2
อันหว่านถิงคนใหม่ ใช้แรงสุดกำลังเท่าที่มี พาตนเองขึ้นไปบนท่าน้ำ สองมือยึดกับขอบปูน รวบรวมพลังอยู่หลายหนกระทั่งสำเร็จ ขณะเดียวกันเมื่อมองไปด้านหลัง หล่อนเห็นว่ามีคนกำลังขึ้นฝั่งตามมา แน่นอนไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ชื่อถังปินผู้ช่วยแก้เชือกมัดหล่อน
โอ้ เห็นเช่นนี้อันหว่านถิงย่อมให้พวกเขาจับตัวหล่อนไปอีกรอบไม่ได้เด็ดขาด หญิงสาวหายใจแรง เหนื่อยหอบ รู้สึกได้ว่าหัวใจดวงน้อยอาจหลุดออกมานอกอก
หล่อนรีบประเมินสถานการณ์ คงต้องหาทางหลบคนร้ายให้พ้นด้วยสัญชาติญาณบอกว่าหนนี้ หล่อนคงไม่โชคดีเหมือนเดิม
อันหว่านถิงรู้สึกเจ็บที่แขน มันปวดจี๊ดๆ ตลอดเวลา เลือดก็ไหลจนชุ่มแขนเสื้อ
หล่อนเป็นคนเข้มแข็ง ถึงอย่างนั้นก็หน้ามืดจนได้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่เดินกึ่งวิ่งเหยาะๆ ออกมาจากตรอกเล็กๆ ช่วงเวลาที่เซเสียหลักเกือบล้มฟุบกองลงบนพื้นถนน หูได้ยินเสียงบีบแตรรถ รถยนต์คันสีดำพุ่งมาด้วยความเร็ว โดยมีเป้าหมายก็คืออันหว่านถิง
หญิงสาวไม่ทันได้มองสิ่งใด รู้อีกทีหล่อนได้รับไออุ่นจัดจากผู้ชายคนหนึ่ง เขาเข้ามาประคองร่างหล่อนขึ้นจากพื้นถนน
“คุณ... ได้ยิมผมหรือเปล่า... อ้าว คุณ...”
เสียงทุ้มจัดติดความห่วงใยถึงหล่อน น่าแปลกใจเหลือเกินที่อันหว่านถิงสัมผัสได้ถึงเยื้อใยและแรงสิเน่หาจากเขา ราวกับนานมาแล้วที่เจ้าของร่างกับอันหว่านถิงได้ผูกด้ายแดงร้อยใจเอาไว้กับบุรุษที่สวมชุดทหารยศสูงผู้นี้
ถึงคุ้นเคย ทว่ากับมีม่านหมอกจางๆ ปิดกั้นสิ่งที่เกี่ยวกับเขา ไม่นะ... ตัวละครนี้ ความทรงจำในอดีตถูกควักหายไปจริงๆ หรือ
“คุณ...”
เฉินซือหยางถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยเสียงเข้มกว่าเดิม ถึงแม้โล่งใจที่สุดท้ายก็พบหล่อน แต่มีแผลบาดเจ็บ เสื้อผ้าเปียก ทว่าไม่มีส่วนใดบุบสลาย เขาจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตนออก และใช้มันห่อร่างทรงเสน่ห์เอาไว้
ขณะนั้นเองที่ดวงตากลมโตมองมายังเฉินซือหยาง
ผิดปกติ
อันหว่านถิง ไม่เคยใช้สายตาเช่นนี้มองเขา ไม่ใช่ความเกรี้ยวกราดหรือหว่านเสน่ห์ หากหล่อนจ้องเขาด้วยความตื่นตระหนก ผสมกับความสับสน
ถึงดวงตาที่มีแพขนตางอนหนาดกดำเป็นของสตรีที่เขารู้จักก็จริง เพียงแต่ แววตานั้นหาใช่ของอันหว่านถิง!
“คุณคะ กอดฉันไว้ทำไม”
ใช่ น้ำเสียงหล่อนแปลกกว่าเดิม หากเป็นอันหว่านถิงภรรยาของเขา เมื่อพบหน้ากันยามที่แง่งอน สิ่งแรกที่จะทำคือกัด ไม่ว่าเป็นมือ แขน หรือที่ร้ายแรงคงเป็นติ่งหู จากนั้นต้องร้องไห้เพื่อแสดงความอ่อนแอ เรื่องเหล่านี้เขาชาชิน ถึงอย่างนั้นก็รับรู้ได้ว่า เพราะการที่หล่อนต้องแต่งงานกับเขา และมาอยู่ในเมืองฝูเจียง ห่างไกลบ้านเกิดและเพื่อนฝูง ต้องพักที่บ้านพักในพื้นที่ทหาร ไม่มีสังคมของคนชั้นสูงให้จับกลุ่มพูดคุยด้วย คงเป็นเรื่องน่าเบื่อของหญิงสาวที่แต่เดิมใช้เวลาส่วนใหญ่ๆ ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ในเมืองหลวง ดังนั้นหล่อนจึงหาทางระบายออกแบบพิลึกสักหน่อย และผู้ชายที่หล่อนชิงชัง ทั้งอยากทำให้ความเครียดที่สุ่มอกลดลง จึงมีแต่เฉินซือหยางคนนี้!
อันหว่านถิงมองผู้ชายหน้าตาดีจัดอย่างสงสัย พอเขากอดไว้ไม่ปล่อยก็รู้สึกถึงความคุกคาม หล่อนถลึงตาใส่ เตรียมหวีดร้องให้ลั่น โอ้ นิสัยเดิมของเจ้าของร่างรุนแรงแบบนี้ ทว่าสำหรับหล่อน อยากใช้วิธีสันติ ต้องการพูดคุยดีๆ กับเขา หากอีกฝ่ายกลับเอ่ยด้วยเสียงติดจะยั่วโมโห
“ที่ผมกอดไว้ เพราะกลัวคุณจะข่วนหน้า กัดผม หรือร้องกรี๊ดๆ จนแสบแก้วหูยังไงละ อาถิง”
เอ... เสียงทุ้มๆ ดวงตาคมกริบ ทั้งไออุ่นที่เผื่อแผ่มาถึงหล่อน มันไม่ธรรมดาสักนิด
คราวนี้เรียกหล่อนว่า ‘อาถิง’ ด้วย ฟังแล้วให้ความรู้สึกคุ้นเคย ราวกับเป็นคนที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานาน
“อยากทำแบบนั้นมากค่ะ เพราะปกติ คงไม่มีใครกอดกันกลางถนนแบบนี้ ดูสิ... คนเริ่มมองแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงเสียหายได้”
“เหลวไหลน่า คุณชอบให้กอดสัมผัสเนื้อตัวนี่นา ยิ่งแสดงความเป็นเจ้าของให้คนเห็นมากๆ ยิ่งชอบไม่ใช่เหรอ จำได้ คุณอยากให้คนทั้งเมืองเจียงฝู เป็นตากุ้งยิง เมื่อเห็นเราสาดความเร่าร้อนใส่กัน”
ฉับพลันที่ได้ยินคำนั้น ร่างของหล่อนก็แข็งขืน