ตอนที่ 2 ลอบเข้าตำหนักท่านอ๋อง
“ท่านหมอ!!”
“ขะ…ขอรับ”
“เอ่อ ข้าขอยืมเข็มเงินท่านหน่อยสิ”
“เอ่อ..คุณหนู ท่าน จะเอาเข็มเงินไปทำอะไรหรือขอรับ”
“รีดพิษ”
""หา""
ท่านหมอกับสาวใช้ที่เหลือถึงกับงงกับพฤติกรรมของคุณหนูรองที่เปลี่ยนไป แต่เขาก็ยอมยื่นเข็มเงินไปให้นางตามคำสั่ง เฟยเย่รับเข็มเงินจากท่านหมอและจับข้อมือตัวเองเอาไว้และทำสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด
นางจิ้มเข็มเงินไปที่เส้นเลือดที่ปูดขึ้นเพราะแรงบีบจนมีเลือดสีดำพวยพุ่งออกมา
“คุณหนู นั่นท่านทำอะไรเจ้าคะ”
“เงียบหน่อย หยุดโวยวายแล้วหาผ้ามาให้ข้าเร็วเข้า”
“หน็อย คิดฆ่าคนด้วยวิธีนี้เหรอ กระจอกชะมัดพิษล้างตับนี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก มันมียาแก้นานแล้ว”
“เอ่อ คุณหนู นี่ท่าน….”
“ข้ารู้ได้อย่างไรนะหรือท่านหมอ เอาไว้ข้าจัดการพิษนี่เสร็จแล้วจะเหลา เอ๊ย เล่าให้ท่านฟัง”
“ฮ้อ ๆ เอ่อ ขอรับ”
ท่านหมอนั่งมองดูเฟยเย่ที่ใช้เข็มจิ้มตามเส้นเลือดเพื่อขับเลือดพิษสีดำออกตามจุดชีพจรทั้งสี่ออกมาด้วยนึกเลื่อมใสเพราะเขาไม่เคยทราบมาก่อนว่าวิธีนี้สามารถขับพิษออกมาจากร่างกายได้
แต่สำหรับหลินเฟยเย่ที่มีจ้าวเฟยเฟย “แพทย์ทหาร” ที่ประจำอยู่สนามรบกลับคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี วิวัฒนาการแพทย์แผนปัจจุบันจากยุคที่นางจากมานั้นก้าวหน้าไปมากแล้วและนางเองก็เรียนรู้แพทย์สมุนไพรจีนควบคู่ไปด้วยเพราะคุณปู่ของจ้าวเฟยเฟยเองก็เป็นแพทย์แผนจีน
“คุณหนู น้ำแกงที่ท่านสั่งเจ้าค่ะ”
“อ้อ ขอบใจนะอาจิง แล้วก็ข้าต้องการยาพวกนี้ ข้าให้ท่านหมอจดให้แล้วเจ้าช่วยข้าไปหาซื้อมาทีนะ”
“เอ่อ…นี่มัน…”
“เป็นยาบำรุงและรักษาพิษน่ะ ข้าตรวจสอบแล้ว ปลอดภัยเจ้ารีบไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ ข้าจะให้คนไปซื้อให้เจ้าค่ะ”
เจ็ดวันถัดมา
หลินเฟยเย่มาอยู่ในร่างใหม่ได้ครบเจ็ดวันแล้ว นางและจวนคหบดีไม่เคยได้รับข่าวจากตำหนักอ๋องเลยว่าพี่สาวฝาแฝดที่แต่งเข้าไปนั้นเป็นอย่างไรบ้าง มีเพียงสาวใช้ที่เฟยเย่ส่งไปยัดเงินให้ทหารองครักษ์ที่ประตูหลังตำหนักคอยสืบข่าวให้พวกเขาแจ้งแค่ว่าพระชายายังสบายดีอยู่
“ยังสบายดีงั้นหรือ ถามไปสี่รอบก็ตอบแบบนี้ ไม่มีคำอื่นเลย นี่อาจิงเจ้าว่าพี่ใหญ่จะสบายดีจริง ๆ งั้นหรือ”
“คุณหนู ตั้งแต่ท่านฟื้นขึ้นมา เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าท่าน แปลก ๆ ไปนะเจ้าคะ”
