บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เผด็จศึกคู่หมั้น (NC)

โรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

“แม่ผมรักปุยฝ้าย ผมอยากขอปุยฝ้ายแต่งงานผมไม่อยากเสียเธอไปแม่ช่วยผมได้มั๊ย เพราะปุยฝ้ายจะต้องไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเราต้องห่างกันผมเองก็คงจะสอบเข้ามหาลัยเดียวกับเธอคงจะเป็นเรื่องยาก” ขุนผลเดินเข้ามากอดมารดาผู้แสนใจดีของเขา ‘ทองอุไร’ เพื่ออ้อนวอนให้คนเป้นแม่ไปสู่ขอแฟนสาวที่คบมานานตั้งแต่ชั้นมัธยมปลาย

“ขุนตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมลูก พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตผู้หญิงคนนึงได้แล้วหรือ” มารดากล่าวถามบุตรชายด้วยใบหน้าเรียบเฉยอันที่จริงทองอุไรกับสามีจันทร์แดงบิดาของขุนพล ต่างก็รักและเอ็นดูปุยฝ้ายว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ไม่ใช่น้อยและทั้งสองครอบครัวก็สนิทสนมกัน ทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันตลอดเพราะเด็กทั้งสองคบหาดูใจกันมาตั้งแต่ชั้น ม.4 ซึ่งอยู่ในสายตาของครอบครัวมาตลอด…..แต่ทว่าลูกชายคนเดียวลูกเทวดาของเธอนิสัยใจคอยังเหมือนเด็กที่พ่อและแม่ต้องคอยตามเช็ดตามล้างให้เสมอ…

“น๊า….แม่นะ ช่วยพูดกับพ่อให้ผมที ผมยินดีจะเข้ามหาวิทยาลัยที่แม่เลือกให้และจะช่วยกิจการทางบ้านทุกอย่างแลกกับพ่อแม่ไปสู่ขอปุยฝ้ายให้ผม”

“ได้งั้นแม่จะไปปรึกษาพ่อให้เอาฤกษ์สะดวกแล้วกัน พ่อแกเขาไม่กล้ามีปัญหาก่ะแม่หรอก….” มารดาถอนใจเบา ๆ และเดินเข้าไปสำรวจภายในโรงงาน พนักงานจะเรียกเธอว่าแม่เลี้ยงทองเป็นภาษาถิ่นของทางภาคเหนือซึ่งก็ไม่ผิดเพราะครอบครัวของขุนพลถือว่าเป็นเศรษฐีนีมีอิทธิพลในจังหวัดเลยทีเดียว

วันหมั้น

หลังจากที่แม่เลี้ยงทองและพ่อเลี้ยงจันทร์แดงได้เข้ามาทาบทามสู่ขอปุยฝ้าย บิดามารดาของหญิงสาวก็ไม่ขัดข้องใด ๆ แต่ทางฝั่งของหญิงสาวยังมองว่าลูกสาวยังเด็กอายุแค่ยี่สิบปีเพิ่งเรียนจบปวส.วิทยาลัยอาชีวะชื่อดังของจังหวัด และขุนพลก็อ่อนกว่าลูกสาวอีกหนึ่งปีจึงต่อรองขอแค่เป็นการหมั้นหมายทั้งคู่ไว้ก่อนหลังจากปุยฝ้ายเรียนจบค่อยจัดงานแต่งทันที

ปุยฝ้ายเมื่อเธอรับทราบคำสั่งของบิดามารดาเธอก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรและเธอก็มีใจรักเพียงแค่ขุนพล คนเดียว วันนี้เธอแต่งตัวด้วยชุดลูกไม้สีขาวฉลุยาวถึงตาตุ่ม เรือนผมยาวตรงสีดำขลับปกคลุมถึงแผ่นหลังรับกับใบหน้าเล็กรูปไข่ปากนิดจมูกหน่อย คิ้วเรียวดั่งคันศร ผิวขาวผ่อง รูปร่างบางแต่มีสัดส่วนโค้งเว้า บวกกับการแต่งหน้าเบาบางทาลิปกอลสสีชมพูระเรื่อแก้มปัดสีชมพูบาง ๆ ยิ่งทำให้เธอสวยสะอาดดูแพง เพราะปกติปุยฝ้ายจะไม่ชอบแต่งหน้าลงเพียงแป้งฝุ่นเด็กเท่านั้นจึงทำให้กลิ่นตัวของเธอเหมือนเด็กอยู่เสมอ….

