บท
ตั้งค่า

1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล

จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง

สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป

“ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !”

เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม

“อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน

ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา

“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด”

พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด

“เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ”

ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง

“ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว

พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ”

หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน

เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้

“หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย

“ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง

เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้

หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ”

“ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด”

เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้

เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก

ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต

“ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ

ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน

“ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด

เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย

“ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง”

คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที

ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป

ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว”

หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น

เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว

“ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก”

“จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ”

ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

ครั้นนึกได้ว่าบุตรสาวนอนป่วยอยู่บนเตียง นางรีบวิ่งไปยังห้องนอนของบุตรสาวในทันที เห็นอีกฝ่ายนั่งเหม่ออยู่บนเตียง ดวงตาว่างเปล่าชอบกล

“เหยาเอ๋อร์พวกเราต้องไปกันแล้ว เจ้ารีบเก็บของเร็วเข้า” เอ่ยแล้วรีบจัดการเก็บของให้บุตรสาวด้วยตัวเอง

“สาวใช้ไปไหนกันหมดนะ ทำไมไม่มาดูแลเจ้า”

สาวใช้ที่ว่าป้อนยาเสร็จแล้ว ไปรวมตัวกับคนอื่นที่ห้องโถง ไม่มีคิดว่านางเกิดตัวร้อนจัด พิษไข้กำเริบถึงขั้นช็อกหมดลมหายใจลงไป ยามนี้คนที่อยู่ในร่างของเด็กสาวสิบสองปีเป็นผู้อื่นไปเสียแล้ว

โลกนี้เธอชื่อเหยาเอ๋อร์ หลี่เมิ่งเหยาสินะ

เพราะนั่งทำความเข้าใจกับตัวเองอยู่นานกว่าจะกระจ่าง ว่าตัวเธอได้ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวผู้นี้ เธอมาจากศตวรรษที่ 21 ชื่อเดิมคือหลี่เหยาเหยา อย่างน้อยก็มีคำว่าเหยาเหมือนกัน จากเหยาเหยาเป็นเหยาเอ๋อร์

เกือบหนึ่งชั่วโมงที่เธอนั่งอยู่ตรงนี้ ให้เรื่องราวไหลผ่านเข้ามาในหัว เพราะหากต่อต้านไม่ยอมรับ เธอจะปวดศีรษะรุนแรงคล้ายจะระเบิดออกมา

พยายามนึกย้อนไปว่าเหตุใดถึงได้หลุดมาอยู่ที่นี่ได้ พลันความทรงจำสายหนึ่งก็ผุดขึ้น เธอเดินเข้าไปในร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง เพื่อเลือกซื้อวัตถุโบราณ ไปมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณปู่

สายตาของเธอเหลือบไปเห็นกำไลหยกวงหนึ่ง คล้ายมันเรืองแสงได้เล็กน้อย จึงเดินไปหยิบแล้วสวมใส่ในทันที จากนั้นภาพก็ตัด รู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่นี่เสียแล้ว

ความร้อนตรงข้อมือ ทำให้รีบดึงชายเสื้อขึ้นดู กำไลหยกลวดลายอักขระโบราณสีทองพันรอบวง ปรากฏอยู่บนข้อมือของเธอ มันตามติดมายังโลกนี้ด้วย ตามมาก็ดีอยู่หรอกนะ แต่มันมีประโยชน์อะไรบ้างล่ะ

“เหยาเอ๋อร์เจ้าหายตัวร้อนหรือยัง” เฉาซูหลิ่งเอาหลังมืออังหน้าผากบุตรสาว “ยังตัวร้อนอยู่เลยทำอย่างไรดี”

หลี่เมิ่งเหยามองมารดาด้วยสายตาเฉยชา บุตรสาวตายไปแล้วยังไม่รู้อีก มีมารดาเช่นนี้เธอจะหวังอยู่รอดปลอดภัย ในโลกนี้ได้อย่างไร

“อนุเฉาต้องรีบไปแล้ว ท่านเก็บของเสร็จหรือยัง” เสียงบ่าวรับใช้ตะโกนดังอยู่หน้าเรือน

“ไปไหนหรือเจ้าคะ”

หลี่เมิ่งเหยาเพิ่งทะลุมิติมา นางจึงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ความทรงจำของร่างเดิมนั้น ทำให้นางสามารถใช้ภาษาของยุคโบราณได้

“เอาไว้ข้าเล่าให้เจ้าฟังบนรถม้า รีบไปกันเถอะ”

หลี่เมิ่งเหยาลุกขึ้น เดินไปบิดผ้าชุบน้ำในอ่าง เช็ดตามหน้าตาและตามแขนขาตัวเองเพื่อลดไข้ พอขึ้นรถม้านางก็โปะผ้าผืนนั้นไว้บนหน้าผาก

“เจ้าทำอะไรเหยาเอ๋อร์ เหตุใดต้องเอาผ้าไปวางบนหน้าผากเช่นนั้น” เฉาซูหลิ่งไม่ได้ดูแลบุตรสาวด้วยตัวเอง นางให้สาวใช้คอยดูแล จึงไม่ค่อยรู้วิธีการดูแลคนป่วย

“ข้ากำลังลดไข้ให้ตัวเองอยู่ ท่านแม่ท่านลองเล่าให้ข้าฟังที เหตุใดข้ากับท่าน ถึงถูกขับไล่ออกจากจวนท่านปู่ไปได้”

