S
“เชื่อเถอะ”
“ที่ผมทำไปทั้งหมด”
"ก็เพื่อพวกเรา…เหล่าผู้รอดชีวิตเท่านั้น" ผมกล่าวก่อนจะใช้ขวานที่มีพลังงานปกคลุมของผม ฟันไปที่ต้นกำเนิดผลึกสีฟ้าลักษณะรูปทรงกลม โดยที่ผลึกสีฟ้านั้นยังไม่ถูกฟื้นฟู ซึ่งเมื่อหลังจากที่ผมจัดการชายร่างใหญ่ทั้งสองได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่มีใครกล้าขัดผมอีก ทำให้ผมเดินไปอย่างสะดวก
เพล้งง วึบ
และเมื่อผมฟันมันไป ต้นกำเนิดก็แตกครึ่งออกมา ผมใช้มือรองรับมันไว้อย่างเบามือ เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้เล่นเอาชีวิตรอดต่างโหยหากันจนถึงที่สุด ราคาของมันไม่สามารถประเมิณได้ แล้วผมก็นำมันยัดเข้าไปในกระเป๋ามิติทันที
“อึก…” หลายคนในค่าย ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจหรือผู้รอดชีวิตธรรมดา พวกเขาต่างมองผมด้วยสีหน้าเกลียดชัง เพราะผมได้ใช้ความแข็งแกร่งของตนในการแย่งชิงเศษเสี้ยวความหวังของมนุษย์ไป
“เอาล่ะ”
“ควีนตามผมมา” ผมกล่าวก่อนจะเดินนำควีนไปที่หอพักของผม ซึ่งเธอก็เดินตามผมมาอย่างว่าง่าย เธอไม่ขัดผมแม้แต่น้อยไม่ว่าผมจะทำอะไร ซึ่งหงส์เองก็เช่นกัน
ณ ห้องพักของมังกร
"เรื่องวิธีการใช้พลังงาน" เมื่อผมกล่าวหัวเรื่องที่จะพูดคุยกัน มันทำให้ทั้งสองสาวตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก
“ที่จริงเมื่อเธอถึงระดับผู้เล่น"
“เธอจะได้รับเควสฝึกสอน” ผมกล่าวกับควีน และมันทำให้หงส์แปลกใจ ว่าเพราะอะไรทำไมเธอถึงไม่มีเควสขึ้น ผมจึงหันไปมองหน้าเธอ มันทำให้เธอพอจะเข้าใจว่าเรื่องที่ผมกล่าวนั้นถูกบิดเบือน ซึ่งมันก็จริง เพราะเควสฝึกสอนจะปรากฏขึ้นเมื่อเราอยู่ในระดับผู้เล่น เลเวล 50
'มันคือการดึงพลังมาจากจุดศักยภาพของเรา'
‘อย่างแรกคือเราต้องจับสัมผัสหรือการมีอยู่ของพลัง’ หงส์นึกถึงสิ่งที่ผมเคยกล่าวไว้คร่าวๆ แต่ในครั้งนี้จะเป็นการสอนอย่างจริงจัง
“ขอโทษนะ" ผมกล่าวก่อนที่จะเดินไปข้างหลังของทั้งสองสาวและใช้ฝ่ามือทาบหลังของทั้งคู่บริเวณหัวใจ
“การที่เราจะใช้พลังนั้นได้”
“เราต้องสัมผัสถึงมันให้ได้ซะก่อน” ผมกล่าว ซึ่งการที่จะสัมผัสถึงมันได้เราใช้เวลากันพอสมควรในชีวิตก่อน และเมื่อมีคนใช้พลังได้ คนที่มีพลังจะสามารถทำให้คนที่ตนใส่พลังไปในตัวรับรู้ถึงพลังได้ง่ายขึ้น แต่มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายกันพอสมควร
แต่!
