บท
ตั้งค่า

S

“เชื่อเถอะ”

“ที่ผมทำไปทั้งหมด”

"ก็เพื่อพวกเรา…เหล่าผู้รอดชีวิตเท่านั้น" ผมกล่าวก่อนจะใช้ขวานที่มีพลังงานปกคลุมของผม ฟันไปที่ต้นกำเนิดผลึกสีฟ้าลักษณะรูปทรงกลม โดยที่ผลึกสีฟ้านั้นยังไม่ถูกฟื้นฟู ซึ่งเมื่อหลังจากที่ผมจัดการชายร่างใหญ่ทั้งสองได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่มีใครกล้าขัดผมอีก ทำให้ผมเดินไปอย่างสะดวก

เพล้งง วึบ

และเมื่อผมฟันมันไป ต้นกำเนิดก็แตกครึ่งออกมา ผมใช้มือรองรับมันไว้อย่างเบามือ เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้เล่นเอาชีวิตรอดต่างโหยหากันจนถึงที่สุด ราคาของมันไม่สามารถประเมิณได้ แล้วผมก็นำมันยัดเข้าไปในกระเป๋ามิติทันที

“อึก…” หลายคนในค่าย ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจหรือผู้รอดชีวิตธรรมดา พวกเขาต่างมองผมด้วยสีหน้าเกลียดชัง เพราะผมได้ใช้ความแข็งแกร่งของตนในการแย่งชิงเศษเสี้ยวความหวังของมนุษย์ไป

“เอาล่ะ”

“ควีนตามผมมา” ผมกล่าวก่อนจะเดินนำควีนไปที่หอพักของผม ซึ่งเธอก็เดินตามผมมาอย่างว่าง่าย เธอไม่ขัดผมแม้แต่น้อยไม่ว่าผมจะทำอะไร ซึ่งหงส์เองก็เช่นกัน

ณ ห้องพักของมังกร

"เรื่องวิธีการใช้พลังงาน" เมื่อผมกล่าวหัวเรื่องที่จะพูดคุยกัน มันทำให้ทั้งสองสาวตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก

“ที่จริงเมื่อเธอถึงระดับผู้เล่น"

“เธอจะได้รับเควสฝึกสอน” ผมกล่าวกับควีน และมันทำให้หงส์แปลกใจ ว่าเพราะอะไรทำไมเธอถึงไม่มีเควสขึ้น ผมจึงหันไปมองหน้าเธอ มันทำให้เธอพอจะเข้าใจว่าเรื่องที่ผมกล่าวนั้นถูกบิดเบือน ซึ่งมันก็จริง เพราะเควสฝึกสอนจะปรากฏขึ้นเมื่อเราอยู่ในระดับผู้เล่น เลเวล 50

'มันคือการดึงพลังมาจากจุดศักยภาพของเรา'

‘อย่างแรกคือเราต้องจับสัมผัสหรือการมีอยู่ของพลัง’ หงส์นึกถึงสิ่งที่ผมเคยกล่าวไว้คร่าวๆ แต่ในครั้งนี้จะเป็นการสอนอย่างจริงจัง

“ขอโทษนะ" ผมกล่าวก่อนที่จะเดินไปข้างหลังของทั้งสองสาวและใช้ฝ่ามือทาบหลังของทั้งคู่บริเวณหัวใจ

“การที่เราจะใช้พลังนั้นได้”

“เราต้องสัมผัสถึงมันให้ได้ซะก่อน” ผมกล่าว ซึ่งการที่จะสัมผัสถึงมันได้เราใช้เวลากันพอสมควรในชีวิตก่อน และเมื่อมีคนใช้พลังได้ คนที่มีพลังจะสามารถทำให้คนที่ตนใส่พลังไปในตัวรับรู้ถึงพลังได้ง่ายขึ้น แต่มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายกันพอสมควร

แต่!