ความทรงจำก่อนหน้า ไม่มีทีท่าว่าคนในจวน จะขับไล่นางกับมารดาออกไป ต้องมีเหตุอันใดเกิดขึ้น ระหว่างที่นางนอนป่วยอยู่เป็นแน่ บ่าวรับใช้เหล่านั้นถึงได้มองนางกับมารดา ด้วยสายตาจงเกลียดจงชังได้

“เป็นข้าที่โง่เขลาเองถูกฮูหยินรองหลอกใช้ นางให้ข้าเอาน้ำแกงบำรุงครรภ์ไปให้แม่ใหญ่ของเจ้า ข้าไม่คิดว่าในน้ำแกงบำรุงครรภ์ จะมียาขับเลือดอยู่ด้วย แม่ใหญ่ของเจ้ากินเข้าไป ก็แท้งลูกในท้อง...”

เฉาซูหลิ่งเล่าจนจบ บุตรสาวของนางก็เอาแต่นั่งนิ่ง พร้อมพรูลมหายใจออกมาแรง ๆ บางครั้งก็ส่งสายตาดูแคลนมารดาออกมา

“เหยาเอ๋อร์เจ้าอย่ามองข้าเช่นนี้ ข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ เดิมทีพวกเราก็รักใคร่กันดี แม่ใหญ่เจ้าก็คงไม่คิด ว่าฮูหยินรองจะคิดร้าย”

“คนของท่านแม่ใหญ่ยอมให้นาง ดื่มน้ำแกงบำรุงครรภ์จากอนุเช่นท่านด้วยรึ” หลี่เมิ่งเหยาคิดไม่ตกในเรื่องนี้

“เจ้าก็รู้ข้ากับนางมีไมตรีที่ดีต่อกัน นางจึงไม่ได้คิดระแวงข้า แต่ข้ากลับโดนคนหลอกใช้เข้าให้ ข้านึกว่าการได้มอบของบำรุงร่างกายให้นาง อาจทำให้พ่อของเจ้า หันมาเห็นความดีของข้าบ้าง แต่ไหนเลยจะคิดว่าฮูหยินรอง จะร้ายกาจเช่นนั้นได้ ข้ามันโง่เอง”

“อืม”

เฉาซูหลิ่ง “?!”

เจ้าไม่คิดเห็นใจข้าเลยรึ

“เจ้าเป็นอันใดไปเหยาเอ๋อร์ เหตุใดวันนี้ดูแปลก ๆ ไป”

“ข้าถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลี่ ท่านแม่ว่าข้าควรทำตัวปกติหรือ ข้าเหนื่อยท่านมียาลดไข้ไหม” ยุคนี้ยาลดไข้คงเป็นแบบต้มดื่ม แค่คิดก็ขมคอรอแล้ว

“ยาลดไข้ เอ่อ ไม่มีหรอก ข้าไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย”

เฉาซูหลิ่งทำหน้ารู้สึกผิดขึ้นมา นางมัวแต่เก็บของเดินทาง มุ่งเน้นแต่ของมีค่า จนลืมเลือนกระทั่งยาของบุตรสาว

“ท่านแม่ท่านไปบอกคนขับรถม้า ให้เขาแวะร้านขายยาก่อน ไม่เช่นนั้นข้าคงได้ตายรอบสองเป็นแน่”

“พูดจาเหลวไหล ตายอะไรรอบสองของเจ้า”

นางเอ็ดบุตรสาวเบา ๆ ก่อนเปิดม่านไม้ไผ่ บอกคนขับรถม้าให้แวะร้านขายโอสถก่อน ซึ่งเขาก็ขานรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก

เพราะร่างกายยังอ่อนเพลีย หลี่เมิ่งเหยาจึงมองภาพด้านข้างแบบเบลอ ๆ ไม่ช้ารถม้าได้จอดลงหน้าร้านขายโอสถ มารดาของนางลงไปไม่นาน ก็กลับขึ้นมาพร้อมยาสมุนไพรลดไข้

นางจุดเตาต้มน้ำบนรถม้า จัดการต้มยาเพื่อป้อนให้บุตรสาว หลังจากได้ดื่มยาต้มแสนขมเข้าไป หลี่เมิ่งเหยาก็พร้อมปิดตาลงเพื่อนอนหลับพักผ่อน แต่ไม่วายกำชับมารดาเอาไว้ก่อน

“ท่านแม่หากข้าตัวร้อนขึ้นกว่าเดิม ท่านต้องรีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ข้านะ ไม่เช่นนั้นข้าอาจตัวร้อนจัดจนตายก็เป็นได้” นางพยายามสื่อด้วยสายตา ให้รู้ว่านี่เรื่องสำคัญ

“คำก็ตายสองคำก็ตาย เจ้านี่มันยังไงนะ” มารดาผู้โง่เขลายังไม่เข้าใจเจตนาของบุตรสาวอยู่ดี

หลี่เมิ่งเหยามองนางแล้วส่ายหน้าไปมา “ข้าอาจจะหลับไปนาน ระหว่างนี้ท่านดูแลข้าดี ๆ ล่ะ”

ท่านทำลูกตายไปคนหนึ่งแล้ว ข้ายังไม่อยากตายตามนางไปอีกคน

“รู้แล้ว ๆ” เฉาซูหลิ่งรีบห่มผ้าให้บุตรสาว ตบหลังปลอบนางเบา ๆ
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel