ตอนที่ 5 ข้าดีใจที่ได้กลับบ้าน
หลินเฟยเย่รีบวิ่งสุดกำลังเพื่อไปให้ถึงห้องของหลินเฟยลี่ เมื่อนางเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจเมื่อคนที่อยู่ในห้องนั้น…
“เย่เอ๋อร์ เหตุใดจึงวิ่งมาจนหอบเช่นนั้น เจ้าเป็นอะไร”
“พี่…พี่ใหญ่ นี่ท่าน….เฮ้อ…เฮ้ออ….อาจิง รินน้ำ ให้ข้าที”
“คุณหนู ท่านรีบวิ่งออกมาเช่นนี้ข้าตกใจหมด แฮก แฮก รอสักครู่นะเจ้าคะ”
ทั้งนายและบ่าวพากันนั่งหอบเพราะความเหนื่อย เฟยเย่นั้นรีบหันไปมองพี่สาวฝาแฝด มองทีไรก็ดูเหมือนได้ส่องกระจกทุกครั้ง ยิ่งในตอนนี้ที่นางกลับมาอยู่ที่จวน นางทั้งสองคนก็ยิ่งเหมือนกันจนแม้แต่สาวใช้ของพวกนางก็แทบจะมองไม่ออก
“เจ้าใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ดื่มเดี๋ยวสำลัก”
“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านไล่สาวใช้ออกไปจนหมด ท่านให้อาจิงไปซื้อของแล้วทำไม…”
“ข้าก็แค่อยากนอนพักเท่านั้น เจ้าเป็นอะไรไป”
“ข้า…”
นางคิดถึงฝันเมื่อครู่ เหตุใดนางจึงฝันเช่นนั้นกันนะ หรือว่านางกังวลมากเกินไปทั้ง ๆ ที่พวกนางก็มิใช่พี่น้องแท้ ๆ เสียหน่อยแต่ก็ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้ คำพูดในฝันนั้นเหมือนจริงราวกับไม่ใช่ฝัน แต่คนที่ยิ้มให้นางตรงหน้านี่ก็ไม่ใช่ผีเสียหน่อย
“เฮ้อ…ข้าคงวิตกเกินไปเจ้าค่ะ ข้า…”
“เจ้าคงคิดมากเกินไป ข้าแค่อยากพักผ่อน เจ้าจะให้สาวใช้มายืนเฝ้าข้านอนหลับงั้นหรือ”
“ก็จริง คงบ้าไปหน่อย”
“นั่นสิ”
“อ้อ ใช่แล้ว ก่อนข้าออกไปเดินสวนกับคนตำหนักยายแก่นั่น นางส่งอะไรมาให้ท่าน”
“เอาอีกแล้ว เจ้านี่สอนไม่จำเลยมีเพียงหน้าตาสินะที่เราเหมือนกันไม่มีผิด”
“ตกลงนางส่งอะไรมาเจ้าคะ”
“ไม่มีอะไร ก็แค่สอบถามอาการป่วยเพราะตอนนี้ตำหนักอ๋องไม่มีคนดูแล และพวกนางก็ย้ายออกไปอยู่อีกจวนหนึ่ง ก็เลยสอบถามว่าข้าหายดีหรือยังเท่านั้น”
“พวกคนเห็นแก่ตัว คงกลัวตายละสิ แค่ยาพิษหนอนบุ้ง(พิษที่ทำให้มีผื่นตุ่มคล้ายกับไข้ฝีดาษแต่รุนแรงน้อยกว่า)ยังกลัวขนาดนี้ พวกขี้ขลาดใจเสาะ”
“เย่เอ๋อร์ พอเถอะน่าไม่มีอะไรหรอก ดูสิหิมะในฤดูสารทงั้นหรือเหตุใดจึงตกลงมากันนะ ราวกับ….”