ผมคือผู้เล่นคนแรกๆที่สัมผัสถึงมันได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร! ผมจึงไม่ต้องไปขอซื้อวิชา หรือแลกเปลี่ยนวิชาคนอื่น กลับกันผมเป็นคนที่สอนการใช้พลังให้กับคนอื่นเสียด้วยซ้ำ แต่ค่าจ้างค่าตัวผมมันก็ใช่เล่น
คลืนน
ผมค่อยๆเรียกพลังออกมา และส่งต่อไปที่ฝ่ามือพร้อมกับไหลผ่านเข้าไปที่ร่างกายของทั้งสองสาว ซึ่งมันทำให้พวกเธอถึงกับสะดุ้ง ทำให้ผมรับรู้ได้ทันทีว่าพวกเธอสามารถจับทางพลังงานได้แล้ว แน่นอนว่าที่มันเร็วเช่นนี้เพราะผมเป็นคนปล่อยคลื่นพลัง ผมปล่อยเข้าไปที่จุดศักยภาพของพวกเธอโดยตรง รวมถึงส่งพลังนั้นขึ้นไปที่สมองของพวกเธอ ถ้าหากเป็นคนอื่นคงไม่สามารถทำได้เชี่ยวชาญเท่ากับผม หรืออาจจะทำผิดพลาดจนทำให้อีกคนถึงแก่ชีวิตเลยก็ว่าได้
“ในตอนนี้พวกเธอสามารถสัมผัสพลังได้แล้ว”
“ค่อยๆเรียนรู้มัน”
“ไม่ต้องรีบ…และไม่ต้องรีบเรียกมันออกมา” ผมกล่าวให้พวกเธอผ่อนคลายและใจเย็นลง ซึ่งในตอนนี้ทั้งคู่ต่างพยายามทำสมาธิและเรียนรู้การไหลเวียนของพลังงานในตัวพวกเธอให้มากที่สุด
“พี่!มันสุดยอดมาก!” แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หงส์ก็ตะโกนออกมาราวกับเธอได้พบกับสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ มันทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง
“อะไรสุดยอด?” ผมกล่าวถามก่อนที่จะนึกถึงเรื่องหนึ่งได้
“สีสันของมันคล้ายกับออโรร่าเลย!!” เมื่อเธอกล่าวออกมาอย่างน่าตื่นเต้น ผมจึงหันไปหาเธอในทันที
“!!” มันทำให้ผมตกใจเป็นอย่างมาก
เพราะดวงตาของหงส์!
น้องสาวของผม!
เธอมีสีศักยภาพมานาเป็นสีรุ้ง!
“พี่…มันคืออะไร?" เธอกล่าวถามผมพลางเงยหน้ามองบางอย่าง ซึ่งแท้จริงแล้วเธอน่าจะเห็นมันอยู่ในจิตของเธอ และกำลังมองดูออโรร่าอย่างเพลิดเพลิน
“ที่จริงแล้ว”
“ภายหลังจากที่พลังงานถูกค้นพบ”
“เหล่าผู้เล่นเอาชีวิตรอดที่เป็นเกมเมอร์มาก่อน”
“ต่างเรียกมันว่ามานา” ผมกล่าวและยิ้มออกมา ผมเองก็ยังคงตื่นเต้นจนขนลุก!
เพราะการมีมานาศักยภาพเป็นสีรุ้งมันแทบจะเป็นหนึ่งในล้านคน! แม้แต่ผมเองก็ยังคงมีสีศักยภาพมานาเป็นสีขาว สีดำ > สีเทา > สีขาว > สีรุ้ง โดยที่มานาสามารถนำมันมาใช้เพิ่มความแข็งแกร่งส่วนต่างๆของร่ายกายเราได้ รวมถึงการใช้มันเคลือบอาวุธของเรามันคือเทคนิคขั้นสูง แต่ที่สูงกว่านั้นคือการสร้างมานาแทนกระสุนในอาวุธโจมตีระยะไกลต่างๆ
สีเขียว
สีฟ้า
สีน้ำเงิน
สีม่วง
สีเหลือง
สีทอง
สีส้ม
สีชมพู
สีแดง
สีขาว
สีขาวขอบขอบพลังเทา
ซึ่งมานาในระดับต่างๆ มันไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งของการโจมตีขึ้น พลังทำลายล้างของมันเท่าเดิม หรือก็คือเป็นสองเท่าของพลังโจมตีเราหรือสเตตัสของเรา โดยที่สีของมานานั้นบ่งบอกเกี่ยวกับมานาที่เราสามารถใช้ได้ หรือการกักเก็บมานานั่นเองและเพิ่มระยะการทำลายล้างอีกด้วย โดยที่ในตอนนี้ผมมีมานาสีฟ้า
แต่ถ้าหากหงส์ฝึกการใช้มานาสำเร็จ เธอจะก้าวหน้าไปไวกว่าผมมากๆ เพราะในแต่ละระดับสีศักยภาพมานา มันมีความห่างชั้นที่เทียบกันไม่ติด ห่างราวฟ้ากับเหว ยิ่งสีรุ้งเทียบกับสีขาวที่เป็นรอง มันห่างจนเปรียบเทียบได้ว่าสีรุ้งเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ส่วนสีขาวนั้นเป็นเพียงผู้คนฝีมือดีธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น!
“เยี่ยม!เยี่ยมยอด!!” ผมกล่าวออกมาด้วยความดีใจ ถ้าหากเป็นเช่นนี้แล้ว เธอจะกลายเป็นบุคคลที่ต้องการของมนุษยชาติ ซึ่งท่าทางของผมมันทำให้หงส์ตกใจและสับสน
“มันเป็นเรื่องดีใช่ไหม?” หงส์กล่าวถามผมด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง!"
“เธอเป็นหนึ่งในล้านคนที่มีมานาสีรุ้ง!!!” ผมกล่าวออกไปก่อนจะเดินไปหาหงส์และก้มลงไปกอดเธอ เพราะถึงแม้ปาร์ตี้ของผมจะเป็นที่รู้จักกันในนามว่าปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ปาร์ตี้ของผมก็ยังไม่มีคนที่มีศักยภาพมานาสีรุ้ง
แต่ปาร์ตี้อันดับรองลงจากผมพวกเขามี! ซึ่งเราเคยเผชิญหน้ากันแล้วในการแย่งชิงเมล็ดพืช ซึ่งคนคนนั้นก็เสียชีวิตไปด้วยมือของผมเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็บาดเจ็บสาหัสไปพอสมควร
“จริงไหมพี่!?” หงส์กล่าวด้วยท่าทางเหลือเชื่อก่อนจะกอดผมกลับ
“จริงแท้แน่นอน” ผมกล่าวให้หงส์มั่นใจในตัวเอง
‘ส่วนควีน…’ ผมคิดในใจ พลางมองดูควีนที่กำลังตั้งสมาธิราวกับเธอได้ตัดขาดออกจากโลกภายนอก
‘หลังจากนี้เธอจะสามารถไปต่อเองได้’
‘เช่นนั้นแล้วเราก็สามารถไปหาพ่อและแม่ตามที่ต้องการ’ ผมคิดในใจอีกครั้ง ในตอนนี้ผมได้หว่านเมล็ดและรดน้ำให้เป็นอย่างดี เหลือเพียงรอให้เมล็ดนั้นเติบโตขึ้นมา
“เราจะไปหาพ่อแม่กันเดี๋ยวนี้” ผมกล่าวก่อนที่จะเปิดเมนูระบบขึ้น
[คุณได้ขอผู้เล่นเอาชีวิตรอด ควีน เป็นเพื่อน]
