EP.1 ตุ๊กตาเดินได้
EP.1
“บิลค่ารักษาและค่าผ่าตัดของคุณพ่อน้องค่ะ”
หญิงสาวในชุดนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งหน้าตาจิ่มลิ้มรับกระดาษจากนางพยาบาลมาด้วยสีหน้างุนงง
“จ่ายไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ” เธอถามขึ้นด้วยความสงสัย คิ้วเรียวเล็กได้รูปเริ่มขมวดเข้าหากัน
“ยังเลยนะคะ”
“แต่ว่าหนูให้พี่ชายคนที่ตัวสูงๆ หน้าคล้ายๆหนูมาจ่ายเมื่อวันก่อน” เธอยังคงอธิบายต่อ เพราะเมื่อวันก่อนพี่ชายแท้ๆที่เธอกำลังพูดถึงเป็นคนรับปากว่าจะเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อด้วยตัวเอง
“เอ๋ แต่ในระบบก็ยังไม่จ่ายนะคะ” พยาบาลเริ่มขมวดคิ้วอีกคน เธอเดินไปที่โต๊ะก่อนจะกดต่อสายถึงห้องการเงินและเดินกลับมาหาคนตัวเล็กอีกครั้ง
“ว่ายังไงบ้างคะพี่พยาบาล”
“น้องลองไปถามพี่ชายดูนะ ทางการเงินเขายืนยันว่าไม่ได้จ่ายค่ะ”
“…” เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปเสียงเบา “ค่ะ เขาอาจจะลืม ยังไงหนูจะรีบกลับมาจ่ายนะคะ”
พูดจบเธอก็เดินออกมาแล้วกดโทรศัพท์มือถือต่อสายถึงพี่ชายทันที
(อือ)
“วันนั้นหนูให้พี่แทน มาจ่ายค่ารักษาแล้ว แต่ทำไมเขาบอกเรายังไม่ได้จ่ายล่ะคะ”
(…) ปลายสายเงียบไปทำให้เธอเริ่มสงสัยว่านี่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
“พี่แทน คงไม่ได้เอาเงินไปทำอย่างอื่นนะ”
(เอ่อ เปล่านี่ เดี๋ยวจะรีบไปจ่ายให้)
“โอนมาได้มั้ย เดี๋ยวจะจ่ายตอนนี้เลย” เธอพูดขึ้นด้วยความโล่งอก เพราะกลัวว่าเงินก้อนนั้นมันจะหายไป
(ไม่ๆ เดี๋ยวพี่จะเอาไปจ่ายเอง เพราะกดออกมาแล้ว)
“รีบมาตอนนี้เลยได้มั้ย เพราะไม่อย่างนั้นพ่อจะไม่ได้ผ่าตัดซักที พยาบาลเขาต้องทำเรื่องให้อีก” เธอเริ่มร้อนใจอีกครั้งเมื่อเห็นถึงความบ่ายเบี่ยงของแทนคุณ
(…คิดถึง คือพี่)
หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรง ถึงแม้เธอจะยังเด็กกว่าเขาแต่เธอก็โตพอที่จะรับรู้ได้ว่าตอนนี้พี่ชายของเธอกำลังโกหกและสร้างเรื่องไว้แน่ๆ
“อะไรคะ”
(เงินนั่น พี่ทำหมดไปแล้ว) เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดและแผ่วเบา
“มะ…หมายความว่ายังไง”
(คือพี่ เห้อ พี่ขอโทษนะคิดถึง พี่จะรีบหามาคืน เอามาจ่ายให้โรงพยาบาล)
“พี่แทนคุณ! พี่เอาเงินนั่นไปทำอะไร นั่นมันเงินที่ต้องใช้รักษาพ่อนะ เรามีแค่นั้นแล้ว พ่อต้องใช้ผ่าตัด แล้วพี่เอามันไปใช้ได้ยังไง!” เธอพูดขึ้นด้วยความโมโห น้ำตาเริ่มหลั่งออกมาอาบแก้ม
(พี่ขอโทษ พี่จะรีบหามาให้)
“พี่เอามันไปทำอะไร บอกหนูมานะ!” เธอไม่เคยรู้สึกโกรธพี่ชายตัวเองขนาดนี้มาก่อน แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะช่วยพ่อที่เข้ารับการรักษาจากโรคร้าย เงินนี้ก็เป็นเงินก้อนสุดท้ายของท่านที่เก็บไว้แล้วด้วย
(คิดถึง คือพี่…)
“บอกว่าให้บอกหนูมาไง ฮือๆ”
(พี่เอาไปเล่นพนัน เพราะคิดว่าเราจะไม่มีเงินเหลือใช้เลยเอามันไปเสี่ยงโชคดู)
“…” หัวใจดวงน้อยหล่นวูบเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายตัวเองพูดออกมา
ไร้สาระสิ้นดี! โง่เกินไปแล้ว!
(คิดถึงพี่จะหายืมเพื่อนมาให้ ไม่ต้องห่วง)
แล้วปลายสายก็รีบวางไปด้วยความร้อนรน เธอกำมือถือในมือไว้แน่นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น กอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างนั้น
เงินตั้งมากมายขนาดนั้นเขาจะหาที่ไหนกัน
พ่อจ๋า…คิดถึงจะทำยังไงดี
“ฮึก…”
“เฮ้ เธอ เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งเรียกสติของเธอกลับคืนมา หลังจากที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นอยู่นานเพราะหาทางออกไม่ได้ใบหน้าจิ้มลิ้มค่อยๆแหงนขึ้นใบมองเขาด้วยน้ำตา
เธอปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มสีแดงระเรื่ออย่างลวกๆก่อนจะยืนขึ้นแล้วถอยออกมาหนึ่งก้าว
“มะ…ไม่มีอะไรค่ะ” พูดจบเธอก็เตรียมจะหันหลังเดินหนีออกมา
“เดี๋ยวก่อน!”
“…” เธอหยุดชะงักแล้วหันไปมองเขาด้วยความสงสัย
“น้องสาวไอ้แทนคุณหรือเปล่า” เขากอดอกมองด้วยความสงสัย แต่ก็มั่นใจมากว่าใช่แน่ๆ
“…คะ”
“ฉันถามเธอคือน้องสาวไอ้แทนคุณ…ใช่มั้ย” ใบหน้าคมเข้มพูดขึ้นพร้อมเหยียดยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจจนเธอเริ่มหวาดระแวง
“มีอะไรกับหนู พี่แทนคุณเขาไปทำอะไรเดือดร้อนมาอีกคะ” เธอพูดขึ้นแล้วถอยหลังอีกจนแผ่นหลังชิดกับผนัง
“หึ”
“ถ้าไม่มีอะไรหนูขอตัว”
“มันให้ฉันมาจ่ายค่ารักษาพ่อมัน” เขาพูดขึ้นแล้วกอดอกมองตามเธอที่กำลังจะเดินหนีออกไป
“…” คิดถึงหันกลับมามอง แล้วขมวดคิ้วแน่น “พี่แทนคุณยืมเงินพี่เหรอคะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ฉันเลยมาดูว่ามันพูดจริงหรือโกหก” คนพูดมองเธอด้วยสายตาที่เธอเองก็เดาไม่ออก
“…” เธอเงียบก่อนจะพูดออกมา “พ่อหนูไม่สบาย แต่พี่แทนคุณเอาเงินนั้นไปใช้จนหมด ฮึก ถ้าไม่ได้เงินนี้พ่อหนูแย่แน่ๆ”
“…” ชายหนุ่มเงียบไปมองผู้หญิงที่เด็กกว่าเขาร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าคนแปลกหน้าอย่างเขา แล้วถอนหายใจออกมา “ไหนพ่อเธอล่ะ พาฉันไปดูหน่อย”
เธอพยักหน้าแล้วเดินนำเขาไปยังห้องฉุกเฉิน เพราะเมื่อเช้านี้พ่อของเธอเกิดอาการผิดปกติ จึงต้องย้ายไปกระทันหัน
ชายหนุ่มกอดอกมองลอดเข้าไปด้านในผ่านกระจกใส ผู้หญิงที่ยื่นอยู่ข้างๆก็เอาแต่ร้องให้ไม่หยุด
“ฉันจะจัดการให้” พูดจบเขาก็หันหลังให้เธอ
“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่”
“…”
“พี่เป็นเพื่อนพี่แทนคุณเหรอคะ”
“ไม่ใช่”
“แล้วทำไมถึงกล้าให้ยืมคะ เขายังเรียนไม่จบด้วยซ้ำเขาหาเงินมาให้พี่ไม่ได้แน่ๆ ขอโทษนะคะ หนูรับเงินนั้นไว้ไม่ได้หรอก”
“เธอนี่ใสซื่อดีนะ” ผู้ชายคนนั้นขยับตัวเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับขบขันในสิ่งที่เธอพูดออกมา
“…”
“ฉันไม่ได้ใจดีที่จะให้เงินใครไปทั่วหรอก คนที่จะได้เงินฉันไป ก็ต้องมีของมาแลก” เขากระตุกยิ้มแล้วมองใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นที่กำลังแสดงความกลัวออกมา
“เขาไม่มีอะไรให้พี่หรอกค่ะ ครอบครัวเราไม่มีอะไรเลย”