“อะไรหรือพี่ใหญ่ ราวกับ..อะไร”
“เปล่าหรอก ไหน ๆ ก็มีหิมะตกแล้ว เราไม่ลองอธิษฐานหน่อยหรือ หิมะในฤดูนี้ไม่ง่ายเลยนะที่จะตกลงมา”
“อธิษฐานงั้นหรือ ท่านนี่เด็กเชียวนะพี่ใหญ่”
“มาเถอะเย่เอ๋อร์ มาอธิษฐานกัน”
เฟยเย่ทำตามที่นางบอก ท่าทางของเฟยลี่ดูตั้งใจอธิษฐานมากจนทำให้นางผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ก็ทำตามไปด้วย
“พี่ใหญ่ ท่านอธิษฐานอะไรหรือ”
“ข้าขอให้เจ้าและท่านพ่อมีสุขภาพแข็งแรงอายุยืนและมีความสุขตลอดไป”
“แล้วท่านไม่ได้ขอให้ตัวเองมีความสุขงั้นหรือ”
“ข้า…”
เฟยเย่สังเกตใบหน้าที่ผิดปกติของเฟยลี่แต่คิดว่าตาฝาดไปเพราะนางยิ้มออกมาอย่างรวดเร็วและหันมามองหน้าเฟยเย่
“ความสุขของข้าก็คือทั้งหมดที่พูดนั่นแหละ ไม่ต่างกันอย่างไรเล่า”
“อ้อ เช่นนี้เอง หิมะตกเช่นนี้นึกถึงหม้อไฟเลยนะเจ้าคะ”
“เจ้าหาเรื่องกินอีกแล้วสินะ เอาสิ อาจิงเย็นนี้เราก็ทำหม้อไฟกันเถอะ นาน ๆ จะได้กินข้าวกันพร้อมหน้า ชวนท่านพ่อด้วย”
“เยี่ยมไปเลย”
หลินเฟยเย่นั้นโตมาแบบเด็กกำพร้าในชาติก่อนเพราะพ่อแม่นางจากไปเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ตกเขา ปู่เป็นผู้เลี้ยงดูนางมาจนคุณปูมาจากไปตอนอายุนางเพียงยี่สิบสี่ปี
จากนั้นเมื่อสอบเป็นแพทย์ได้จึงขอไปร่วมฝึกกับหน่วยทหารชั้นนำของประเทศจนติดหนึ่งใส่สี่ของแพทย์อัจฉริยะของกองทัพ
“ท่านพ่อ ชนแก้วกันหน่อย”
“มา ๆ ดื่ม ๆ เอ้าลี่เอ๋อร์ เจ้าพึ่งหายป่วยกินเยอะ ๆ”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
“มา ๆ กินเยอะ ๆ นะพี่ใหญ่”
“เลอะหมดแล้วมานี่ข้าเช็ดให้”
“พี่ใหญ่ละก็ ข้าโตจนป่านนี้แล้ว”
“ท่านพ่อ จอกนี้ลูกดื่มให้ท่าน ขอบคุณที่ดูแลลูกและเย่เอ๋อร์อย่างดีเจ้าค่ะ”
“มา ๆๆ ดื่ม ๆ เจ้าทั้งสองเป็นดุจแก้วตาดวงใจของพ่อ พ่อต้องรักและดูแลเจ้าอยู่แล้ว เจ้าดูสิ เจ้าเป็นถึงพระชายาแล้วนะ ยังขี้แยเหมือนเดิม”
“นั่นสิพี่ใหญ่ แค่ยกสุราขอบคุณทำไมต้องร้องไห้ด้วย"
“ฮ่า ๆ ข้าดีใจที่ได้กลับบ้านน่ะ”
“มีข้าอยู่ ต่อไปท่านอย่าได้กังวล”
“อืม มาลี่เถอะเย่เอ๋อร์ ข้าขอดื่มให้เจ้า จากนี้ฝากเจ้าดูแลท่านพ่อด้วย”
“พ่อข้าคนเดียวเสียที่ไหน พ่อท่านด้วย มา ๆ ดื่ม ๆ”
สามพ่อลูกทั้งกินและดื่มท่ามกลางหิมะกลางฤดูสารท เสียงหัวเราะที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้นจนถึงเรือนด้านหน้าดูครึกครื้นยิ่งนัก
อาหารบนโต๊ะเริ่มพร่องลงไปบิดาของพวกนางก็ขอตัวไปนอนแล้ว เฟยเย่เองก็เริ่มเมานิดหน่อยเพราะดื่มสุราหมักเข้าไปมากพอสมควร ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับห้องของตนเอง
“อะไรกัน ไม่เมาเสียหน่อย”
“คุณหนู ท่านเดินเลื้อยดั่งแม่งูเลยเจ้าค่ะ ค่อย ๆ เดินสิเจ้าคะ”
“นี่อาจิง ข้าอยากแช่น้ำอุ่นหน่อย”
“คุณหนูเจ้าคะ อากาศหนาวถึงเพียงนี้ท่านยังอยากแช่น้ำอีกหรือเจ้าคะ”
“ข้าร้อนนี่นา เจ้าไปเตรียมน้ำให้ข้าทีสิ ข้าจะอาบน้ำหน่อย ไป ๆๆ”
“เจ้าค่ะ ๆ”
