังร่ำไห้อยู่ในอก คล้ายมีนรกอยู่ในใจ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า
“แม่นางชิงหลินก็ไม่เลวนะพ่ะย่ะค่ะ ผ่านไปซักพักนางคงทำใจได้ กิริยาเยี่ยงนั้นย่อมไม่เกิดขึ้นอีก นางต้องชอบพระองค์แน่นอน” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบา หากเขาเงียบไปน่าจะดีกว่านี้
จ้าวเหว่ยเอ่ยเสียงเย็น “ข้ามิได้ชอบนาง และการที่นางรังเกียจข้าย่อมสมควรแล้ว”
ครานี้องครักษ์อู๋เจี๋ยเผยสีหน้าเจ็บปวด ดั่งถูกคมมีดกรีดเฉือนไปทั่วหัวใจ
เขาอยู่ข้างกายองค์ชายมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระองค์รูปงามสมบูรแบบดั่งเทพสวรรค์ลงมาจุติยากหาใครเทียม รัศมีแห่งเอกบุรุษแผ่กำจายไปทั่วไม่ว่าจะเยื้องกรายไปทางใด ใบหน้ายิ่งงดงามราวเทพเซียนจำแลง ทุกสารทิศที่องค์ชายปรากฏกายล้วนเป็นที่หมายปองของอิสตรี ใครเห็นต่างชมชอบพร้อมพลีกายทั้งสิ้น หากแต่ยามนี้กลับต้องถูกสายตาดูแคลนถึงเพียงนั้น ถูกสตรีสามัญนางหนึ่งแสดงท่าทีขยะแขยงกันถึงเพียงนี้ เขาทำใจมิได้จริงๆ
อู๋เจี๋ยยิ่งคิดยิ่งรวดร้าว ใบหน้าบิดเบี้ยวจนยับย่น
ทว่าสีหน้าจ้าวเหว่ยยังคงเย็นชา เขาเอ่ยเสียงเนิบช้า
“จงไปเสีย ข้าอยากอยู่เงียบๆ”
องครักษ์ได้แต่ก้มหน้าล่าถอย พริบตาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่ออยู่คนเดียว จ้าวเหว่ยจึงค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้านึกระอาในโชคชะตาของตนไม่น้อย
ริมลำธารห่างจากบ้านไม้ไผ่ ท่ามกลางแสงแดดแผดเผา ยอดหญ้าโอนเอน มีบุรุษอัปลักษณ์นั่งตกปลาอยู่อย่างเดียวดาย
แท้จริงชายร่างใหญ่หลังค่อมผู้นี้มิได้พิการกระดูกส่วนใด ทั้งยังมิได้เป็นใบ้ และที่สำคัญยังเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งต้าถัง ผู้เร้นกายจากศึกภายในราชวงศ์ ตามรับสั่งพระบิดา
จ้าวเหว่ยนับเป็นเอกบุรุษผู้หล่อเหลาสง่างามและสูงส่ง ยามเยื้องย่างปรากฏโฉมไปทางใด ล้วนแล้วแต่ทำให้ผู้คนทั้งหลายต้องใจเต้นระส่ำ ทว่ายามนี้กลับไม่เหลือเค้าโครงของหนุ่มเจ้าเสน่ห์แม้แต่น้อย ทั้งยังถูกสายตาเหยียดหยันดูแคลนอย่างเหลือร้ายส่งให้
เดิมทีเขามีรูปร่างสูงใหญ่ตามเชื้อสายแห่งองค์ราชันย์ รูปลักษณ์สมบูรณ์พร้อมตามแบบฉบับเชื้อสายพระวงศ์ผู้เป็นว่าที่โอรสแห่งสวรรค์ ยามนี้แม้ว่าเขาอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้นแต่กลับโดดเด่นสะดุดตานับเป็นยอดบุรุษแล้ว
เพียงแต่ต่อมาตัวเขากลับถูกลอบทำร้ายอย่างแสนสาหัส วรยุทธ์ถูกทำลายจนสิ้น ความทรงพลังที่มีจึงอันตรธานหายไป ความงามสง่าไม่มีเหลือ กระทั่งกระดูกโก่งโค้งงอข้อเคลื่อนเสียรูปดูไม่ได้ ยามเดินเหินจึงงุ้มไหล่งอตัวก้มหน้าด้วยท่วงท่าทึ่มทื่อไปเช่นนั้น
ส่วนเรื่องอาการเบื้อใบ้เป็นเพราะถูกยาพิษทำลายลำคอจนเสียหาย แม้ยังคงพูดได้แต่ทว่าน้ำเสียงกลับแหบพร่าน่าเกลียด เขาจึงคล้ายกับกลายเป็นคนใบ้ไป และด้วยไม่จำเป็นต้องเสวนากับใครจึงปล่อยไปเช่นนี้ ไม่คิดแก้ต่าง
ทุกสิ่งทั่วร่าง มีเพียงริ้วรอยแผลเป็นเท่านั้นที่จ้าวเหว่ยจงใจทำขึ้น เพื่ออำพรางรูปโฉมงดงาม หนวดเคราก็เช่นกันล้วนต้องการบดบังใบหน้าที่แท้จริงจนสิ้น
ส่วนนามกงหนิวก็เป็นชาวบ้านที่ตั้งชื่อให้ตามอำเภอใจ
ทั้งหมดล้วนเกิดจากการลอบสังหารครั้งล่าสุดจนต้องระหกระเหินมาเร้นกายแถบนี้ นานร่วมปีแล้ว
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น จ้าวเหว่ยจึงกลายเป็นคนที่ไม่ต่างจากชายพิการอย่างแท้จริง จำต้องหลบซ่อนอย่างน่าละอาย
หนึ่งปีมาแล้วที่ราชวังต้าถังตกอยู่ในภาวะเลวร้าย
หลังจากจ้าวเหว่ยได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทเพียงไม่นานก็ถูกลอบสังหารจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ต้องเสียท่าอย่างไม่น่าให้อภัย
ฮ่องเต้ต้าถังผู้รับรู้เรื่องราวของโอรสเป็นอย่างดี จึงออกคำสั่งผ่านองครักษ์เงาว่าให้เขาเร้นกายรั้งอยู่ในสถานที่ปลอดภัยไปก่อน จนกว่าเรื่องวุ่นวายจะคลี่คลาย
ตำแหน่งผู้ครองตำหนักบูรพาของจ้าวเหว่ยคล้ายราบรื่น ทว่าเรื่องกลับไม่ง่ายนัก เส้นทางแห่งบัลลังก์ทองของตัวเขาที่เป็นองค์รัชทายาทโดยสมบูรณ์ในยามนี้ยิ่งไม่ง่ายดายเช่นกัน
การคงอยู่ด้วยตัวตนอันอัปลักษณ์นามว่ากงหนิวจึงจำต้องดำเนินต่อไป อย่างไร้ทางเลือก