ตอนที่ 6 จูน-จูล-ณคุน-ณคุณ
ผู้จัดการสาวที่ลากสังขารกลับบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่ไม่โอดครวญฟ้องเจ้าตัว เธอทั้งปวดเอว ปวดหน้าท้อง แสบตรงนั้นด้วย ไม่ใช่เพราะณคุนทำไม่เป็น แต่พวกเธอทำกันหลายรอบมากเกินไป
คนเครียดจนแทบบ้า เมื่อตื่นนอนมาเห็นหน้าคนที่เธอวันไนต์ด้วย ทำไมเด็กแบบนั้น แถมยังเป็นไอ้เด็กแว้นไร้อนาคตที่มางานแต่งแค่เพื่อกินเหล้าฟรี
“ทำไมกลับเช้า” คำทักของหญิงที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกเหมือนกัน เอ่ยถาม เมื่อลูกสาวกลับบ้านเวลานี้
“……” จูลถอนหายใจแล้วเลี่ยงที่จะตอบ รีบหนีเข้าห้องส่วนตัว
ทิฆัมพร พลอานันท์ หรือ จูน แบบที่แม่ตั้ง และ จูล แบบที่เธอเปลี่ยนเองเมื่อเริ่มคิดได้ว่า มีคนชื่อ ‘จูน’ แบบนี้เยอะมาก ฉันอยากแตกต่าง
หญิงสาววัย 26 กำลังจะ 27 ในเร็ววันนี้ สิ่งที่เธอทำมาตลอดทั้งชีวิตคือ การกอดระบบการศึกษาของชนชั้นกลางไว้ ผู้คนให้สถานศึกษาไหนเป็นอันดับหนึ่ง เธอก็ตั้งใจไปเรียนให้ได้ด้วยการสอบชิงทุน และความพยายามขวนขวายพาให้จบปริญญาโทสาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ จากประเทศที่เต็มไปด้วยศิลปินงานอาร์ตต่าง ๆ
จูลรู้ตัวเองเสมอว่าเธอคือคนชนชั้นไหน แต่เหตุผลที่อยากได้ดี เป็นเพราะเรื่องเดียวเลย
เธอ ไม่อยากเหมือนแม่
เพราะแม่ไม่เก่งการบ้านการเรือนอย่างนั้นหรือ?
เปล่าเลย...สิ่งนั้นไม่ทำให้เธอเดือดร้อนหรอก
แต่ผู้หญิงที่เพิ่งกลับมาในยามเช้า เปลี่ยนคู่นอนบ่อยพอ ๆ กับมือถือเรือธงที่ออกรุ่นใหม่ประจำ มีลูกตั้งแต่อายุ 15-16 และไม่สามารถเลี้ยงดูให้รอดได้ด้วยตนเอง เธอบอกลูกสาวเสมอกับการมีผู้ชายมาดูแลแบบไม่ซ้ำหน้าว่า เป็นการทำงานหาเงินเลี้ยงดูลูกอยู่ไงล่ะ
จูลเกิดคำถามว่า เธอเป็นปัญหาและภาระให้แม่ได้อย่างไร ในเมื่อคนที่ทำให้เกิด คือผู้ใหญ่ เหตุใดเธอจึงถูกพูดกรอกหูแบบนี้ตลอด ดังนั้นเป้าหมายในชีวิต คือ ต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ เพราะเธออยากเลิกพึ่งพาทั้งแม่และผู้ชายมากมายของแม่
แต่วันนี้…เธอกลับเข้าบ้านมาในเวลาเดียวกัน และคาดว่าสิ่งที่เพิ่งทำไปเมื่อคืน ก็คงไม่ต่างกันด้วย
คนตัวเล็กเข้าห้องไปด้วยความรู้สึกให้คะแนนตัวเองลดลง…ไปจนถึงจุดที่เริ่มด่าทอความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ อุตส่าห์มีการศึกษาดี ทำงานในบริษัทอันดับต้น ๆ ของประเทศ และมีเงินเดือนมากเท่ากับรายได้ที่แม่หาได้หลายเดือน แทนที่จะคิดและทำได้แตกต่าง แต่กลับเหมือนแม่เป๊ะ!
เธอควรทำอย่างไรดี…
.
.