“แปลกเหรอ อะฮึ่ม แปลกงั้นหรือ แปลกอย่างไรเล่า ปกติข้า…”
“แม้ว่าท่านจะสนใจเรื่องการฝึกวรยุทธ์มากกว่าคุณหนูใหญ่และมีความสามารถรอบด้านแต่ท่าน…เอ่อ…”
“ข้าทำไม”
“ท่านไม่ได้ช่างพูดเช่นนี้เจ้าค่ะ”
“เจ้าจะพูดว่าข้าพูดมากงั้นหรืออาจิง”
“เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวคิดว่าคุณหนูเป็นเช่นนี้ก็ดีมากกว่าแต่ก่อนเจ้าค่ะ ท่านที่เอาแต่ฝึกยุทธ์และขี้โมโห ก็น่าเป็นห่วงอยู่นะเจ้าคะ”
“เฮ้อ ภารกิจคือช่วยนางออกมาจากจวนอ๋อง แต่ในตอนนี้แม้แต่ข่าวคราวของนางก็ยังไม่รู้แล้วจะช่วยนางได้อย่างไรกันเล่า”
“คุณหนู เห็นว่าท่านอ๋องยังอยู่ที่กองทัพเมืองเสิ่น ยังไม่กลับเข้ามาเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าก็รู้มาเช่นนั้น เจ้าบอกข้าแล้วนี่ แต่งงานได้สองวันก็ไปออกรบพอได้เงินก็ซื้ออาวุธและเสบียงเพื่อเสริมกองทัพ เฮ้อ ที่จริงแค่มาขอความช่วยเหลือก็ได้ ทำไมต้องแต่งเข้าไปด้วยเสียทั้งเงินเสียทั้งตัวเสียเวลาด้วย”
“คุณหนู เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ ท่านอ๋องผู้นั้นทั้งเก่งกาจและรูปงาม สาวงามทั่วเฉินโจวต่างก็อยากแต่งเข้าไปทั้งนั้นเจ้าค่ะ ขอแค่ตำแหน่งพระสนมเล็ก ๆ ก็ยอมแล้วเจ้าค่ะ”
“ยอมรับได้เหรอที่เขาต้องมีหลายเมียน่ะ คนพวกนี้บ้าไปแล้ว เหตุใดจึงคิดว่าผู้ชายที่แต่งชายาหลายคนนั่นน่าชื่นชมกันนะ ข้าไม่เอาด้วยคนหนึ่งละ”
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
“ไม่ได้การ เรื่องนี้ดูท่าว่าข้าต้องลงมือเองแล้วล่ะ”
“คุณหนู แต่ว่าท่าน…”
“ไม่ต้องห่วง คุณหนูเจ้าเก่งกว่าที่เจ้าคิดนะ”
คืนนั้น
“แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ แต่การข้ามมายังอดีตเช่นนี้ ในนิยายบอกว่าต้องมีเครื่องมือหรือระบบคอยช่วยเหลือ แล้วข้าเล่าจะมีกับเขาบ้างหรือไม่ บอกไปแล้วว่าจะไป แต่แม้แต่แผนที่ในจวนอ๋องนั่นยังไม่มีเลย"
เกิดแสงสีฟ้าขึ้นในห้องของนางพร้อมกับสิ่งที่นางต้องการ เป็นแผนที่ที่ฉายด้วยลำแสงสีฟ้า ดูเหมือนว่าเครื่องมือเหล่านี้จะใช้ได้จริง ๆ เมื่อนางเพ่งมองเข้าไป
“สุดยอดเลย นี่สิข้ามมิติของแท้ ต้องมีอาวุธให้ข้าบ้าง ตอนนี้ร่างกายก็เข้าที่แล้ว พละกำลังจากร่างเดิมดูเหมือนจะใช้ได้กับร่างนี้ วิชาป้องกันตัวและศิลปะการต่อสู้ข้าเรียนมาทุกแขนง ไม่แพ้ชาวยุทธ์โบราณหรอกนะ เอาละ เริ่มกันเลย...”