ด้านขุนพลเขาแต่งชุดสูทสีน้ำเงินราคาแพงพอดีตัวเหมาะกับตัวเขายิ่งนักขุนพลจัดว่ามีความสูง180 เซนติเมตร หน้าตาหล่อเหลาแนวโอปป้าพระเอกเกาหลีผิวขาวสะอาดถอดแบบมารดาทั้งคู่ดูเหมาะสมกัน

มากราวกับเทพบุตรและเทพธิดา เขายิ้มแก้มปริตลอดพิธีไม่ว่าสิ่งไหนเรื่องใดที่เขาอยากได้ไม่เคยมีสักครั้งที่แม่ของเขาจะหาให้ไม่ได้ หลังจากยกพานสินสอดเป็นทองคำแท่งรูปพรรณหลายสิบบาทและเงินสดพร้อมโฉนดที่นาหลายไร่ขุนพลได้สวมแหวนเพชรเม็ดงามขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กให้กับปุยฝ้าย และเขาเองก็ได้รับไหว้จากคู่หมั้นสาวปุยฝ้ายก็ได้สวมแหวนหมั้นให้ขุนพลและไหว้กันและกันทั้งคู่ได้ก้มลงไปกราบบิดามารดาทั้งสองฝ่ายพร้อมกับรับพร หลังจากเสร็จสิ้นพิธีหมั้นมีการจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ กันในครอบครัวและญาติสนิทเท่านั้นเพราะเป็นความต้องการของปุยฝ้ายเองที่เธอไม่ชอบอะไรหวือหวาและสิ้นเปลือง

ช่วงปิดเทอมใหญ่

ขุนพลได้ขับรถมาหาปุยฝ้ายที่บ้านเพื่อมารับเธอไปดูหนังและกินข้าวที่ห้างดังในตัวจังหวัดซึ่งบ้านของเขาและเธออยู่ใกล้กันแค่ 12 กิโล ตั้งแต่คบกันขุนพลเข้านอกออกในบ้านปุยฝ้ายเสมอจึงสนิทสนมกับครอบครัวเธอเหมือนลูกชายคนหนึ่งแต่ทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกัน เพราะปุยฝ้ายเธอยังไม่พร้อมและขอดูใจขุนพลไปก่อนซึ่งเขาก็ตกลงแค่จับมือโอบกอดและจูบเธอเท่านั้นเขาก็พอใจและคลั่งรักเธอมาก

@บ้านปุยฝ้าย

“สวัสดีครับพ่อแม่ น้องป๋องแป้ง น้องปาล์มมี่ จะไปไหนกันหรือครับเนี่ยหิ้วกระเป๋าขึ้นรถขนาดนี้” “หวัดดีขุน พ่อแม่และน้องจะไปช่วยงานบวชหลานชายที่ต่างจังหวัดสักสองวันน่ะ” พ่อตอบกลับพร้อมยิ้มรับไหว้ว่าที่ลูกเขย แม่มีพี่ชายคือลุงไปสร้างครอบครัวที่ต่างจังหวัดลูกชายคนโตของลุงกำลังจะบวชแทนคุณบิดามามารดา ทุกคนในบ้านไปร่วมงานและไปค้างคืนที่นั่นยกเว้นปุยฝ้ายต้องอยู่เฝ้าบ้านและดูแลสุนัขตัวโปรดของพ่อ รวมไปถึงจัดส่งผักออร์แกนิกและขนมหวานตามออร์เดอร์ลูกค้าประจำให้พ่อเธอจึงอาสาอยู่จัดการธุระทางบ้านแทน

“เดินทางโดยสวัสดิภาพครับพ่อแม่ ไม่ต้องหว่งทางนี้นะผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนปุยฝ้ายทุกวันครับ” “ฝากปุยฝ้ายด้วยนะขุน” พูดจบพ่อได้สตาร์ทรถยนต์และทุกคนขึ้นรถและออกเดินทางซึ่งหลังจากที่หมั้นหมายพ่อและแม่ของปุยฝ้ายก็ไม่ได้หวงและปิดกันลูกสาวกับแฟนหนุ่ม เพราะทั้งสองได้หมั้นหมายกันไว้แล้วและเขามั่นใจในตัวลูกสาวที่รักนวลสงวลตัวดูแลตัวเองได้ดีเขารักและภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้มาก…

หลังจากพ่อแม่และน้องของเธอเดินทางเขาก็เดินเข้าในบ้านอย่างสบายใจ วันนี้เขาแต่งตัวสบาย ๆเพราะเป็นวันหยุดอยากใช้เวลากับปุยฝ้ายเพราะเหลือเวลาอีกแค่สองสัปดาห์ก็เปิดเทอม เขานั่งรอคู่หมั้นสาวที่ห้องรับแขกเปิดทีวีเปิดตู้เย็นดื่มน้ำเปล่าทำตัวชิวล์เหมือนบ้านของตัวเองเขารู้จักทุกซอกทุกมุมในบ้านยกเว้นห้องนอนของปุยฝ้ายที่เขาไม่เคยขึ้นไป

กรี๊ดดด! ทันใดนั้นเสียงปุยฝ้ายร้องดังขึ้นมาขุนพลรีบวิ่งขึ้นไปดูพบว่าเธอยืนตัวเกร็งเอามือปิดตา เพราะมีงูเขียวตัวเล็กเท่านิ้วก้อยเลื้อยเขามาตรงขอบหน้าต่าง เขาใช้ไม้กวาดเขี่ยงูลงไปเพราะที่บ้านของเธอมีต้นไม้ร่มรื่นจึงมีนกและงูมาอาศัยอยู่ ปุยฝ้ายเพิ่งอาบน้ำเสร็จยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยผมเธอยังไม่แห้งยืนอยู่ในชุดคลุมสีขาวบางทำให้มองเห็นสัดส่วนที่ไม่ได้ใส่ชั้นในสักชิ้น เธอลืมตัวว่าไม่ได้ใส่อะไรเลยข้างในและเดินเข้าไปเกาะแขนขุนพลแน่นซึ่งทำให้เขาใจสั่นเหงื่อแตกเพราะหน้าอกนุ่มนิ่มของเธอได้ไปเบียดแขนล่ำของเขาเต็ม ๆ ซึ่งเธอไม่ได้ระวังตัว

“มันลงไปแล้วปุย” เขาจะเรียกเธอสั้น ๆ ว่า ‘ปุย’ สลับกับบางทีปุยฝ้ายก็เรียกเขาว่า ‘ขุน’ เขาไม่ยอมเรียกเธอว่าพี่ตั้งแต่แรกเพราะเขาไม่เคยเห็นเธอเป็นพี่สาว ขุนพลรีบกอดปุยฝ้ายและหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่และกลิ่นตัวของหญิงสาวทำให้เขาปั่นป่วนจนลืมตัว ด้วยภาพที่เห็นและการกระตุ้นจากสัมผัสที่เธอเอาอกมาเบียดตัวเขามันทำให้ความเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์พองตัวขึ้นมาเต็มลำปุยฝ้ายตกใจและสดุ้งในสิ่งที่เขาจู่โจม

“ขุนทำอะไร ปุยไม่ชอบเราอยู่บ้านกันแค่สองต่อสอง ในห้องนอนขุนลงไปรอปุยข้างล่างนะ” ปุยฝ้ายพูดพร้อมกับดันแขนเขาออกพยายามดิ้นให้คู่หมั้นหนุ่มปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม

“เราหมั้นกันแล้วนะปุยลืมไปแล้วหรือ อะไรกันหมั้นกันไม่ถึงอาทิตย์ลืมง่ายขนาดนั่น” เขาไม่พูดเปล่ามือหนาได้ลูบไปที่ใบหน้าสวยที่ไร้เครื่องสำอางเบา ๆ และจูบปากจิ้มลิ้มสีชมพูอย่างทะนุถนอมปุยฝ้ายสดุ้งอยากดิ้นแต่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ จะขัดขืนแต่ร่างกายกลับสวนทางกับความคิดเธอเปิดปากสวยจูบกลับเขาเป็นจูบที่แสนหวานและเนิ่นนาน เขาค่อยๆ เล้าโลมเธออย่างอ่อนโยนเพราะนี่คือครั้งแรกที่ทั้งสองมีโอกาสได้ใช้เวลาพิศวาทกัน ปุยฝ้ายเริ่มเคลิ้มตามเขาเธอถูกขุนพลจูบคลำไปที่หน้าอกที่ไร้บราข้างในเขาจับหน้าอกเธอและเผอครางออกมาแบบสั่นเครือ…

“นมปุยใหญ่พอดีมือขุนเลย…ทำไมมันนุ่มนิ่มขนาดนี้กลิ่นหอมจัง” ไม่พูดเปล่าเขาอุ้มเธอแล้วเดินไปปิดประตูห้องนอนและวางเธอลงบนเตียงนุ่มสีชมพู ปุยฝ้ายนอนหายใจหอบเพราะไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เธอถูกเขากดลงบนที่นอนนุ่มคราวนี้เขาจูบเธอแบบรุนแรงเป็นการจูบแบบแลกลิ้น เธออ้าปากเพื่อจะเอาอากาศหายใจแต่ถูกขุนพลใช้ลิ้นล้วงเขาไปดูดกลืนน้ำลายหวานของเธออย่างหื่นกระหายเขาจูบเธอจนปากเจ่อ มือหนาแกะฝ้าคลุมบางเบาสีขาวทีคลุมก็เหมือนไม่คลุมออก ก็เห็นเรือนร่างอรชรหน้าอกอวบอิ่มพอดีมือหน้าท้องแบนราบเอวคอดของเธอถูกเขาลูบไล้สะโพกงอนงามก็โดนเขาบีบเค้นจนเธอครางเสียงน่าเกลียดออกมา…

“อือ… ขุนปุยร้อน” ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวมีสีแดงก่ำใบหน้าหล่อใสรีบไซ้ไปตามซอกคอระหงขาวเนียนของเธอ เลียไปที่ใบหูไล่ต่ำลงมาที่ยอดปทุมสีชมพู

“สวยจัง สวยไปหมดทุกส่วน” เขาชมรูปร่างของเธอปุยฝ้ายอายเอามือมาปิดสองเต้าอวบพอดีกับตัว ที่ตอนนี้หัวนมมันแข็งชี้หน้าเขา ด้านล่างช่องแคบของเธอก็เริ่มมีน้ำใส ๆ เยิ้มออกมาเขาเพ่งมองและโลมเลียตัวเธอรูดต่ำลงมาเรื่อย ๆ มือหนาก็คลำขย๋ำไปที่สองเต้าแฝดจนแดงไปทั้งสองข้างเพราะผิวของเธอขาวมาก เขาไล่จมูกลงมากดจุดที่เรียกว่านาผืนน้อยของเธอ มีขนสีดำปกคลุมบาง ๆ ถูกตักตกแต่งมาอย่างดีสะอาดอวบอูมน่ามองมากคุ่หมั้นหนุ่มวัยฉกรรจ์ลอบกลืนน้ำลายลงคอเพราะตอนนี้เจ้ามังกรในกางเกงเขาแทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว

“ห้ามมองนะขุน” เธอรีบเอามือมาปิดนาผืนน้อยของตัวเองด้วยความเขินอายที่ต้องมาเปลือยเปล่าต่อหน้าผู้ชายครั้งแรก และตอนนี้ของสงวนของเธอมันแฉะซึมที่นอนไปหมด…

“ไม่ต้องอายนะ ปุยสวยจะตายขุนทนไม่ไหวแล้ว ขุนขอเสียบเข้าไปในรูของปุยนะครับ” มันไม่ใช่ประโยคคำถามมันคือประโยคบอกเล่า เธอไม่ได้ตอบตกลงคนที่เอาแต่ใจก็จัดการถอดกางเกงและเสื้อออกอย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นรูปร่างที่สูงวงแขนที่มีกล้ามเนื้อซิกแพคที่สวยแน่นบวกกับผิวขาวอมชมพูทำให้รู้ว่าเขาดูแลตัวเองดีมาก ๆ มือหนาได้จับท่อนเอ็นขนาดใหญ่สมส่วนที่ตอนนี้หัวมันมีสีชมพูได้ถอกและบานออกมาเขาใช้มือรูดสองสามครั้งและเอามันมาถูไถกับร่องสวาทของเธอ

นิ้วเรียวที่ซุกซนจัดการบี้เม็ดเสียวของเธอจนต้องเผลอครางออกมาร่างบางบิดกายหนีเขา เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะหนีมือหนาได้จับเอวบางกดให้นิ่งจากนั้นแยกขาเรียวทั้งสองข้างออกจากกันใช้นิ้วกลางสอดเข้าไปในร่องของเธอ…. ปุยฝ้ายสดุ้งเล็กน้อยด้วยความที่เธอยังไม่เคยกับเรื่องพวกนี้ และขุนพลเป็นผู้ชายคนแรก เธอจึงทำตัวไม่ถูกใจสั่นตัวสั่นไปหมดนิ้วเรียวของคู่หมั้นหนุ่มค่อย ๆ ชักเข้าออกช้า ๆ จนเธอรู้สึกผ่อนคลายส่งเสียงครางเสียงหวานออกมาร่องสาวมีการตอดรัดนิ้วเขาตามสัญชาตญาณ

ซึ่งเขาก็รับรู้ว่าปุยฝ้ายไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนจึงอ่อนโยนกับเธอให้มากที่สุดกลัวว่าคู่หมั้นสาวคนสวยจะเจ็บและบอบช้ำ เธอครางเสียงกระเส่าลืมความอายไปหมดแล้วตอนนี้เขาได้ทำให้เธอจนเธอเสร็จร่องสวาทของเธอคับและแคบมาก ๆ ทำเอาชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าร่องของเธอจะรับท่อนเอ็นอุ่น ๆ ของเขาได้ไหม จึงพยายามปลุกให้เธอมีอารมฌ์ร่วมมากที่สุดหลังจากช่องแคบของเธอตอดนิ้วเขารัว ๆ ตัวเธอเกร็งกระตุกและมีน้ำรักไหลหลั่งออกมาจนเลอะมือและที่นอนเต็มไปหมดเป็นสัญญาณว่าเธอเสร็จสม ซึ่งตัวเขาก็ปวดหนึบ ๆ ที่ท่อนเอ็นของตัวเองมันทรมานและอึดอัดในที่สุดได้จับขาเรียวอ้าออกจนเห็นรูข้างในกลีบกุหลาบสีชมพูแดงมันระบมและบวมเป่งแล้วค่อย ๆ บรรจงยัดท่อนเอ็นลงไปช้า ๆ