ผมคือผู้เล่นคนแรกๆที่สัมผัสถึงมันได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร! ผมจึงไม่ต้องไปขอซื้อวิชา หรือแลกเปลี่ยนวิชาคนอื่น กลับกันผมเป็นคนที่สอนการใช้พลังให้กับคนอื่นเสียด้วยซ้ำ แต่ค่าจ้างค่าตัวผมมันก็ใช่เล่น

คลืนน

ผมค่อยๆเรียกพลังออกมา และส่งต่อไปที่ฝ่ามือพร้อมกับไหลผ่านเข้าไปที่ร่างกายของทั้งสองสาว ซึ่งมันทำให้พวกเธอถึงกับสะดุ้ง ทำให้ผมรับรู้ได้ทันทีว่าพวกเธอสามารถจับทางพลังงานได้แล้ว แน่นอนว่าที่มันเร็วเช่นนี้เพราะผมเป็นคนปล่อยคลื่นพลัง ผมปล่อยเข้าไปที่จุดศักยภาพของพวกเธอโดยตรง รวมถึงส่งพลังนั้นขึ้นไปที่สมองของพวกเธอ ถ้าหากเป็นคนอื่นคงไม่สามารถทำได้เชี่ยวชาญเท่ากับผม หรืออาจจะทำผิดพลาดจนทำให้อีกคนถึงแก่ชีวิตเลยก็ว่าได้

“ในตอนนี้พวกเธอสามารถสัมผัสพลังได้แล้ว”

“ค่อยๆเรียนรู้มัน”

“ไม่ต้องรีบ…และไม่ต้องรีบเรียกมันออกมา” ผมกล่าวให้พวกเธอผ่อนคลายและใจเย็นลง ซึ่งในตอนนี้ทั้งคู่ต่างพยายามทำสมาธิและเรียนรู้การไหลเวียนของพลังงานในตัวพวกเธอให้มากที่สุด

“พี่!มันสุดยอดมาก!” แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หงส์ก็ตะโกนออกมาราวกับเธอได้พบกับสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ มันทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง

“อะไรสุดยอด?” ผมกล่าวถามก่อนที่จะนึกถึงเรื่องหนึ่งได้

“สีสันของมันคล้ายกับออโรร่าเลย!!” เมื่อเธอกล่าวออกมาอย่างน่าตื่นเต้น ผมจึงหันไปหาเธอในทันที

“!!” มันทำให้ผมตกใจเป็นอย่างมาก

เพราะดวงตาของหงส์!

น้องสาวของผม!

เธอมีสีศักยภาพมานาเป็นสีรุ้ง!

“พี่…มันคืออะไร?" เธอกล่าวถามผมพลางเงยหน้ามองบางอย่าง ซึ่งแท้จริงแล้วเธอน่าจะเห็นมันอยู่ในจิตของเธอ และกำลังมองดูออโรร่าอย่างเพลิดเพลิน

“ที่จริงแล้ว”

“ภายหลังจากที่พลังงานถูกค้นพบ”

“เหล่าผู้เล่นเอาชีวิตรอดที่เป็นเกมเมอร์มาก่อน”

“ต่างเรียกมันว่ามานา” ผมกล่าวและยิ้มออกมา ผมเองก็ยังคงตื่นเต้นจนขนลุก!

เพราะการมีมานาศักยภาพเป็นสีรุ้งมันแทบจะเป็นหนึ่งในล้านคน! แม้แต่ผมเองก็ยังคงมีสีศักยภาพมานาเป็นสีขาว  สีดำ > สีเทา > สีขาว > สีรุ้ง โดยที่มานาสามารถนำมันมาใช้เพิ่มความแข็งแกร่งส่วนต่างๆของร่ายกายเราได้ รวมถึงการใช้มันเคลือบอาวุธของเรามันคือเทคนิคขั้นสูง แต่ที่สูงกว่านั้นคือการสร้างมานาแทนกระสุนในอาวุธโจมตีระยะไกลต่างๆ