ภายในห้องน้ำเล็ก ๆ หลังพยายามขัดสีฉวีวรรณเพราะอุปาทานไปนิดหน่อย ถ้าตัวสะอาด ใจก็สะอาด ถึงจะวันไนต์มา แต่ถ้าเราไม่ทำอีกก็คงไม่เป็นไร...
แม้จะเป็นนักเรียนนอก แต่สิ่งที่ตั้งใจว่าจะไม่ทำ คือ การมีคู่นอนที่ไม่จริงจัง เธออยากแต่งงานให้ถูกต้อง ไม่ก็โสดไปเลย อะไรก็ได้ ที่เป็นการเลือกอย่างฉลาด ไม่ใช่การใช้ชีวิตที่ต้องพึ่งพาผู้ชายเพราะตัวเองเหงา อ่อนแอ หรือเพราะดูแลตัวเองไม่ได้
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้...มันเป็นการตัดสินใจตามอารมณ์สุด ๆ รู้เลยว่าลึก ๆ ในใจเธอไม่ได้แค่อยากประชดหรืออยากทำอะไรให้รู้สึกว่าตัวเองชนะเท่านั้น แต่เพราะผู้ชายคนนั้นก็ดูปรารถนาในตัวเธอมากพอกัน เรื่องมันเลยเถิด แต่เอาเถอะ ผ่านไปแล้ว ให้มันผ่านไป อย่าทำซ้ำอีกก็พอ
“อ้าว อะไรเนี่ย”
ที่ท้องแขน รอยหมึกปากกาสีน้ำเงินเส้นหนาหน่อย เขียนเลขไว้ยาว 10 ตัว เธอไม่ได้สังเกตมาก่อนเลย เพราะทันทีที่ตื่น สิ่งเดียวที่คิดได้ คือการพยายามหนีออกจากโรงแรมให้เร็วที่สุด หวังว่าความเมาของคืนวานจะช่วยปัดเป่าความทรงจำ ความรู้จักอันใกล้ชิดนี้ให้ออกไป
มาเขียนไว้ตั้งแต่เมื่อไร
จะบ้าเหรอ คิดว่าใครจะอยากใช้บริการซ้ำ!!!
นิ้วเล็กพยายามถูจนผิวอ่อนแดงไปหมด
“โอ๊ะ!”
ที่หัวไหล่ของเธอมีข้อความเขียนไว้อีก เป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษ แต่ภาษาที่เขียน...
ภาษาอิตาเลียนนี่นา!
ความตกใจที่เด็กคนนั้นรู้มากกว่าแค่ภาษาอังกฤษ ทำเธอฉงนนิดหน่อย
แต่คำว่า ฉันรักเธอ เอาจริง ๆ คนทั้งโลกมีเยอะแยะไปที่รู้ภาษาอื่น เธอยังรู้ภาษาจีน เกาหลี สเปน รัสเซีย...ก็มันเกร่อนี่
พอขัดตัวมาถึงปลีน่อง
‘เผื่อเบอร์ที่ต้นแขนไม่ชัด โทรมานะครับ’ ตามด้วยหมายเลข 10 หลัก ตัวหนังสือลายมือผู้ชายจริง ๆ เลยล่ะ โย้ไปมา ไม่สวย เหมือนคนไม่ถนัดจับปากกา
“ซนมาก ไอ้เด็กนี่”
เจ้าของร่างกายถอนหายใจ หลังจากนั้นก็ใช้เวลาจริงจังในการสำรวจตัวเอง เกรงจะเจอรอยปากกาที่ไหนอีก
----
@ บ้านธิคุณ-เจ้าขา
หมู่บ้านคนอภิมหารวยที่มีบ้านเดี่ยวสร้างบนพื้นที่ดินกว้างใหญ่ รั้วสูงกว่า 3 เมตร และอาณาบริเวณแต่ละหลังห่างกันจนไม่สามารถรู้ได้ว่า อีกบ้านนั้นมีคนอยู่หรือไม่