“เดี๋ยวก่อน พี่ใหญ่ละเจ้าได้ไปดูนางหรือยัง ไปดูนางก่อนไป ๆ ข้ารอได้ไม่ต้องรีบ”
“คุณหนู ข้าให้สาวใช้ไปส่งคุณหนูใหญ่แล้วเจ้าค่ะ มาเถอะเจ้าค่ะตอนนี้ในจวนนี้ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือท่านนี่แหละเจ้าค่ะ ค่อย ๆ เดินสิเจ้าคะนั่นไม่ใช่ทางไปที่ห้อง เดินมาทางนี้เจ้าค่ะ”
กว่าอาจิงจะพาเฟยเย่เดินกลับมาถึงห้องได้ก็เหนื่อยจนหอบ นางรีบรินน้ำชาส่งให้คุณหนูก่อนจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้หลินเฟยเย่อาบตามคำสั่ง ไม่นานนางก็มาเรียก
“คุณหนูเจ้าคะ น้ำอุ่นเตรียมเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
“อ้อ ขอบใจมาก เจ้ากลับไปนอนเถอะข้าสร่างแล้วละ ได้งีบไปหน่อยไม่ต้องห่วง ข้าไม่จมน้ำหรอก”
“เช่นนั้นข้าไปนะเจ้าคะ”
“ไปเถอะๆ”
หลินเฟยเย่แช่น้ำอุ่นจนเริ่มสร่างเมา เมื่อนางขึ้นจากน้ำและสวมชุดนอนและนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก ก็พลันนึกไปถึงเรื่องฝันเมื่อช่วงบ่าย หากไม่ใช่ลางบอกเหตุ หรือเป็นเพราะนางกังวลเกินไปแต่ว่า
“จากนี้ก็ฝากเจ้าดูแลท่านพ่อด้วยนะ”
หวีไม้กฤษณาในมือนางตกลงในทันที เฟยเย่รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา นางไม่เข้าใจว่าความกลัวนี้คือสิ่งใด รู้เพียงว่านางต้องรีบไป ก่อนที่จะสายเกินไป
“ไม่นะ ข้าไม่ได้คิดกังวลเกินไปใช่หรือไม่ อาจิงคงเข้านอนแล้ว บ้าจริง หิมะบ้านี่ทำไมตกทั้งวันทั้งคืนแบบนี้กันนะ สวมเสื้อคลุมหน่อยดีกว่า”
หลินเฟยเย่เดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมและคว้าโคมเดินออกไปด้านนอกและตรงไปยังห้องของหลินเฟยลี่ แม้ว่าจะอยู่ในจวนเดียวกันแต่วันนี้เหตุใดนางรู้สึกว่าเรือนพักของหลินเฟยลี่ถึงได้อยู่ไกลนัก
“หรือเพราะข้าเมากันนะ เหตุใดเดินไม่ถึงเสียที”
หิมะยังคงตกมาไม่หยุดพัก พื้นดินภายในจวนนั้นเป็นสีขาวโพลนไปทั่ว แม้ว่าจะไม่มากราวกับฤดูหนาวแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้อากาศเย็นลง เฟยเย่เดินถึงหน้าห้องของเฟยลี่ในที่สุด แต่ในห้องดับไฟจนหมดแล้ว
“หรือว่านางจะหลับไปแล้วกันนะ ข้าจะไปเคาะตอนนี้ดีหรือไม่นะ”
นางเดินวนไปอยู่หลายรอบในที่สุดก็ตัดสินใจเดินออกมาจากห้องเพราะเกรงว่าพี่ใหญ่จะนอนหลับไปแล้ว
“ไม่สิ ไหน ๆ ก็มาแล้ว แยกกันไม่นานเท่าไหร่นางคงยังไม่หลับหรอกน่า”
นางเดินกลับไปพร้อมกับเคาะประตู
“พี่ใหญ่เจ้าคะ ท่านหลับหรือยังเจ้าคะพี่ใหญ่”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา มีเพียงความเงียบเท่านั้น นางเริ่มเคาะประตูถี่ขึ้น
“พี่ใหญ่ เปิดประตูให้ข้าที พี่ใหญ่!!”
เฟยเย่ตัดสินใจผลักประตูเข้าไป ประตูเปิดออกจนนางสะดุดธรณีประตูจนล้มลงไป โคมในมือก็หลุดไปพร้อมกับส่องแสงในห้องให้เห็นเมื่อนางหันไปมองที่เตียงที่ว่างเปล่า และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา
“พี่ใหญ่ นั่นท่านหรือเจ้าคะ”