สีเขียว

สีฟ้า

สีน้ำเงิน

สีม่วง

สีเหลือง

สีทอง

สีส้ม

สีชมพู

สีแดง

สีขาว

สีขาวขอบขอบพลังเทา

ซึ่งมานาในระดับต่างๆ มันไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งของการโจมตีขึ้น พลังทำลายล้างของมันเท่าเดิม หรือก็คือเป็นสองเท่าของพลังโจมตีเราหรือสเตตัสของเรา โดยที่สีของมานานั้นบ่งบอกเกี่ยวกับมานาที่เราสามารถใช้ได้ หรือการกักเก็บมานานั่นเองและเพิ่มระยะการทำลายล้างอีกด้วย โดยที่ในตอนนี้ผมมีมานาสีฟ้า

แต่ถ้าหากหงส์ฝึกการใช้มานาสำเร็จ เธอจะก้าวหน้าไปไวกว่าผมมากๆ เพราะในแต่ละระดับสีศักยภาพมานา มันมีความห่างชั้นที่เทียบกันไม่ติด ห่างราวฟ้ากับเหว ยิ่งสีรุ้งเทียบกับสีขาวที่เป็นรอง มันห่างจนเปรียบเทียบได้ว่าสีรุ้งเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ส่วนสีขาวนั้นเป็นเพียงผู้คนฝีมือดีธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น!

“เยี่ยม!เยี่ยมยอด!!” ผมกล่าวออกมาด้วยความดีใจ ถ้าหากเป็นเช่นนี้แล้ว เธอจะกลายเป็นบุคคลที่ต้องการของมนุษยชาติ ซึ่งท่าทางของผมมันทำให้หงส์ตกใจและสับสน

“มันเป็นเรื่องดีใช่ไหม?” หงส์กล่าวถามผมด้วยความสงสัย

“ถูกต้อง!"

“เธอเป็นหนึ่งในล้านคนที่มีมานาสีรุ้ง!!!” ผมกล่าวออกไปก่อนจะเดินไปหาหงส์และก้มลงไปกอดเธอ เพราะถึงแม้ปาร์ตี้ของผมจะเป็นที่รู้จักกันในนามว่าปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ปาร์ตี้ของผมก็ยังไม่มีคนที่มีศักยภาพมานาสีรุ้ง

แต่ปาร์ตี้อันดับรองลงจากผมพวกเขามี! ซึ่งเราเคยเผชิญหน้ากันแล้วในการแย่งชิงเมล็ดพืช ซึ่งคนคนนั้นก็เสียชีวิตไปด้วยมือของผมเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็บาดเจ็บสาหัสไปพอสมควร

“จริงไหมพี่!?” หงส์กล่าวด้วยท่าทางเหลือเชื่อก่อนจะกอดผมกลับ

“จริงแท้แน่นอน” ผมกล่าวให้หงส์มั่นใจในตัวเอง

‘ส่วนควีน…’ ผมคิดในใจ พลางมองดูควีนที่กำลังตั้งสมาธิราวกับเธอได้ตัดขาดออกจากโลกภายนอก

‘หลังจากนี้เธอจะสามารถไปต่อเองได้’

‘เช่นนั้นแล้วเราก็สามารถไปหาพ่อและแม่ตามที่ต้องการ’ ผมคิดในใจอีกครั้ง ในตอนนี้ผมได้หว่านเมล็ดและรดน้ำให้เป็นอย่างดี เหลือเพียงรอให้เมล็ดนั้นเติบโตขึ้นมา

“เราจะไปหาพ่อแม่กันเดี๋ยวนี้” ผมกล่าวก่อนที่จะเปิดเมนูระบบขึ้น

[คุณได้ขอผู้เล่นเอาชีวิตรอด ควีน เป็นเพื่อน]

‘เพลือเพียงรอควีนตอบรับ’ ผมคิดในใจพลางหงส์ที่กำลังสะพายเป้ เธอทำตามสิ่งที่ผมต้องการได้อย่างเคร่งครัดทีเดียว ซึ่งคำขอเป็นเพื่อนน่าจะถูกส่งไปถึงควีนแล้ว รอเพียงแค่เธอตื่นขึ้นมาจากการเรียนรู้มานาและยอมรับผมเป็นเพื่อน หลังจากนั้นเราจะสามารถติดต่อหากันได้นอกจากทางแชทปาร์ตี้ ซึ่งมันจะเป็นแชทส่วนตัวระหว่างผมและควีนซะแทน

ฟึบ

“…”

“ควีนอยู่ในห้อง…เธอกำลังตั้งสมาธิ”

“ห้ามให้ใครเข้าห้องเด็ดขาดจนกว่าเธอจะออกมาเอง” ผมกล่าวกับทหารทั้ง 5 คนที่อยู่หน้าห้อง ซึ่งพวกเขาล้วนเป็นลูกทีมของควีน และได้รับการปลุกตื่นวิวัฒนาการเรียบร้อย

“พัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น”

“ควีนต้องการกำลังจากพวกนาย” ผมกล่าวเมื่อคิดอะไรดีๆขึ้นได้ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้จากช่องว่างมิติเบื้องหน้าออกมา และมอบให้คนที่อยู่ใกล้ที่สุด

“รับทราบ!” ทั้งห้าคนกล่าวตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด ถึงแม้พวกเขาจะไม่เห็นว่าในกระเป๋าเป้นั้นมีอะไรอยู่ แต่มันน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งได้ในตอนนี้ นั่นก็คือเยลลี่สีเขียวที่มาจากสมองของพวกซอมบี้

“เมื่อถึงเวลา”

“ผมจะกลับมาอีกครั้ง” ผมกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราสองพี่น้องจะเดินลงจากบันได ลงไปสู่เบื้องล่างตึก

“!!!” ในทันทีที่ผมรู้สึกว่ามีใครหรืออะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังของเรา หลังจากที่เราออกมาจากประตูทางเข้าตึก ผมก็ได้ชักมีดสั้นขึ้นมาจากบริเวณเข็มขัดและหันกลับไปเตรียมจะป้องกันตัวในทันที

“อะ…อะไรนะ!?” หงส์กล่าวด้วยความสงสัยพร้อมกับรีบหันไปทิศที่ผมกำลังจ่อมีดอยู่ ซึ่งร่างนั้นคือร่างของเด็กผู้ชายผิวขาว ผมยาวสีดำ เขาสูงไม่น่าเกิน 165 เซนติเมตร

“ทำได้ยังไง?” ผมกล่าวออกไปเมื่อเด็กตรงหน้าไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวต่อผมแม้แต่น้อย แต่ที่ผมตกใจคือทำไมเขามาอยู่เบื้องหลังผมได้? เพราะอะไรผมถึงสัมผัสตัวตนของเขาไม่ได้? หรือเลเวลผมยังต่ำเกินไป?

‘เขายังไม่ได้เป็นผู้เล่นหนิ?’ ผมคิดในใจเมื่อลองมองชื่อเขาบนหัว ซึ่งมันทำให้ผมตกใจมาก หรือเขาจะมีพลังอะไรเกี่ยวกับการลบตัวตน? แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ…

เขาต้องการอะไร?

“พาผมไปด้วย”

“ได้โปรด” เขากล่าวออกมาด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ เขาน่าจะเจอกับเหตุการณ์ที่น่าสลดใจมาแน่ๆ

‘หน้าตากับรูปร่างน่าจะอายุราวๆ 16? 17?' ผมคิดในใจเมื่อได้ประเมิณเกี่ยวกับร่างกายของเขา

“ขอเหตุผล” ผมกล่าวถามออกไป ถ้าหากมันเป็นไปตามที่ผมต้องการได้ยิน ผมอาจจะพาเขาไปด้วย

“ในโลกเหี้-ยนี่”

“คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตรอด” เขากล่าวออกมาด้วยความชิงชัง ซึ่งมันทำให้ผมสับสนเป็นอย่างมาก ผมชอบคิดและพูดประโยคแนวนี้ออกมาบ่อย หรือเขาอาจจะเคยได้ยินผมพูด? แล้วเขามาจากไหน? เขาคือใครกันแน่?

แต่ถึงยังไงมันก็ไม่สำคัญ ผมชอบคนแบบนี้ ผมชอบสายตาที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผมชอบที่เขาดูดิบๆ และเขาอาจจะมีพรสวรรค์ มันน่าลอง มันน่าจะให้เขาลองดู

ผมควรให้โอกาสกับเด็กนี่!

“…” ผมไม่กล่าวอะไรอีกก่อนจะหยิบก้อนผลึกสีฟ้าออกมาจากกระเป๋ามิติ ซึ่งการที่ต้นกำเนิดผลึกสีฟ้าได้เข้าไปอยู่ในกระเป๋ามิติของผม มันก็ได้ฟื้นฟูผลึกสีฟ้าและกลายเป็นผลึกรูปทรงหกเหลี่ยมขนาดเท่าเคสคอมพิวเตอร์ มันจึงพอเพียงที่ผมจะใช้ทำเรื่องต่างๆ บางทีอาจจะเกินคำว่าพอเพียงเสียด้วยซ้ำ โดยที่ผมได้ยื่นผลึกสึฟ้าให้กับเด็กผู้ชายตรงหน้า

วึบ วูบ

และทันทีที่ผลึกสัมผัสกับมือของเขา ผลึกก็ได้แตกกระจายและซึมซับเข้าสู่กลางอกของเขาในทันที ซึ่งจากที่ผมมองดูท่าทางของเขา เขาคงกำลังคิดเกี่ยวกับหน้าต่างที่ขึ้นมาตรงหน้าของเขา ในการตั้งชื่อ

“ฉันขอแนะนำให้นายเลือก SENSORY” ผมกล่าวและมันทำให้เขาชำเลืองสายตาขึ้นมามองผมเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสนใจหน้าต่างตรงหน้าของเขา ซึ่งดูเหมือนเขาจะทำตามที่ผมกล่าว

[เปิดใช้ดวงตาแห่งความจริง]

[คุณได้ใช้ดวงตาแห่งความจริงกับ 1 สิ่งมีชีวิต]

[เวลาดวงตาสีฟ้าของคุณเป็น 1 นาที]

“!?” และการที่ดวงตาของผมกลายเป็นสีฟ้า มันทำให้เด็กผู้ชายตรงหน้าตกใจเป็นอย่างมาก

สเตตัสเริ่มต้น

ผู้เล่น : S

ระดับ :ผู้รอดชีวิต

เลเวล : 1

สถานะปัจจุบัน : สับสน , เหลือเชื่อ

ทักษะติดตัว :Sensory

พละกำลัง : 60/100

ความว่องไว : 71/100

พลังป้องกัน : 52/100

ความฉลาด : 65/100

ศักยภาพการเติบโต : 6

ศักยภาพมานา : สีดำ

ทักษะของผู้เล่น : ไร้ตัวตน SS , ไหวพริบ S , เอาชีวิตรอด A  , จิต B , การต่อสู้ C ,

ป้ายกำกับ : ฉันคือเงาและเงาคือฉัน

‘เชี่ยไรวะเนี่ย!?’ ผมตกใจมากเมื่อได้เห็นทักษะที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แถมมันยังอยู่ในระดับเดียวกับทักษะของผมด้วย ทั้งๆที่ผมย้อนเวลากลับมา แต่เขาเพียงแค่เพิ่งกลายเป็นผู้เล่น? หรือมันคือพรสวรรค์ของเขา?

