

อีริค x ขิม (2)
ห้างสรรพสินค้า PY
“เดินช้าจัง เร็ว ๆ สิคะ ขิมหิวแล้วนะ”
อีริคหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความรำคาญเสียงแจ้ว ๆ ของหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้า หลังจากอาการปวดศีรษะของเธอหายเป็นปกติ ก็เอาแต่เซ้าซี้ราวกับแมลงหวี่แมลงวันไม่หยุด ตื๊อจนเขาต้องมากับเธอ
“จิ๊!” อีริคส่งเสียงในปากแววตาคมกริบดุร้ายในทันที เมื่อขิมเดินกลับมาคว้าข้อแขนแล้วออกแรงบังคับให้เดินตาม
“ชอบทำหน้ายักษ์ใส่อยู่เรื่อยเลยนะ” ขิมจิ๊ปากใส่ร่างสูงอย่างต้องการหยอกล้อ ทว่าลึก ๆ กลับรู้สึกน้อยใจ เธอเองก็เป็นผู้หญิงมีอารมณ์อ่อนไหวบ้างเป็นธรรมดา หากถูกชายหนุ่มที่แอบรักหมางเมิน
“ปล่อย!”
น้ำเสียงเข้มห้วนเอ่ยขึ้นทำให้เธอหวั่นใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมปล่อยตามคำสั่ง กลับทำตรงข้าม เบนหน้ามองตรงแล้วออกแรงดึงคนตัวหนากว่าให้เดินตาม ทว่าคนตัวหนาก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับตามจนเธอเริ่มเหนื่อย
“นี่! อีริค!”
“ฉันเพื่อนเธอหรือไง?”
“ก็ไม่ใช่เพื่อนไง รีบเดินเถอะเดี๋ยวโต๊ะเต็ม!” ขิมกระตุกท่อนแขนแกร่งเร้า ๆ ให้คนตัวสูงขยับเท้าเดิน โดยไม่เกรงกลัวต่อสายตาอำมหิตที่จ้องมองมาตาเขม็ง
“เต็มแล้วยังไง ปล่อย! แล้วก็เรียกฉันใหม่”
ขิมชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อถูกคนตรงหน้ากดดันด้วยแววตาเธอจึงยอมปล่อยมือออกจากข้อแขนแกร่ง แล้วระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ “แล้วจะให้เรียกว่ายังไง ที่รักเหรอ?”
“ฝันไปเถอะ! ฉันไม่มีทางสนใจผู้หญิงที่เอาแต่ตามตื๊อผู้ชายไปวัน ๆ อย่างเธอ”
“จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดี ๆ นะ ระวังจะกลืนน้ำลายตัวเองไม่รู้ตัว!” ขิมชี้หน้าพร้อมกับพูดดักคอ เมื่อจบประโยคจึงปราดตามองร่างสูงแววตาโกรธแวบหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินกระฟัดกระเฟียดตรงไปยังร้านชาบูทันที
อีริคดันปลายลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มไปมาอย่างหงุดหงิด เขามั่นใจว่ายังไงผู้หญิงที่เขาต้องการมีเพียงลูกสาวของมาเฟียใหญ่ที่ลงมือสังหารบิดาเท่านั้น แม้ว่าเธอจะมีครอบครัวไปแล้วก็ตาม ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเดินตามหลังร่างเล็กที่เดินไปก่อนอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่
“ชุดหมูสุดคุ้มค่ะ” ขิมกล่าวสั่งเมนูอาหารพร้อมกับชี้นิ้วให้พนักงานสาวดู ในขณะที่อีริคเอาแต่นั่งหน้าเคร่งขรึมนิ่ง ๆ “อันนี้ค่ะ แล้วอันนี้ด้วยค่ะ”
พนักงานทวนรายการอาหารเรียบร้อยจึงโค้งศีรษะเคารพ แล้วเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“ถ่ายรูปให้หน่อยสิ”
อีริคขมวดคิ้วหลุบตามองโทรศัพท์เครื่องหรูในมือบางที่ยื่นมาตรงหน้า ก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นทำทีไม่สนใจ ขิมมุ่ยหน้าทันทีมองเจ้าของใบหน้าหล่อแววตาสั่นระริกโดยที่ยังไม่ดึงมือกลับ อีริคระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างรำคาญ เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของหญิงสาวที่มองมาอย่างไม่ลดละ ถึงอย่างนั้นแต่ก็ยอมคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูมาจากมือบาง สร้างรอยยิ้มสดใสให้กับเจ้าของโทรศัพท์ทันที