ที่ดินตระกูลอาทิตย์พาณิช แปรเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์เป็นเงิน เมื่อทำโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้มาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ ที่ส่วนกลางมีทั้งทะเลสาบและมีการบริการสนามกอล์ฟสำหรับสมาชิกภาพที่ยอมจ่าย
หน้าประตูรั้วใหญ่ ธิคุณและเจ้าขา สองสามีภรรยา อาศัยในบ้านนี้ และมีลูกชายคนเล็กอีกคนที่ยังไม่ผ่านมาตรฐานส่งออกให้ไปใช้ชีวิตอิสระ
บอดีการ์ดที่ยืนเฝ้า กำลังตั้งใจมองทั้งรถและทะเบียนของแท็กซี่ที่มาจอดหน้าบ้าน ในกระจกใสแจ๋วแลเห็นนายน้อยคนเล็กกำลังคุยกับคนขับ
รถเก๋งเขียวเหลืองที่ผู้โดยสารตั้งท่าจะลง กำลังจ่ายเงินให้คนขับด้วยอารมณ์ขบขันอยู่
“แบงก์พันเลยเหรอ โอนก็ได้นะ” คนขับบอก
“ไม่มีมือถือด้วยอะ”
“โถ่ คุณ” ลุงไม่รู้จะว่าอย่างไรดี อยู่หมู่บ้านรวยแต่ไม่มีมือถือโอนเงิน
“รองเท้าผมก็ไม่มี ลุงจอดเกย ๆ ขึ้นไปบนบ้านหน่อยสิ” ณคุนบอก
“ไม่ได้หรอก เขาจะเอาอะไรขูดรถผมมั้ยนั่น ทำไมทำหน้าดุอย่างนั้น พ่อเราเหรอเปล่า” ลุงไม่ได้ถามจะเอาคำตอบ แต่คนอยากตอบ
“นั่นพ่อคนที่ 14”
“โอ๊ย! ตาย แม่เอ็ง...”
“แม่ก็มีแปดสิบคน”ณคุณหัวเราะ เพราะเหมือนเป็นเรื่องตลก เมื่อมีแม่บ้านเดินผ่านออกมาพอดี
“เอาไปเถอะลุง” เขายัดแบงก์พันใส่มือ
“ไม่มีทอนจริง ๆ มันยังเช้าอยู่เลยนะหนุ่ม”
“เอาไปเลยครับ ผมยกให้ทั้งใบเลย” ณคุนส่งยิ้ม
ดีนะพี่จูลให้ไว้ บางทีพี่เขาอาจจะคิดเผื่อไว้แล้วก็เป็นไปได้...เดี๋ยวเขาคงจะโทรมา
อ้าว...เฮ้ย...มือถือกูหายนี่หว่า...
วัยรุ่นนั่งแท็กซี่กลับมาบ้านเอง
“สวัสดีครับนายน้อย” บอดีการ์ดหน้าบ้านทักทาย เมื่อเจ้านายก้าวลงมา
“หวัดดีลุง เปิดบ้านให้หน่อย เอาแบบแง้ม ๆ” เขาพูด
แง้ม ๆ สำหรับแม่บ้าน สำหรับบอดีการ์ด จะแตกต่างกันไป
แต่แง้ม ๆ สำหรับนายน้อย
ครืด....!!!
ประตูรั้วเหล็ก โครงสร้างแข็งแรง กันได้แม้กระทั่งกระสุนหรือการพุ่งเข้าชนของรถใหญ่ ๆ เสียงประตูหนัก ๆ เลื่อนออกไปทางซ้าย เมื่อหันหน้าเข้าหาตัวบ้าน
“พอแล้ว ๆ” ณคุณรีบบอก เพราะถ้าเปิดสุด จะทำให้แม่มองเห็นจากห้องนอนได้ เด็กที่เติบโตมากับบ้านนี้รู้หมดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเล็ดลอดสายตาผู้ใหญ่
ครืดดด.....