“เข้ายากจังว่ะ…ทำไมมันไม่เข้า” ขุนพลดันท่อนเอ็นใหญ่ยาวสีชมพูของเขาเข้าไปในร่องสวาทของปุยฝ้ายได้เพียงครึ่งเดียว ความรู้สึกของปุยฝ้ายที่มีส่วนของขุนพลเข้ามาอยู่ในร่างกายเธอมันรู้สึกแปร๊บ ๆ เจ็บไปถึงข้างในจนเธอน้ำตาไหลออกมามันทั้งเจ็บทั้งจุก นิ่ม คับตึง อุ่นและเสียวปะปนกันมาราวกับว่ามีอย่างอย่างข้างในได้ฉีกขาด

“โอ๊ยยย! ปุยเจ็บ ขุนทำอะไร” ขุนพลนี่คือครั้งแรกของเขาถึงเขาจะหน้าตาดีมีตัวเลือกมากมายแต่หลังจากเขาคบกับเธอเขาก็ไม่ยุ่งกับใครเพราะทั้งคู่มีสัญญาใจต่อกัน แต่เขาก็ทำได้ดีเหมือนชำนาญเพราะเขาก็ได้ศึกษาเรื่องเซ็กส์มาบ้างแล้วกับเพื่อนชายหนุ่มวัยรุ่นของเขา

“รอขุนสักครู่นะ เจ็บเหมือนกัน” เขาก็รู้สึกเจ็บและเสียวเหมือนกันเพราะข้างในโพรงสวาทของเธอมันแคบและบีบมาก เขาพยายามอีกครั้งคราวนี้เขาดันทีเดียวจนสุดลำ

กึด! หัวท่อนเอ็นได้เข้าไปในโพรงสวาทของเธอจนมิดและมันมีเลือดสีแดงไหลออกมาติดที่จุดเชื่อมต่อของคนทั้งสอง ปุยฝ้ายร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บแสบแทบจะแหลกสลาย

“กรี๊ดดด! เอามันออกไปขุน ปุยเจ็บ” เขาไม่ฟังเธอแม้แต่น้อยในนาทีนี้คงหยุดไม่ได้แล้วพยายามดันท่อนเอ็นต่อและค่อย ๆ กระเด้าเอวสอบจากช้า ๆ จนเริ่มคล่องตัวก็เริ่มเร่งจังหวะความเร็วขึ้น

ปึก! ปึก! ปึก! เสียงเนื้อกระทบกันพร้อมกับเสียงครางของทั้งคู่ดังระงมเหงื่อท่วมตัวทั้งสองร่างรวมกันเป็นหนึ่ง

“อื้อ! อ๊ะ” ยิ่งช่องคลอดเธอบวมเป่งยิ่งตอดรัดท่อนเอ็นเขาข้างในโพรงสวาทอุ่นและนุ่มมีน้ำหล่อลื่นของทั้งคู่ปะปนกัน

“อ๊ะ ปุยเสียว ขุนทำเบา ๆ อื้อ….ไม่ไหวแล้ว”

“ปุยรอขุนนะเราจะเสร็จพร้อมกัน” ร่างสูงของเขาเกร็งกระตุกเมื่อร่องสวาทของเธอตอดเขาถี่ ๆ

“ขุนรักปุยมากน่ะ อ่ะ ซี๊ดส์” ขุนพลพูดติด ๆ ขัด ๆ เขาบอกรักคู่หมั้นสาวในขณะที่กำลังร่วมรักกับเธออยู่

“ร่องปุยตอดไอ้เจ้าลูกชายขุนดีจัง ไม่ไหวแล้วจะแต่ะ…แตกแล้ว” มือหนารีบดึงท่อนเอ็นใหญ่ยาวออกมาและรูดชักเข้าออกสองสามคลั้งใบหน้าหล่อใสเหยเกไม่ต่างจากใบหน้าของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง สักพักก็มีน้ำสีขาวขุ่นข้นพุ่งออกมาที่หน้าท้องแบนราบเขาฟุบหน้าลงไปบน สองเต้าอวบอกของเธอ…..แต่ทว่าส่วนของความเป็นชายของเขามันยังไม่ยอมสงบยังแข็งตัวพร้อมจะกระแทกเธอต่อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel