Chapter 5 ร่างกายของเจ้าเป็นของข้า [2]
Chapter 5 ร่างกายของเจ้าเป็นของข้า [2]
“อ๊ะ...”
ซูเยี่ยนตกใจเมื่อถูกกอบกุมทั้งช่วงบนและช่วงล่าง มือหนึ่งกำเต้านมของนางเอาไว้พลางบีบขยำเค้นคลึง ส่วนอีกมือกลับยังคงสอดนิ้วกลางค้างคาอยู่ในร่องกลีบบุปผาโดยไม่ยอมชักออก ยังผลให้นางถึงกับหายใจติดขัด เสียวซ่านจนเผลอห่อริมฝีปากส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างสุดจะกลั้น
“อะ...อื้อ อื้อ”
“ว่าอย่างไรเล่า ร่างกายของเจ้าเป็นของข้าแน่นะหรือ”
เขาทวนถามอีกครั้งพลางฝังจมูกโด่งลงไปยังซอกคองามระหง นักฆ่าสาวรู้สึกสับสนเมื่อถูกไล่ต้อน คนเมาที่ไม่มีสติจะสามารถเอ่ยถามซักไซ้ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ...
“ว่าอย่างไรเล่า”
เขาทวงถามอีกครั้งพลางขยับนิ้วกลางบดขยี้ลงบนเมล็ดสวาทรัวเร็ว
“อ๊ะ อ๊ะ อื้อ จะ...จะ...เจ้าค่ะ”
หญิงสาวบิดตัวเกร็ง หอบหายใจแรงเมื่อความซ่านหฤหรรษ์โอบรัดจนเกร็งไปทั้งสรรพางค์กาย แล้วโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว เขาก็อุ้มนางด้วยแขนเพียงข้างเดียวให้นั่งลงบนโต๊ะไม้ทรงกลม ส่วนตัวเขานั้นคุกเข่าลงกับพื้นโดยที่ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ในระดับเดียวกันกับหว่างขาของนาง
“อ้าขาออกสิ!”
เป็นครั้งแรกที่หวงซูเยี่ยนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายลงคอของตนเอง มันดังคล้ายกับเสียงหินตกลงกระทบผืนน้ำในถ้ำลึก ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ เปลือกตากะพริบถี่คล้ายกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เวลานี้นางทั้งกระดากอาย ทั้งงุนงงสงสัยในตัวชายตรงหน้า ทว่าความสงสัยกลับถูกกระชากจนซ่านกระเซ็นเมื่อมือหนาวางลงบนต้นขาขาวนวลแล้วจับเรียวขานั้นให้อ้าออกกว้าง
ดวงตาที่คล้ายกับเลื่อนลอย นัยน์ตาดำเป็นสีหมอกควันฉายชัดว่ายังคงเมามายไม่ได้สติ แต่อะไรหลายๆ อย่างในตัวเขาทำให้นักฆ่าสาวรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาในหัวใจอย่างน่าประหลาด
"บุปผาของเจ้าช่างดงามนัก"
เรียวขาที่อ้าออกสั่นน้อยๆ นางกระดากจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แต่กระนั้นกลับเห็นเขาจากทางหางตา เห็นชัดว่าเขากำลังจับจ้องมองมายังบุปผาของนางราวกับหลงใหล
“อ๊ะ!”
หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ลมหายใจสะดุดจนก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายเต้นผิดจังหวะ ต้นขากระตุกเกร็งเมื่อรับรู้ได้ว่าเวลานี้เฉินฮ่านหลานได้ซุกใบหน้าลงมายังโหนกนูนแห่งอิสตรี
“อะ...อื้อ”
จมูกโด่งซุกลงไปสัมผัสกับเมล็ดแห่งชาติพันธุ์ที่อ่อนนุ่ม ฮ่านหลานใช้จมูกโด่งดุนดันถูไถไปกับเมล็ดสีชมพูระเรื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหยาดน้ำใสไหลออกมาจากรูสวาทชุ่มแฉะ จากนั้นเขาจึงค่อยๆ แลบลิ้นออกมาตวัดเลียดื่มกินหยาดน้ำหวานราวกับหิวกระหาย
ยิ่งเลีย... หยาดน้ำหวานกลับยิ่งไหลออกมา ไหลออกมามากมายเต็มไปหมด
“หวานเหลือเกิน”
น้ำเสียงของคนเมายังผลให้หัวใจของนักฆ่าสาวสับสน หลายครั้งที่นางอยากกระถดกายถอยหนี ทว่านี่คือภารกิจแห่งความเป็นความตายที่มีอายุขัยของบิดาบุญธรรมเป็นเดิมพัน นางไม่อาจถอยแม้ก้าวเดียว จำต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง กดข่มความซ่านหฤหรรษ์ที่กำลังถาโถมเข้ามาโอบรัดเรือนกายราวกับจะกลั่นแกล้ง