“ยัง ๆ ๆ” ณคุนหันขวับไปมองบอดีการ์ดที่ยืนแสยะยิ้มแกล้งลูกเจ้าของบ้านเล่น
“คุณเจ้าขาไม่อยู่บนห้องแล้วครับ” เขารีบบอก เพราะสายตาอีกฝ่ายเริ่มเอาเรื่อง
“ไปทำงานแล้วใช่มั้ย” ณคุนพูดแล้วรีบเข้าไป แทนที่จะเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ เขากลับแอบย่องไปที่เรือนหลังเล็กที่เป็นส่วนต่อเติมด้านหลังบ้าน ใกล้กับทางไปสระว่ายน้ำ
ต้นไม้ที่ตั้งไว้ประดับตลอดทางเดิน กั้นพรางตาไม่ให้เห็นว่ามีคนใช้สระอยู่ แต่เสียงกระเพื่อมและเสียงน้ำไหลลงท่อ กับเสียงจ๋อมของมือที่วาดขึ้นลงในน้ำทำให้รู้ว่ามีใครบางคนกำลังออกกำลังกายอยู่ในสระน้ำแน่นอน
‘หือ...แม่อยู่บ้านนี่หว่า’
ณคุนเดินอ้อมเข้าประตูครัว
“มาแล้วเหรอ ไปไหนมาคะ” ยายศรีทักทายทันทีที่เห็นนายน้อยคนเล็กของบ้านกลับมา
“ฮ่า ๆ ณคุณ เสื้อทำไมเป็นแบบนี้” ยายศรีหัวเราะ เพราะเสื้อเชิ้ตที่สั่งตัดสำหรับงานแต่งพี่ชาย ผ้าเนื้อดี ฝีเย็บเนี้ยบ ตอนนี้กลายเป็นเหมือนผ้าแข็ง ๆ มีริ้วรอยคล้ายน้ำลู่ลง ยับมากในหลายจุด แถมมีรอยจิกลึกคล้ายโดนส้นสูงเหยียบ และคุณชายไม่มีรองเท้าใส่ด้วย
ณคุนนึกออกว่าทำไมเสื้อผ้าเป็นแบบนี้ เพราะเปียกน้ำสระไม่พอ เมื่อวานก็ถอดกองไว้ที่พื้นจนยับยู่ยี่ไปหมด
“หิวข้าวมาก” ชายหนุ่มเลือกไม่ตอบ แต่เปลี่ยนไปอ้อนและอ้างถึงกระเพาะตัวเองแทน เขาทิ้งตัวลงกับเก้าอี้พลาสติกตัวเล็ก ๆ ใกล้โต๊ะกลมที่ไว้ตั้งของสำหรับเตรียมอาหาร
“เจอคุณแม่มั้ย” ยายศรีถาม
“ไม่ ยังไม่เจอใครเลย พอมาถึงแล้วก็รีบมารายงานตัวกับยายก่อนเลย”
“คิคิ ๆ น่ารักจริง ๆ ณคุณ รู้มั้ย คุณแม่เปลี่ยนชื่อให้แล้วนะ”
“เหรอ ทำไมอะ”
“ไปทำอะไรไว้หรือเปล่า” ยายศรีหัวเราะ
“ผมเหรอ ไม่ได้ทำเลย ไปช่วยเทียร์ที่งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ แล้วก็...ส่งแขก...แล้วก็...กลับ...ไปนอนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง...ตื่นมาก็...” ณคุนพยายามไล่ไทม์ไลน์ให้แม่ครัวฟัง แล้วก็เหมือนบอกตัวเองด้วย เพื่อจะได้จดจำรายละเอียดแบบนี้ไปพูดกับพ่อแม่
“ณคุณ!!!!”
สาวสวยผมสีดำสนิท ม้วนหนาเป็นก้อนใหญ่อยู่บนหัวที่มีน้ำหยดติ๋ง ๆ สวมชุดว่ายน้ำ ที่มีชุดคลุมปิดไว้เรียบร้อย
“ท่านกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร CEO ประธานบริษัท และ....” ณคุนรีบลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้สวยงามราวกับเป็นเด็กอนุบาล
“ตลกเหรอ เราทำอะไร ทำไมแชนเดอเลียร์เขาถึงพัง เจ้าของโรงแรมเขาซื้อมาจากไหนรู้มั้ย แล้วนั่นก็อายุมากกว่าเราแล้วมั้ง” เจ้าขาพูดพลางตีไหล่ลูกชาย กล้ามแน่น ๆ ส่งเสียงดังเปรี๊ยะ ๆ แข่งกับเสียงร้องโอดครวญแบบเสแสร้ง
“โอ๊ย ๆ ๆ คุณแม่ขอรับ ผมเจ็บ”
“เจ็บเหรอ ไปโรงบาลได้เลย จ่ายประกันสุขภาพเธอยังถูกกว่าค่าหลอดไฟระย้านั่นอีก”
“โทรไปก็ไม่รับ” แม่ขึ้นประเด็นใหม่
“มือถือผมหายไปแล้ว”
“หายเหรอ!?”