“รูปเดียว”
“ค่ะ ถ่ายให้ขิมสวย ๆ ก็แล้วกัน”
อีริคไม่ตอบยกเครื่องสี่เหลี่ยมในมือขึ้นเตรียมถ่ายหญิงสาวตรงหน้า ที่กำลังถือจานชุดผักรวมขึ้นมาจัดให้อยู่เยื้องกับใบหน้าเล็กน้อยแล้วฉีกยิ้มกว้างจนดวงตาคู่สวยเป็นรูปสระอิอย่างน่ารัก เมื่อเธอได้องศาที่พึงพอใจ นิ้วแกร่งจึงกดปุ่มถ่ายทันที แล้วยื่นให้เจ้าของโทรศัพท์
“ขอบคุณค่ะ” ขิมเปิดดูภาพถ่ายดวงตาคู่สวยลุกวาวเมื่อได้เห็นภาพตัวเอง ที่มาเฟียหนุ่มเป็นฝ่ายถ่ายให้ “ว้าววสวยมากเลย ทั้งแสงทั้งสีธรรมชาติมาก เป็นช่างภาพมืออาชีพได้เลยนะเนี่ย”
“หึ” อีริคเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างลืมตัว เมื่อเห็นท่าทางดีใจของหญิงสาวที่ดูโอเว่อร์เกินไป รูปถ่ายรูปเดียวสามารถทำให้เธอดีใจจนยิ้มแก้มปริได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ต้องหุบยิ้มในเวลาต่อมาเมื่อพนักงานนำเนื้อสัตว์มาเสิร์ฟ
“ชิมอันนี้ดู อร่อย” ขิมคีบฟองเต้าหู้จากในหม้อน้ำซุปไปวางในถ้วยของอีริคแล้วฉีกยิ้มสดใสส่งไปให้ โดยไม่คิดจะเรียกคะแนนหรือเอาใจแต่อย่างใด เพียงแต่อยากให้คนที่เธอรักได้ชิมของอร่อย ซึ่งคนตรงหน้าก็เอาแต่ทำหน้าขรึม ไม่ยอมส่งยิ้มกลับมาให้เธอเสียที
“ฉันไม่กิน” อีริคปฏิเสธด้วยการคีบฟองเต้าหู้ในถ้วยตัวเองไปวางทิ้งไว้บนจานข้าง ๆ อย่างไร้เยื่อใย ทำเอาคนที่ตั้งใจมอบของอร่อยให้ถึงกับใจแป้วทันที
“ลองชิมดูก่อนแล้วจะติดใจ”
“เธอรีบกินซะจะได้รีบกลับ”
“กินคนเดียวมันจะไปอร่อยอะไร กินด้วยกันสิสั่งมาตั้งเยอะ”
“เธอสั่งก็ต้องกินให้หมด คราวหลังพาเพื่อนเธอมาไม่ต้องวุ่นวายกับฉัน!”
“เพื่อนไปเรียนต่างประเทศแล้ว” ขิมกล่าวพลางหลุบตามองต่ำอย่างเศร้า ๆ
“มีเพื่อนคนเดียวหรือยังไง”
“อือ ตั้งแต่เด็กก็มีแค่แพรวเท่านั้นที่สนิทที่สุด”
น้ำเสียงอ่อย ๆ ของหญิงสาวรวมถึงสีหน้าที่หม่นหมองชวนให้เขารู้สึกสงสารเธออย่างบอกไม่ถูก จนคิ้วหนาทั้งสองข้างคลายออกจากกันโดยอัตโนมัติ แววตาที่เคยแข็งกร้าวกลับอ่อนลงในพริบตาเดียว
“รสชาติก็งั้น ๆ”
ขิมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงทุ้มของมาเฟียหนุ่ม ริมฝีปากบางค่อย ๆ เผยรอยยิ้มมีความสุขออกมา เมื่อฟองเต้าหู้ที่เธอคีบให้เขาถูกปฏิเสธ แต่ตอนนี้กลับอยู่ในปากเขาแล้ว
“อันนี้ ๆ เต้าหู้ซีสอร่อย” คีบก้อนกลม ๆ ในหม้อน้ำซุปวางในถ้วยให้มาเฟียหนุ่มอีกครั้ง
“รีบกินได้แล้ว”
ขิมยิ้มไปกินไปอย่างเบิกบานใจเมื่อเห็นว่ามาเฟียหนุ่มเริ่มอ่อนข้อให้เธอบ้างแล้ว ต่างจากหลายนาทีก่อนอย่างสิ้นเชิงที่เอาแต่เย็นชาและเงียบขรึมใส่เธอจนน่าอึดอัดใจ ทว่านั่งกินชาบูอย่างสบายใจได้ไม่นาน พี่ชายกลับเข้ามาขัดจังหวะ…
“กลับบ้านขิม!” ใบหน้าจิ้มลิ้มบิดเบี้ยวทันควัน ครั้นถูกพี่ชายกระชากต้นแขนให้ลุกขึ้นอย่างแรง
“ไม่เจอกันนานเลยนะคุณภาคิน คุณมิลนิกส์”
ขิมหันหน้ามองไปตามเสียงทักทายของอีริค หัวใจดวงน้อยกลับต้องกระตุกที่เห็นว่าอีริคเอาแต่จดจ้องมองไปที่พี่สะใภ้ ซึ่งอายุอานามเท่าเทียมกันอย่างวางตา แววตาคู่คมคู่นั่นหม่นลงอย่างเห็นได้ชัดราวกับแววตาของคนอกหัก แต่ประโยคคำสั่งของพี่ชายดึงความสนใจเธอซะก่อน
“กลับ!”
“อย่ามาบังคับขิมนะพี่คิน!” ขิมสะบัดข้อมือออกจากมือพี่ชาย
“จำที่พี่เคยบอกไม่ได้หรือไง?”
“จำได้ แต่ในเมื่อขิมให้อิสระกับพี่แล้ว พี่ก็ควรให้อิสระกับขิมบ้าง”
“พี่ให้อิสระกับเธอเสมอ แต่เรื่องนี้พี่ไม่ยอม!”
“เรื่องของพี่สิ!”
“ขิม!”
“พอเถอะค่ะ คนในร้านมองกันใหญ่แล้ว” มิลนิกส์พูดปรามเมื่อสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี หนำซ้ำผู้คนภายในร้านชาบูก็กำลังจ้องมองมาอย่างสนใจ
“ผมขอตัวก่อนแล้วกัน” อีริคหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงพลางควักเงินจากกระเป๋าสตางค์วางบนโต๊ะสองพันบาท “ดีใจด้วยนะ” หันไปพูดกับมิลนิกส์พร้อมกับหลุบมองหน้าท้องแบนราบแล้วเลื่อนขึ้นไปสบตา
“ขอบคุณ”
“งั้นขิมจะกลับด้วย”
“พี่ไม่ให้ไปกับมัน!”
“ขิมมากับใครขิมก็จะกลับพร้อมคนนั้นแหละค่ะ!” ขิมยืนกรานน้ำเสียงหนักแน่น
“ขิม” ภาคินขานเรียกน้องสาวเสียงเบาหวิวอย่างทอดถอนใจกับนิสัยดื้อรั้นของน้องสาว
“กลับไปพร้อมกับพี่ชายเธอนั่นแหละ” อีริคกล่าวแววตาที่จ้องมองหญิงสาวเต็มไปด้วยความรำคาญ
“แต่ขิมจะไปกับนาย” ขิมไม่ว่าเปล่าคว้ากระเป๋าสะพายข้างเดินชนไหล่พี่ชายไปลากท่อนแขนแกร่งของอีริคให้เดินตามอย่างไม่สนใจว่าพี่ชายจะยินดีหรือไม่ เธอและเขาเงียบมาตลอดทางกระทั่งเขาขับรถออกจากห้างสรรพสินค้ามาติดอยู่ตรงสัญญาณไฟแดง เธอจึงตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ หลังจากทบทวนอยู่นาน แม้ว่าคำตอบที่ได้รับจะทำให้เจ็บปวดมากก็ตาม
“ชอบมิลนิกส์มากเลยเหรอ?”
“....” อีริคเงียบไปครู่ใหญ่ ๆ ก่อนตอบออกไปตามความรู้สึกของตัวเองด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ใช่”
“ทั้งที่มิลนิกส์มีทั้งลูกทั้งผัวแล้วน่ะเหรอ?” คิ้วเรียวทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเป็นปม ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกคอทันทีทันใดกับคำตอบของมาเฟียหนุ่ม ซึ่งเธอก็คาดเดาไม่ผิดทั้งที่ในใจเธอภาวนาขอให้เขาตอบปฏิเสธ แต่คำขอของเธอก็ไม่เป็นผล
“อย่าปล่อยให้พี่ชายเธอทำมิลนิกส์เสียใจก็แล้วกัน” อีริคหันไปมองสบตากับขิมแววตาคมดุเต็มไปด้วยความจริงจัง “ฉันรอเสียบอยู่ตลอดเวลา”
“ฝันไปเถอะ! ยังไงมิลนิกส์ก็รักพี่ชายขิมคนเดียว แล้วพี่ชายขิมก็รักมิลนิกส์คนเดียวเหมือนกัน! นายไม่มีวันสมหวังหรอก!” ตะเบ็งเสียงดังลั่นรถด้วยความโกรธและเสียใจ พูดจบก็หันหน้าไปทางหน้าต่างรถทันที หยาดน้ำตาที่คลอหน่วยหลั่งไหลออกจากหัวตาเป็นสาย เธอรู้สึกจุกหน่วงไปทั่วกลางอกจนแทบหายใจไม่ออก…