ตำหนักท่านอ๋อง
“เรือนหลัง อยู่ตรงนั้นสินะ ทำไมมืดเสียจริง”
หลินเฟยเย่ค่อย ๆ ลอบเข้าตำหนักด้านหลัง แม้ว่าจะมีองครักษ์มากมายแต่ด้วยวิธีพรางตัวของนางก็สามารถหลบเลี่ยงพวกทหารองครักษ์เหล่านั้นได้ดี
“ก็ไม่ยากนี่ นี่เจ้าแผนที่ ช่วยตามหาพิกัดของนางให้ที”
จอสีฟ้าแสดงแผนที่และปรากฏจุดสีแดงเล็ก ๆ ขึ้นเพื่อระบุตำแหน่งที่อยู่ตามคำสั่งทันที
“ห้องทางตะวันตกด้านหลัง ดูแล้วอย่างกับเรือนคนใช้ นี่นางมิได้แต่งเข้ามาเป็นเมียเอกหรือพระชายาหรอกหรือ แปลกจริง ๆ เอาละไปก่อนค่อยว่ากัน”
นางค่อย ๆ เดินมุ่งไปตามที่แผนที่นำทางจนมาหยุดตรงหน้าประตูซึ่งมีคนเฝ้าอยู่สองคน ดูเหมือนจะเป็นสาวใช้ที่พึ่งออกมาจากห้องของนางและกำลังเดินออกไป
เฟยเย่เดินอ้อมไปด้านหลังและค่อยๆเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็กด้านหลัง นางเข้ามาจึงพบว่าบุตรีคนโตของคหบดีหลินมิได้อยู่ดีกินดีเหมือนดั่งเช่นที่นางอยู่ที่จวนสกุลหลินเลยแม้แต่น้อย
“พี่ใหญ่”
“นั่น…นั่นผู้ใด”
“ข้าเอง หลินเฟยเย่”
“เย่เอ๋อร์ เจ้า…เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้า…”
นางค่อยๆเดินเข้าไปพร้อมกับตกตะลึงกับสตรีที่หันมามองนาง รูปร่างหน้าตาของนางสองคนเหมือนกันเสียจนแยกแทบจะไม่ออก แม้แต่เสียงก็ยังแทบไม่แตกต่าง
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ดูแตกต่างกันในตอนนี้คงเป็นใบหน้าตอบ ๆ ราวกับอดนอน ผมเผ้าที่ขาดการดูแลและชุดที่เก่าจนแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีของพระชายาเอกท่านอ๋องเลยต่างหากที่ทำให้นางดูโทรมผิดกับตอนที่แต่งเข้ามาที่นี่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น อ๋องชั่วนั่น!!…”
“ไม่ ไม่ใช่เย่เอ๋อร์ ไม่ใช่เขา”
“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน เหตุใดต้องแต่งงานมาแทนข้า เหตุใดท่านจึงเป็นเช่นนี้ บอกข้ามา ผู้ใดมันรังแกท่าน”
“ข้า..เย่เอ๋อร์ พวกเขาบอกว่าเจ้าถูกวางยาพิษจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ข้าพยายามจะขอกลับไปเยี่ยมเจ้าที่จวนแต่พวกเขาบอกว่าท่านอ๋องยังไม่กลับ ธรรมเนียมที่พระชายาต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมต้องเลื่อนไปจนกว่าท่านอ๋องจะกลับมา แต่ว่า เจ้าหายดีแล้วงั้นหรือ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เจ้าสบายดีนะ”
“พี่ใหญ่ ข้าสบายดี ท่านต่างหากที่….มันเกิดอะไรขึ้น”
สายตาของทั้งคู่สบตากัน เฟยเย่รู้ถึงความแตกต่างของพวกนางในทันที คนพี่นั้นเป็นสตรีที่อ่อนหวานและอ่อนแอจนทำให้คนกลั่นแกล้งได้โดยง่าย และนางก็คิดไม่ผิด
หยงไท่เฟยผู้ดูแลที่นี่สั่งให้นางมาอยู่เรือนหลังตั้งแต่ท่านอ๋องยกทัพออกจากเฉินโจว นางกับเขาพึ่งส่งตัวกันเพียงครึ่งคืนท่านอ๋องก็ต้องรับราชโองการสำคัญจัดทัพออกไปรับศึกข้างนอก
หลังจากนั้นด้วยข้ออ้างว่านางมิใช่บุตรขุนนาง หยงไท่เฟยจึงไม่ให้ความสำคัญ หลังรับทรัพย์สินที่จวนคหบดีจัดส่งให้ ก็ส่งเพียงอาหารสามมื้อมาให้และห้ามนางเดินเพ่นพ่านในตำหนัก
“นี่มันตำแหน่งพระชายาที่ไหน นี่มันคนใช้ชัด ๆ ยังมีสาวใช้ข้างกายนางแก่นั่นอีก”
“เย่เอ๋อร์ อย่าพูดเช่นนั้น ข้า….”
“พี่ใหญ่ ข้าจะช่วยพาท่านกลับบ้านให้ได้”