‘เพลือเพียงรอควีนตอบรับ’ ผมคิดในใจพลางหงส์ที่กำลังสะพายเป้ เธอทำตามสิ่งที่ผมต้องการได้อย่างเคร่งครัดทีเดียว ซึ่งคำขอเป็นเพื่อนน่าจะถูกส่งไปถึงควีนแล้ว รอเพียงแค่เธอตื่นขึ้นมาจากการเรียนรู้มานาและยอมรับผมเป็นเพื่อน หลังจากนั้นเราจะสามารถติดต่อหากันได้นอกจากทางแชทปาร์ตี้ ซึ่งมันจะเป็นแชทส่วนตัวระหว่างผมและควีนซะแทน
ฟึบ
“…”
“ควีนอยู่ในห้อง…เธอกำลังตั้งสมาธิ”
“ห้ามให้ใครเข้าห้องเด็ดขาดจนกว่าเธอจะออกมาเอง” ผมกล่าวกับทหารทั้ง 5 คนที่อยู่หน้าห้อง ซึ่งพวกเขาล้วนเป็นลูกทีมของควีน และได้รับการปลุกตื่นวิวัฒนาการเรียบร้อย
“พัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น”
“ควีนต้องการกำลังจากพวกนาย” ผมกล่าวเมื่อคิดอะไรดีๆขึ้นได้ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้จากช่องว่างมิติเบื้องหน้าออกมา และมอบให้คนที่อยู่ใกล้ที่สุด
“รับทราบ!” ทั้งห้าคนกล่าวตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด ถึงแม้พวกเขาจะไม่เห็นว่าในกระเป๋าเป้นั้นมีอะไรอยู่ แต่มันน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งได้ในตอนนี้ นั่นก็คือเยลลี่สีเขียวที่มาจากสมองของพวกซอมบี้
“เมื่อถึงเวลา”
“ผมจะกลับมาอีกครั้ง” ผมกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราสองพี่น้องจะเดินลงจากบันได ลงไปสู่เบื้องล่างตึก
“!!!” ในทันทีที่ผมรู้สึกว่ามีใครหรืออะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังของเรา หลังจากที่เราออกมาจากประตูทางเข้าตึก ผมก็ได้ชักมีดสั้นขึ้นมาจากบริเวณเข็มขัดและหันกลับไปเตรียมจะป้องกันตัวในทันที
“อะ…อะไรนะ!?” หงส์กล่าวด้วยความสงสัยพร้อมกับรีบหันไปทิศที่ผมกำลังจ่อมีดอยู่ ซึ่งร่างนั้นคือร่างของเด็กผู้ชายผิวขาว ผมยาวสีดำ เขาสูงไม่น่าเกิน 165 เซนติเมตร
“ทำได้ยังไง?” ผมกล่าวออกไปเมื่อเด็กตรงหน้าไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวต่อผมแม้แต่น้อย แต่ที่ผมตกใจคือทำไมเขามาอยู่เบื้องหลังผมได้? เพราะอะไรผมถึงสัมผัสตัวตนของเขาไม่ได้? หรือเลเวลผมยังต่ำเกินไป?
‘เขายังไม่ได้เป็นผู้เล่นหนิ?’ ผมคิดในใจเมื่อลองมองชื่อเขาบนหัว ซึ่งมันทำให้ผมตกใจมาก หรือเขาจะมีพลังอะไรเกี่ยวกับการลบตัวตน? แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ…
เขาต้องการอะไร?
“พาผมไปด้วย”
“ได้โปรด” เขากล่าวออกมาด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ เขาน่าจะเจอกับเหตุการณ์ที่น่าสลดใจมาแน่ๆ
‘หน้าตากับรูปร่างน่าจะอายุราวๆ 16? 17?' ผมคิดในใจเมื่อได้ประเมิณเกี่ยวกับร่างกายของเขา
“ขอเหตุผล” ผมกล่าวถามออกไป ถ้าหากมันเป็นไปตามที่ผมต้องการได้ยิน ผมอาจจะพาเขาไปด้วย
“ในโลกเหี้-ยนี่”
“คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตรอด” เขากล่าวออกมาด้วยความชิงชัง ซึ่งมันทำให้ผมสับสนเป็นอย่างมาก ผมชอบคิดและพูดประโยคแนวนี้ออกมาบ่อย หรือเขาอาจจะเคยได้ยินผมพูด? แล้วเขามาจากไหน? เขาคือใครกันแน่?
แต่ถึงยังไงมันก็ไม่สำคัญ ผมชอบคนแบบนี้ ผมชอบสายตาที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผมชอบที่เขาดูดิบๆ และเขาอาจจะมีพรสวรรค์ มันน่าลอง มันน่าจะให้เขาลองดู
ผมควรให้โอกาสกับเด็กนี่!
“…” ผมไม่กล่าวอะไรอีกก่อนจะหยิบก้อนผลึกสีฟ้าออกมาจากกระเป๋ามิติ ซึ่งการที่ต้นกำเนิดผลึกสีฟ้าได้เข้าไปอยู่ในกระเป๋ามิติของผม มันก็ได้ฟื้นฟูผลึกสีฟ้าและกลายเป็นผลึกรูปทรงหกเหลี่ยมขนาดเท่าเคสคอมพิวเตอร์ มันจึงพอเพียงที่ผมจะใช้ทำเรื่องต่างๆ บางทีอาจจะเกินคำว่าพอเพียงเสียด้วยซ้ำ โดยที่ผมได้ยื่นผลึกสึฟ้าให้กับเด็กผู้ชายตรงหน้า
วึบ วูบ
และทันทีที่ผลึกสัมผัสกับมือของเขา ผลึกก็ได้แตกกระจายและซึมซับเข้าสู่กลางอกของเขาในทันที ซึ่งจากที่ผมมองดูท่าทางของเขา เขาคงกำลังคิดเกี่ยวกับหน้าต่างที่ขึ้นมาตรงหน้าของเขา ในการตั้งชื่อ
“ฉันขอแนะนำให้นายเลือก SENSORY” ผมกล่าวและมันทำให้เขาชำเลืองสายตาขึ้นมามองผมเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสนใจหน้าต่างตรงหน้าของเขา ซึ่งดูเหมือนเขาจะทำตามที่ผมกล่าว
[เปิดใช้ดวงตาแห่งความจริง]
[คุณได้ใช้ดวงตาแห่งความจริงกับ 1 สิ่งมีชีวิต]
[เวลาดวงตาสีฟ้าของคุณเป็น 1 นาที]
“!?” และการที่ดวงตาของผมกลายเป็นสีฟ้า มันทำให้เด็กผู้ชายตรงหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
สเตตัสเริ่มต้น
ผู้เล่น : S
ระดับ :ผู้รอดชีวิต
เลเวล : 1
สถานะปัจจุบัน : สับสน , เหลือเชื่อ
ทักษะติดตัว :Sensory
พละกำลัง : 60/100
ความว่องไว : 71/100
พลังป้องกัน : 52/100
ความฉลาด : 65/100
ศักยภาพการเติบโต : 6
ศักยภาพมานา : สีดำ
ทักษะของผู้เล่น : ไร้ตัวตน SS , ไหวพริบ S , เอาชีวิตรอด A , จิต B , การต่อสู้ C ,
ป้ายกำกับ : ฉันคือเงาและเงาคือฉัน
‘เชี่ยไรวะเนี่ย!?’ ผมตกใจมากเมื่อได้เห็นทักษะที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แถมมันยังอยู่ในระดับเดียวกับทักษะของผมด้วย ทั้งๆที่ผมย้อนเวลากลับมา แต่เขาเพียงแค่เพิ่งกลายเป็นผู้เล่น? หรือมันคือพรสวรรค์ของเขา?
“เอาสิ”
“มากับฉัน” ผมกล่าวออกไปเมื่อเห็นหนทางในการใช้งานเขา ด้วยป้ายกำกับที่ว่า ‘ฉันคือเงาและเงาคือฉัน’
“คอยดูสถานการณ์หลังจากนี้อยู่รอบนอก”
“แล้วค่อยตามเราออกมาหลังจากที่ฉันและน้องสาวออกจากค่าย” ผมกล่าว ซึ่งมันคือภารกิจแรกของเขา ผมอยากรู้ว่าเขาจะสามารถออกมาจากค่ายทหารที่มีทหารคอยป้องกันทั้งข้างในและข้างนอกได้ยังไง
“นายชื่ออะไร?” ผมกล่าวถามถึงแม้ผมจะรู้อยู่แล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นที่ผมทำ เพียงแค่ผมต้องการแนะนำตัวทั้งผมและเขาในระหว่างเดินออกไปจากใต้หอพัก
“เอส…ผมชื่อเอส" เขากล่าวตอบคำถามของผมในทันที
“อายุ?” ผมกล่าวถามเขาต่อซึ่งในตอนนี้เราใกล้จะถึงทางออกจากใต้ตึกหอพักแล้ว
“18” เขากล่าวออกมาก่อนที่จะหายไปจากข้างหลังผม ซึ่งผมสามารถสัมผัสถึงเขาได้ในครั้งนี้ ว่าเขาได้เดินหลบออกไปทางขวาเพื่อแยกกับผมโดยไม่ต้องให้ผมสั่งแม้แต่น้อย
“พี่…เด็กนั่นแปลกดีเนอะ” หงส์กล่าวด้วยความหวาดระแวงเมื่อพี่ชายของเธอและเด็กที่ชื่อเอสหยุดพูดคุยกัน และเธอหันหลังกลับไปก็พบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ซึ่งเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเบื้องหลังของเธอนั้นมีเขาอยู่ และเธอก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเขาหายไปตอนไหน
“ใช่…แปลกมาก" ผมกล่าวจบก็หยุดลงตรงข้างหน้าหอพัก ซึ่งมันมีพวกทหารมากมายอยู่เบื้องหลังคนคนนึง ซึ่งเขาคือนายก และเหล่าทหารตำรวจอาวุโส ดูเหมือนพวกเขาต้องการจะพูดคุยกับผม โดยที่ไม่ได้ใช้กำลังกับผม เพียงแค่ใช้อำนาจเล็กน้อยในการกดดันผม เพราะในตอนนี้ผู้คนต่างมองผมเป็นตาเดียว
“เราขอพูดคุยด้วยสักครู่” นายกเป็นคนกล่าวออกมาด้วยตนเอง เสมือนว่าในตอนนี้พวกเขาจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว ผมไม่ใช่ประชาชน กฏหมายไม่มีอีกต่อไป และพวกทหารของเขาไม่มีความแข็งแกร่งที่ทัดเทียมผม แม้คนที่แข็งแกร่งรวมกันหยุดผมก็ไม่สามารถทำได้ และโดนผมจัดการไปอย่างง่ายดาย
“ไม่จำเป็น…ผมจะออกไป” ผมกล่าวและหันไปมองหัวหน้าตำรวจที่ยศสูงที่สุดที่นี่ในตอนนี้
หมับ ฟึบ
ผมได้เดินเข้าไปหาเขาและใช้มือบีบคอเขายกขึ้นสูง มันทำให้เหล่าทหารพากันยกอาวุธขึ้นมาเล็งที่ผมในทันที ซึ่งผมก็ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย ส่วนนายกเขาได้ถูกทหารบอดี้การ์ดคุ้มกันในทันทีที่ผมขยับ
“ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับควีน”
“แกตาย” ผมกล่าวออกไปตรงๆทำให้มันถึงกับหน้าซีด
“นับจากนี้…ควีนจะเป็นคนที่คอยปกป้องที่นี่” ผมกล่าวก่อนที่จะปล่อยร่างที่ผมบีบคออยู่ลงมา ทำให้เขาหงายหลังไปบนพื้นทันที
“ขอให้ทุกคนโชคดี" ผมกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากไป ซึ่งที่พวกทหารไม่ยิงผม เพราะนายกเป็นคนสั่งห้ามเอาไว้ ห้ามมีเรื่องกับผมจนกว่าผมจะแสดงท่าทางว่าเป็นศัตรูอย่างแท้จริง แต่ก่อนที่ผมจะเดินถึงประตู
ปังๆๆ