“อื้อ...อื้อ”
แม้ริมฝีปากจะเม้มสนิททว่าเสียงครวญครางด้วยความซ่านกระสันกลับอื้ออึงออกมาจากลำคอ นางหอบหายใจแรงคล้ายปลาเกลือกกลิ้งอยู่บนบกจนทรวงอกอิ่มกระเพื่อมไหว
ศิษย์เอกแห่งสำนักทรงธรรมยังคงละเลงลิ้นลามเลียไปยังกลีบบุปผา บ้างก็ดุนดันปลายลิ้นเข้าไปยังบริเวณปากทางแคบชื้นจนทำให้ร่างเล็กผวาเฮือกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เขาจะห่อปลายลิ้นเข้าหากันให้แข็งแล้วดุนดันถูไถระรัวไปยังเมล็ดสวาทอีกครั้ง
“อา...อะ...อาห์”
ซูเยี่ยนสะบัดใบหน้าแรงๆ อ้าปากส่งเสียงครวญครางอย่างไม่อาจเก็บงำซ่อนความรู้สึกเอาไว้ได้อีกต่อไป
“ขะ...ข้าสะ...เสียวเหลือเกิน อื้อ พะ...พอได้แล้ว”
มือเล็กเลื่อนไปดึงทึ้งผมสีดำขลับยาวจดกลางหลังของชายหนุ่มเอาไว้ ทั้งกระชาก ทั้งดึง ทว่าเขากลับยังคงซุกหน้าลงไปยังกลางหว่างหาโดยไม่สนใจคำทักท้วงของนางเลยแม้แต่น้อย
“ขะ...ข้าไม่ไหวแล้ว มะ...ไม่ไหวแล้ว”
นางหายใจคล้ายผวา หน้าท้องแบนราบขดเกร็ง เรียวขาที่ถูกจับให้อ้าออกถึงกับสั่นระริก ก่อนที่ภายในร่างกายจะเกร็งกระตุกคล้ายถูกควักหัวใจออกไปจากอกเสียกระนั้น
“อื้อ!”
ซูเยี่ยนครางเสียงดังก่อนจะผวาไปทั้งสรรพางค์กาย ไหล่บอบบางห่องุ้ม ความซ่านเสียวยังผลให้ร่างกายเกร็งกระตุก ช่องแคบชื้นตอดรัดอยู่ภายใน ในความเสียวเต็มไปด้วยความสุขอย่างน่าประหลาดล้ำ นางหอบหายใจแรงจนทรวงอกกระเพื่อมไหม เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าราวกับคนที่เพิ่งก้าวผ่านจากการร่วงหล่นลงสู่หุบเหวลึก
ทว่า...
นางไม่มีโอกาสอันใดได้ตั้งตัว เจ้าของร่างสูงก็ยืนขึ้นเต็มความสูง ท่อนเอ็นใหญ่ยาวชี้มายังนางราวกับกำลังเรียกร้องความสุขสมจากนางบ้าง
“คราเจ้าแล้ว”
“อะ...อะไรนะเจ้าคะ”
นางทวนถามด้วยความงุนงง เพ่งมองไปยังใบหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างจ้องจับผิด
“กลืนกินข้า เหมือนที่ข้ากลืนกินเจ้าเมื่อครู่อย่างไรเล่าแม่นางหลิงเสีย”
ซูเยี่ยนได้ยินเขาเรียกนางว่า ‘หลิงเสีย’ ก็ค่อยคลายความสงสัยลงไปกว่าสองในสามส่วน ก่อนจะใช้ฟันบนขบกัดลงบนริมฝีปากล่างสีแดงชาดอย่างครุ่นคิด
‘ขะ...ข้าต้องกลืนกินเจ้าหนอนยักษ์นั่นสินะ’
นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ปิดเปลือกตาลงอย่างพยายามทบทวนบทเรียนกามสูตรที่ได้ศึกษาในตำราปกขาวอย่างคร่าวๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
‘ข้าต้องทำได้ จำไว้นะซูเยี่ยนว่าตอนนี้เจ้าคือหลิงเสีย คณิกาที่มีหน้าที่บำบัดความใคร่ด้วยลีลาแพรวพราว’
แม้จะปลุกปลอบตนเองเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกว่าริมฝีปากของนางแห้งผาก ลำคอตีบตัน หัวสมองตื้อตึงคล้ายมีหมอกขาวรายล้อม นางค่อยๆ สืบเท้าเข้าหาเขาที่บัดนี้ยืนเอนกายอยู่ข้างหน้าต่างเพื่อรอให้นางปรนนิบัติอย่างที่หญิงคณิกาจะต้องปรนเปรอแขกเหรื่อของตน
เขาช่างรูปงามนัก...
ยามเมื่อเขาโป๊เปลือยเผยให้เห็นมัดกล้ามและสัดส่วนของความเป็นชายราวกับรูปสลัก กอปรกับใบหน้าหวานล้ำดั่งอิสตรี ส่งผลให้เขาดูคล้ายเทพเซียนหาใช่มนุษย์เดินดินเฉกเช่นเดียวกับนาง