“ฮ่าๆ มันรับปากแล้วนี่ ว่าจะให้ฉันได้ทุกอย่าง ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องของเด็กน้อยอย่างเธอ” เด็กสาวเงียบไปก่อนจะดูเสื้อผ้าของเขาที่สวมใส่อยู่
เขาเองก็แต่งตัวเป็นนักศึกษามหา’ลัยเดียวกับเธิ แต่น่าจะแก่กว่าเธอนิดหน่อยเพราะหัวเข็มขัดไม่ใช่เด็กใหม่ ทำไมถึงเรียกเธอว่าเด็กน้อยกันนะ
“แต่เงินก้อนนั้นมันมากเกินไป พี่แทนคุณจะหาที่ไหนมาคืน”
“ถ้ามันหาไม่ได้ ก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนไง” เขาตอบแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะเดินออกไปปล่อยให้เธอยืนงุนงงอยู่ตรงนั้น
@X Vegas hotel
“มึงไปไหนมาไอ้ไวท์”อัคคีถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตัวเองที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ไปจัดการอะไรมานิดหน่อย” ไวท์ตอบแล้วหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา
“คนอย่างมึงมีเรื่องตัองทำด้วยเหรอ”
“กูดูว่างและไร้สาระไปวันๆขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาขมวดคิ้วถามเพื่อนตัวเองด้วยความสงสัย
“ก็มึงว่างตลอด เวลาเรียนมึงยังทำตัวว่างได้เลย”
“…” ไวท์ส่ายหัวกับคำพูดของเพื่อนแล้วพูดขึ้นมาอีกครั้ง “มึงจำไอ้แทนคุณได้มั้ย”
“แทนคุณ?” อัคคีนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหาเพื่อนตัวเอง “คนที่มันเรียนคณะเดียวกับเราและเคยมาบ่อนเมื่อวันก่อน แล้วมีเรื่องตอนจะกลับ”
“อืม”
“ทำไม ก็แค่คนที่เรียนคณะเดียวกัน มึงสนใจอะไร”
“มันมาหากู แล้วมาขอกู้เงินไปรักษาพ่อมัน” ไวท์หยิบบุหรี่ไฟฟ้าที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกขึ้นมาดูดเข้าเต็มปอด ก่อนจะพ่นควันออกมา
“แล้วมึงให้เหรอ มั่นใจได้ยังไงว่ามันจะเรื่องจริง สงสารมันหรือไง” อัคคีถามเพื่อนด้วยความสงสัย ปกติมันไม่ใช่คนขี้สงสารขนาดนั้น
“กูอยู่โรงพยาบาลพอดีเลยขึ้นไปดูว่าจริงมั้ย หรือคิดจะเอาเงินกูมาทิ้งที่บ่อนอีกรอบ”
“แล้วเป็นไง”
“ก็เหมือนที่มันบอก แถมยังเจอน้องมันร้องเป็นลูกหมาอยู่หน้าห้อง” เขาพูดแล้วคิดถึงเด็กปีหนึ่งหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้น
“มึงสงสารเด็กเหรอ ฮ่าๆ เชี่ยไวท์ มึงโดนตัวไหนมาวะ”
“ถ้ามึงเห็นแบบกูมึงจะไม่พูดคำนี้”
“ฮ่าๆ ไอ้ไวท์ กูว่ามึงควรไปเปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก” อัคคียังคงหัวเราะ
“…” ไวท์มองหน้าเพื่อนอย่างหยุดหงิด
“น่ารักมั้ย เผื่อมันไม่ใช้หนี้มึง จะได้เอาน้องมันมาใช้หนี้แทน”
“พูดเป็นนิยายเลยนะมึง”
“สรุปสวยมั้ย”
“ถ้าไม่ร้องไห้ กูคิดว่าตุ๊กตาเดินได้เลยว่ะ”
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูทำให้ทั้งคู่หันไปมองและจบบทสนทนานั้นไป
“มาละว่ะ ไงมึงสดชื่นมั้ย”
“…” คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ปรายตามองเพื่อนของตัวเอง ก่อนจะเดินไปดูดบุหรี่เงียบๆที่ระเบียง
“ทำไมต้องสดชื่นด้วยวะ คำนี้โคตรไม่เหมาะกับหน้ามัน” ไวท์พูดขึ้นด้วยความรู้สึกสยองเมื่อได้ยินคำพูดของอัคคีที่เอ่ยทักทายแผ่นดิน
“ก็วันนี้มันแม่งกินเด็กปีหนึ่งเป็นอาหาร”
*******************