ตอนที่ 5 【2】
“ง่ายถึงเพียงนี้แหละขอรับ” เด็กน้อยพยักหน้า
จางอี้หมิงหันหน้าไปทางสตรีวัยกลางคนและที่ยังสาวด้านหน้า เขาเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ท่านป้าท่านน้าทั้งหลายจำได้หรือไม่ขอรับ”
“ข้าจำได้”
เมื่อได้คำตอบ เด็กน้อยจึงหันไปทางฝ่ายชายบ้าง
“ในส่วนของหอยหิน เราจะทำ 2 รายการนะขอรับ หนึ่งคือนำไปต้มทำซุป สองคือการนำเอาไปย่างไฟ ในเมื่อตอนนี้เรื่องฟืนไม่มีปัญหาแล้วเราสามารถใช้ได้อย่างเต็มที่ หอยหินนำไปย่างบนไฟ เวลาที่จะกินให้เอาเกลือผักใส่ลงไป หรือว่าเกลือก็ได้แต่อย่าใส่มากมันจะเค็ม
วิธีที่สองการทำซุป เราต้องตั้งหม้อต้มน้ำเดือดแบ่งเป็นสองหม้อ หม้อแรกทำน้ำซุป หม้อที่สองสำหรับลวกหอยหิน ขอรบกวนพี่ชายหลายคนแกะหอยหินให้หน่อยขอรับ วิธีการทำคือนำหอยหินวางลงให้ด้านเรียบหงายหน้าขึ้น หาผ้าจับก็จะดีขอรับเพราะเปลือกหอยคม ใช้มีดปลายแหลมแซะเข้าไปตรงก้นหอย ตัดเส้นเอ็นที่ฝาหอยแล้วงัดเปิดขอรับ เพียงเท่านี้ก็จะได้หอยข้างใน
แกะเอาตัวหอยออกมาไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วเอามาให้ฮูหยินทั้งหลายสำหรับต้มทำซุป บางส่วนให้ท่านลุงท่านน้านำไปย่างไฟขอรับ”
“ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าผู้ชายไปแกะหอย พวกข้าผู้หญิงจะไปทำซุป ส่วนพวกเราครึ่งหนึ่งไปทำซุปสายรุ้ง พวกที่เหลือทำซุปหอยหิน ส่วนพวกเจ้าสามคนไปต้มน้ำลวกหอย” เจียวเม่ยเป็นคนแจกแจงงานและหน้าที่ให้แต่ละคน
“ท่านป้าเจียวเม่ย ลวกหอยอย่าให้นานนะขอรับ เมื่อใส่ลงไปแล้วนับหนึ่งถึงสิบในใจก็ตักขึ้นมาเลย ไม่เช่นนั้นมันจะเหลือนิดเดียวและสุกเกินไป” จางอี้หมิงเอ่ยสำทับภรรยาของซุนซูเย่อีกครั้ง
“เช่นนี้พวกผู้ชายตามข้ามา” ซุนซูเย่พาพวกผู้ชายไปจัดการกับหอยหินที่เก็บมา
จางอี้หมิงเดินไปที่กลุ่มผู้ชายก่อน เมื่อเห็นว่าการแกะหอยเป็นไปอย่างราบรื่นถึงแม้ว่าจะเงอะงะไปบ้างในตอนแรก แต่เมื่อแกะไปนานเข้าจึงเกิดความชำนาญ เด็กชายผละจากกลุ่มผู้ชายมายังกลุ่มฮูหยินที่ทำซุปสายรุ้ง และตามด้วยซุปหอยหินในเวลาต่อมา
“ท่านป้าเจียวเม่ย เรามีเครื่องปรุงเหลือไหมขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถาม
“หมิงหมิงน้อย มีซีอิ๊วเหลือนิดหน่อยใช้วันนี้ก็หมดแล้ว เกลือไม่มีเลย โชคดีที่เรามีเกลือผักแต่ก็เหลือไม่มากแล้ว” เจียวเม่ยตอบ
“แล้วเครื่องเทศเล่าขอรับ พอมีเหลือหรือไม่”
“เครื่องเทศพอมีเหลืออยู่บ้าง แต่ก็น้อยเหลือเกิน ที่เหลือคงเป็นเพราะว่ามันใกล้จะหมดแล้วเป็นแน่”
“ไม่เป็นไรขอรับ อย่างไรก็เอาวันนี้ให้รอดไปก่อน วันพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยปลอบใจท่านป้าเจียวเม่ย
หลังจากที่เดินวนไปมาระหว่างกลุ่มผู้ชายและกลุ่มผู้หญิงอยู่ราวเกือบครึ่งชั่วยาม ซุปสายรุ้ง หอยหินต้มซุป และหอยหินย่างจึงแล้วเสร็จพร้อมให้ทุกคนได้ดื่มกิน ไม่น่าเชื่อว่าหอยหินย่างจะส่งกลิ่นหอมถึงเพียงนี้
อาจจะเป็นเพราะทุกคนหิวโหยอาหารมากก็เป็นได้ กลิ่นของหอยย่างจึงทำให้ท้องไส้ของทุกคนปั่นป่วน
เจียวเม่ยกำลังจะตักอาหารแบ่งให้กับทุกคน ซุนถงและจางอี้เทาจึงได้กลับมาจากในเมืองพอดี แต่พวกเขากลับมามือเปล่าไม่มีสิ่งใดติดมือกลับมายังหมู่บ้านหลัวถงเลยแม้แต่อย่างเดียว
“ท่านพ่อกลับมาแล้ว” ซุนซูเย่เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
“ท่างลุงเย่ อย่าเพิ่งถามอันใดเลยขอรับ ดูท่าทุกคนจะหิวกันมิใช่น้อย เช่นนั้นให้ทุกคนกินข้าวกันให้เสร็จก่อน ได้เรื่องเช่นไรค่อยเจรจาทีหลังขอรับ” จางอี้หมิงรีบเอ่ยเตือนซุนซูเย่เมื่อเห็นว่ากำลังจะอ้าปากซักถามบิดาตนเอง
ซุนซูเย่ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ารับและปลีกตัวไปรับแจกอาหาร ซุนถงและจางอี้เทาจึงตามไปด้วย หลังจากนั้นการวิจารณ์รายการอาหารในวันนี้จึงได้เริ่มขึ้น
“ฮูหยินเจีย เจ้าลองชิมดู ข้าไม่คิดว่าหญ้าสายรุ้งพอเอามาทำเป็นซุปจะอร่อยได้ถึงเพียงนี้”
“พี่สาวฉิน ลองชิมหอยหินต้มซุปนี้ มันหวานมาก ข้าไม่นึกว่าหอยหินจะอร่อยถึงเพียงนี้ ซดน้ำร้อน ๆ ช่างคล่องคอยิ่งนัก”
“พี่ซูเย่ หอยหินย่างอร่อยยิ่งนัก”
“เจ้าหน้าเหม็น หอยอันนี้ข้าย่างไว้ เจ้าจะกินก็ไปย่างเอง”
“...”
“...”
“...”
จางอี้หมิงสะกิดบิดาให้รับอาหารไปส่งให้มารดาและท่านย่าด้วย ซึ่งทั้งสองคนนอนอยู่ในห้องของบ้านซุนอย่างอ่อนแรง จางอี้เทาเมื่อจัดการกินอาหารเรียบร้อยแล้วจึงได้ไปรับอาหารและนำไปป้อนให้กับมารดาและภรรยาต่อไป
เอ้! แต่ว่าข้าลืมอันใดไปหรือไม่นะ
จางอี้หมิงเสมือนมีสิ่งที่ตนเองหลงลืม แต่ก็คิดไม่ออกว่าตนเองหลงลืมอันใดไป ช่างเถอะ ในเมื่อจำไม่ได้ก็ช่างมัน
โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเป็นสาเหตุให้หนุ่ม ๆ หลายบ้านอารมณ์พลุ่งพล่านมากแค่ไหนโดยเฉพาะบิดาของตนเอง เนื่องจากคนบ้านจางย้ายมานอนและทำการเปลี่ยนที่ทำการกลุ่มการค้าหลัวถงให้เป็นบ้านชั่วคราว
บ้านซุนแบ่งฟูกนอน หมอน ผ้าห่มมาให้ ชาวบ้านเองก็เก็บเชื้อเพลิงมาส่ง ถึงแม้ว่าจะขลุกขลักไปบ้างแต่ก็มีบ้านเป็นของตนเอง แม้ว่าจะมีห้องหับเป็นของส่วนตัว แต่หลี่อ้ายไม่สบาย จางอี้เทาที่อารมณ์พลุ่งพล่านเป็นพิเศษถึงกับนอนไม่หลับถ้าไม่ได้ปลดปล่อย คืนนั้นจึงเป็นคืนที่ทรมานยิ่งของชายหนุ่ม
ส่วนจางอี้หมิงนอนหลับสบายเพราะเหนื่อยล้าจากการขึ้นเขามาทั้งวันและเมื่อคืนก่อนก็นอนในถ้ำอับชื้น วันนี้เมื่อมีโอกาสได้นอนที่นอนนุ่ม ๆ เขาจึงหลับสบายไปจนถึงเช้า
เด็กน้อยหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าห้องข้างๆ บิดาของเขากำลังร้อนรุ่มราวกับไฟ
นี่แหละ...คือสิ่งที่จางอี้หมิงลืมไปเสียสนิท