เจ้าขาตกใจ เพราะถ้าเจ้าลูกบ้าไม่ตั้งรหัสดี ๆ ในมือถือของคนตระกูลอาทิตย์พาณิชจะมีอะไรบ้าง...ถ้าหลุดไปจะทำอย่างไร
แม่ยกมือขึ้นตีรัวอีกที
“โอ๊ย ๆ ฮ่า ๆ ยายครับ ช่วยผมด้วย อดข้าวแล้ว ต้องมาโดนทำร้ายร่างกายอีก” ณคุนจับมือแม่ให้ไปเกาะประตูครัวแทน ส่วนเขารีบหนีไปด้านในห้องนี้ที่กว้างยิ่งกว่า 15 เมตรด้วย ธิคุณ เจ้าของบ้านเป็นผู้ชื่นชอบการทำอาหาร และอยากให้แม่ครัวมีความสุขที่ได้ใช้ตรงนี้เป็นอาณาจักรสร้างคอนเทนต์ของเธอร่วมกับภรรยาของเขา
“ผมว่าเขาควรเปลี่ยนได้แล้วครับ ถ้าเกิดมันหล่นมาทับพนักงานอายุ 30 ปีที่มีลูกเมียที่ต้องดูแลจะทำยังไง ทำไมเขาไม่รู้จักรีโนเวตให้มันทันสมัย ไม่เหมือน Rapido Hotel ของเราเนอะ คุณเจ้าขา” ณคุนพูดไปเรื่อย ระหว่างที่รับจานกับข้าวที่ยายศรีทยอยตักมาวางให้บนโต๊ะ ทำเป็นขยันยกจาน ชาม ช้อน ลุกหยิบนั่น จับนี่เป็นการใหญ่
“ไม่ขึ้นไปกินบนบ้านล่ะ” แม่ถาม
“ไม่อะ กินตรงนี้ดี ยายไม่ต้องตามไปถึงบนนั้น” เขาพูด แล้วนั่งกินข้าวกับเก้าอี้พลาสติกสีแดงแจ๊ด บนโต๊ะกลมเล็ก ๆ นี่
แม่ถอนหายใจ ว่าจะเดินขึ้นบ้าน แต่ก็นึกขึ้นมาได้
“เออ ณคุณ”
“ครับ”
“เปลี่ยนชื่อลูกแล้วนะ ตอนแรกแม่ว่าอยากให้เราไม่เหมือนใคร แต่ตอนนี้ ชักอยากให้เหมือนลูกชาวบ้านชาวช่องแล้ว”
“เปลี่ยนยังไง” เขาไม่ค่อยสนใจอะไรแบบนี้เท่าไร
“จาก ณคุน น.หนู เป็น ณคุณ ณ.เณร หมดเลย ทั้งหน้าทั้งหลัง”
“หื้อ...แค่ฟัง ผมก็รู้สึกใกล้วัดมากขึ้นเลย มีพระ มีเณรล้อมรอบ แม่ผมนี่ช่างสร้างสรรค์จริง ๆ อมิตาพุทธ” ณคุณ ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อตามแม่ว่าทันที ตราบใดที่ชื่อยังเขียนง่ายอยู่ เขาโอเคทั้งนั้น
“เดี๋ยวขับรถเอากับข้าวไปให้พี่หน่อยนะ” แม่พูดต่อ
“ทำไมอะ เขาเพิ่งแต่งงานกัน ผมจะไปเพื่อ!?”
“ชาลิสาเขาไม่ค่อยสบาย”
“ก็ไปหาหมอสิครับ”
“เออ น่า เอาไปหน่อย” แม่เอ็ดเบา ๆ
“ถ้าไป ได้เท่าไร ณคุณ ณ.เณร อยากรู้” เขาพูดพลางตักข้าวกินไปด้วย
“ก็สัก...เอ่อ...สี่แสนเจ็ดหมื่นนะ ถ้าจำไม่ผิด” เจ้าขาส่งยิ้มให้ลูกชาย
“ว้าว...ระยะทางแค่นี้ ยายศรีจัดเลยครับ ผมจะนำไปเสิร์ฟให้ถึงพระราชวังของพี่ธิทัตให้เอง”
“ดีมาก” เจ้าขาพูด แล้วเดินขึ้นบ้านไป