“เอาสิ”

“มากับฉัน” ผมกล่าวออกไปเมื่อเห็นหนทางในการใช้งานเขา ด้วยป้ายกำกับที่ว่า ‘ฉันคือเงาและเงาคือฉัน’

“คอยดูสถานการณ์หลังจากนี้อยู่รอบนอก”

“แล้วค่อยตามเราออกมาหลังจากที่ฉันและน้องสาวออกจากค่าย” ผมกล่าว ซึ่งมันคือภารกิจแรกของเขา ผมอยากรู้ว่าเขาจะสามารถออกมาจากค่ายทหารที่มีทหารคอยป้องกันทั้งข้างในและข้างนอกได้ยังไง

“นายชื่ออะไร?” ผมกล่าวถามถึงแม้ผมจะรู้อยู่แล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นที่ผมทำ เพียงแค่ผมต้องการแนะนำตัวทั้งผมและเขาในระหว่างเดินออกไปจากใต้หอพัก

“เอส…ผมชื่อเอส" เขากล่าวตอบคำถามของผมในทันที

“อายุ?” ผมกล่าวถามเขาต่อซึ่งในตอนนี้เราใกล้จะถึงทางออกจากใต้ตึกหอพักแล้ว

“18” เขากล่าวออกมาก่อนที่จะหายไปจากข้างหลังผม ซึ่งผมสามารถสัมผัสถึงเขาได้ในครั้งนี้ ว่าเขาได้เดินหลบออกไปทางขวาเพื่อแยกกับผมโดยไม่ต้องให้ผมสั่งแม้แต่น้อย

“พี่…เด็กนั่นแปลกดีเนอะ” หงส์กล่าวด้วยความหวาดระแวงเมื่อพี่ชายของเธอและเด็กที่ชื่อเอสหยุดพูดคุยกัน และเธอหันหลังกลับไปก็พบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ซึ่งเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเบื้องหลังของเธอนั้นมีเขาอยู่ และเธอก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเขาหายไปตอนไหน

“ใช่…แปลกมาก" ผมกล่าวจบก็หยุดลงตรงข้างหน้าหอพัก ซึ่งมันมีพวกทหารมากมายอยู่เบื้องหลังคนคนนึง ซึ่งเขาคือนายก และเหล่าทหารตำรวจอาวุโส ดูเหมือนพวกเขาต้องการจะพูดคุยกับผม โดยที่ไม่ได้ใช้กำลังกับผม เพียงแค่ใช้อำนาจเล็กน้อยในการกดดันผม เพราะในตอนนี้ผู้คนต่างมองผมเป็นตาเดียว

“เราขอพูดคุยด้วยสักครู่” นายกเป็นคนกล่าวออกมาด้วยตนเอง เสมือนว่าในตอนนี้พวกเขาจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว ผมไม่ใช่ประชาชน กฏหมายไม่มีอีกต่อไป และพวกทหารของเขาไม่มีความแข็งแกร่งที่ทัดเทียมผม แม้คนที่แข็งแกร่งรวมกันหยุดผมก็ไม่สามารถทำได้ และโดนผมจัดการไปอย่างง่ายดาย

“ไม่จำเป็น…ผมจะออกไป” ผมกล่าวและหันไปมองหัวหน้าตำรวจที่ยศสูงที่สุดที่นี่ในตอนนี้

หมับ ฟึบ

ผมได้เดินเข้าไปหาเขาและใช้มือบีบคอเขายกขึ้นสูง มันทำให้เหล่าทหารพากันยกอาวุธขึ้นมาเล็งที่ผมในทันที ซึ่งผมก็ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย ส่วนนายกเขาได้ถูกทหารบอดี้การ์ดคุ้มกันในทันทีที่ผมขยับ

“ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับควีน”

“แกตาย” ผมกล่าวออกไปตรงๆทำให้มันถึงกับหน้าซีด

“นับจากนี้…ควีนจะเป็นคนที่คอยปกป้องที่นี่” ผมกล่าวก่อนที่จะปล่อยร่างที่ผมบีบคออยู่ลงมา ทำให้เขาหงายหลังไปบนพื้นทันที

“ขอให้ทุกคนโชคดี" ผมกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากไป ซึ่งที่พวกทหารไม่ยิงผม เพราะนายกเป็นคนสั่งห้ามเอาไว้ ห้ามมีเรื่องกับผมจนกว่าผมจะแสดงท่าทางว่าเป็นศัตรูอย่างแท้จริง แต่ก่อนที่ผมจะเดินถึงประตู

ปังๆๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel